แม้วชักธงรบสู้ถึงตาย ลั่นสงครามยังไม่จบ/เต้นสารภาพพท.ขาดทักษิณไม่ได้


เพิ่มเพื่อน    

     “ทักษิณ” ประกาศปักธงรบแล้ว! โวสงครามยังไม่จบ จะแพ้มีแค่ 2 ทาง คือตายกับยอม   “ณัฐวุฒิ” เลิกเหนียม บอกชัดๆ เพื่อไทยขาด “แม้ว” ไม่ได้ อ้างเกิดและอยู่ในใจคนไทยได้เพราะคนหน้าเหลี่ยม  “บุญยอด” ถามสั้นๆ แต่เจ็บ เหตุใดขาดนักโทษไม่ได้ แก้กฎหมาย กกต.ยังอึมครึม “ประยุทธ์” ชี้ยังอยู่ช่วงหารือ เลือกตั้งเมื่อใดเมื่อไหร่ “ปชป.-พท.” พาเหรดถล่มแผนยื้อหย่อนบัตรไปปลายปี 
     เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ส.ค. เพจเฟซบุ๊ก Peace  News ที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะนักโทษหนีคำตัดสินศาล ได้โพสต์ข้อความว่า กลุ่มแฟนคลับภาคอีสานได้เดินทางมาพบนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยได้ร่วมรับประทานอาหารจีนที่โรงแรมมาโคโปโล ฮ่องกง โดยแฟนคลับได้นำเค้กมาอวยพรวันเกิดนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ซึ่งนายทักษิณได้แจกหมวกแก๊ปสีขาว-แดง พร้อมลายเซ็น 
     ทั้งนี้ นายทักษิณได้กล่าวว่า อยากบอกทุกคนว่า ขอให้ทุกคนแข็งแรง อยากบอกทุกคนว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ คำว่าแพ้มีได้ 2 กรณี คือ 1.แพ้เพราะตาย กับ 2.แพ้เพราะยอมไปเอง ถ้าเรายังสู้อยู่เราก็จะไม่แพ้ นั่นก็คือมีแต่แบทเทิล ไม่มีวอร์ วอร์มันจะเอนด์ต่อเมื่อทุกอย่างมันจบ แต่สู้กันกี่ยกๆ นี่คือแบทเทิล ซึ่งวอร์ยังไม่จบ เรายังต้องทำต่อไป
     “สิ่งที่สำคัญที่สุด คือวอร์เพื่อประชาธิปไตย ผมอายุ 69 ปีแล้ว สิ่งที่อยากเห็นคืออยากเห็นประเทศไทยกลับมารุ่งเรืองใหม่ และที่สำคัญคืออยากเห็นศักดิ์ศรีกลับมาสู่คนไทยทุกคน เพราะวันนี้เราถูกลดด้อยศักดิ์ศรีลงไปเยอะ เราเคยอยู่กับระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีศักดิ์ศรี มีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน แต่วันนี้เราถูกปกครองโดยใครก็ไม่รู้ ที่อยู่ๆ ก็ถือปืนมาปกครองกดขี่พวกเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรารับไม่ได้ ถึงวันเลือกตั้งเมื่อไหร่จะเป็นวันที่ประชาชนตัดสินว่าผมพูดจริงหรือเปล่า ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจ เพราะเรายังจะต้องประกอบอาชีพกันต่อไป ไลฟ์มัสต์โกออน” นายทักษิณกล่าว
     ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ถือแถน ประสพโชค  โพสต์คลิปวิดีโอ 2 คลิป ความยาวคลิปละ 10 วินาที เป็นภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถ่ายรูปกับนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง หนึ่งในทีมทนายความ และคลิปขณะตักอาหารให้คณะที่เดินทางไปพบ โดยหนึ่งในนั้นปรากฏภาพนายพิชิต ชื่นบาน อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษากฎหมาย ร่วมอยู่ในโต๊ะอาหารด้วย
      ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์พิเศษเว็บไซต์ประชาไท โดยช่วงหนึ่งเขาตอบคำถามที่ว่า คนภายนอกมองพรรคเพื่อไทย (พท.) ยังเป็นของคุณทักษิณและตระกูลชินวัตร เมื่อไหร่จะก้าวข้ามคุณทักษิณและตระกูลชินวัตรไปสู่ความเป็นสถาบันเสียที ซึ่งนายณัฐวุฒิตอบว่า คำว่าก้าวข้ามมันฟังดูแล้วไม่เป็นบวก เพราะต้องยอมรับคุณูปการของการเป็นนายกฯ ทักษิณ มันสำคัญมากที่ทำให้ พท.ยังคงอยู่ในใจของประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าก้าวข้าม บอกว่าป็นเพียงว่าแต่ละส่วนจัดวางสถานะหรือบทบาทอย่างเหมาะสมเป็นไปได้มากกว่า
มองไม่ออก พท.ไร้ทักษิณ
     "จะบอกว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีทักษิณ ผมก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าคุณจะเดินไปยังไงในสนามเลือกตั้ง แต่ถ้าบอกว่ายี่ห้อทักษิณ นโยบายทักษิณ ประชาชนเชื่อใจและเชื่อมั่น ในขณะที่จะไปบอกว่าพรรคเพื่อไทยมีทักษิณอย่างเดียว ไม่มีประชาธิปไตยก็ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่การจะเป็นสถาบันการเมืองของพรรคเพื่อไทยจะจัดวางสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้อย่างไร ซึ่งส่วนตัวผม ผมคาดหวังว่าจะเห็นในรอบของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงว่าจะจัดวางสถานะบทบาทกันอย่างไร" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิยืนยันว่า จะบอกว่าเพื่อไทยไม่ใช่ทักษิณ ไม่เห็นด้วย คุณจะปฏิเสธสิ่งที่คุณเกิด คุณเติบโตมาได้อย่างไร เพราะถ้าไม่ใช่ไทยรักไทย ไม่ใช่นโยบายที่มีนายกฯ ทักษิณเป็นผู้นำ ผู้บริหารพรรคไทยรักไทยอาจจะเหลือแต่ชื่อตั้งแต่รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 จึงไม่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยต้องปฏิเสธการดำรงอยู่ของนายกฯ ทักษิณ แต่ขณะเดียวกัน เพื่อการไปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองจะจัดวางสถานะนี้อย่างไร
     "ถ้ามีใครในพรรคเพื่อไทยเสนอจะก้าวข้ามทักษิณ ผมเห็นต่างครับ ผมคิดว่าพรรคการเมืองที่เป็นพรรคใหญ่ที่สุดของประเทศมายาวนาน ต้องมีมิติทางความคิดที่คมคายและลึกซึ้งกว่านั้น ที่จะจัดวางสิ่งที่มีคุณค่าที่มีอยู่ทั้งหมดให้ลงตัวและเดินไปข้างหน้าทางการเมืองได้ ผมว่านั่นแหละเป็นสิ่งที่แสดงความเหนือชั้นกว่าแค่คิดว่าจะก้าวข้ามหรือไม่ก้าวข้ามทักษิณ" นายณัฐวุฒิย้ำ
     ส่วนนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามสั้นๆ ในเรื่องนี้ว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้พวกคุณขาดทักษิณไม่ได้?
     ด้านนายพชร นริพทะพันธุ์ สมาชิกกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทย ลูกชายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการและคอลัมนิสต์ ที่เขียนบทความวิเคราะห์ถึงบทบาทการหายไปของ พท.ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และไม่เชื่อว่าจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายว่า ความจริง พท.ไม่ได้หายไปไหน ต่อสู้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์มาตลอด 4 ปี และไม่ได้เงียบ หรือหลบเลียแผลอยู่ที่ไหน แต่ลูกศิษย์ทักษิโณมิกส์ทุกคนกำลังระดมสมองที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับประชาชน 
วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและคืนสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชนโดยเร็ว โดยเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน รวมถึงประกาศ คสช.และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่มีผลจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งหมด
     สำหรับความเคลื่อนไหวเรื่องดูด ส.ส.นั้น พบว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ได้นัดพบกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือของกลุ่มสามมิตรที่เดินทางมาพบเป็นจำนวนมาก อาทิ จ.นครสวรรค์ ชัยนาท แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และแม่ฮ่องสอน รวมทั้งมีนายภิญโญ นิโรจน์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติพัฒนา ได้มาพบด้วย ทำให้นายสมศักดิ์ต้องมอบหมายให้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร เดินทางไปพบกลุ่มผู้ปลูกยาสูบแทน
ลั่นเลือกตั้งเมื่อไหร่เมื่อนั้น
     ส่วนกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2561 ที่เมืองทองธานี ว่าเห็นเพียงข่าวในหนังสือพิมพ์ ยืนยันว่าถ้าแก้ไขจะไม่มีอะไรกระทบโรดแมปทั้งนั้น และยังไม่ได้บอกว่าจะแก้ไขด้วยซ้ำไป เขากำลังหารือกันอยู่ วันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง 
“ที่ออกมาพูดกันมีกี่คน เลือกตั้งก็คือเลือกตั้ง เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ถึงวันไหนก็ทำกันวันนั้น เพราะเขากำหนดการออกมาแล้วไม่ใช่หรือ ก็พูดกันอยู่ได้ว่าจะแก้ตรงโน้นจะแก้ตรงนั้น แล้วจะทำให้ทุกอย่างมันล่าช้า ใครทำ คนพูดคือใคร นักการเมืองให้เขาพูดอยู่นั่นแหละ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     ก่อนหน้านี้ ในงานมอบรางวัล ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทักนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.  ที่มาร่วมงานว่า ขอบคุณท่านประธาน กกต.ที่มาร่วมงาน แม้ว่ากองทุนของท่านจะไม่อยู่ในมาตรการตรงนี้ เพราะมีข้อยกเว้น แต่ก็ต้องทำให้ดีตามนี้ รู้ว่ามีความตั้งใจดีทุกคน ซึ่งตนเองไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ต้องแก้ไขปัญหาทุกวัน ไม่ว่าปัญหาอะไรก็ตาม ต้องรับผิดชอบและแก้ไขให้ได้ตามแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสม หากตีกันไปตีกันมา ก็ต้องลงไปตัดสินอยู่ดี วันนี้ไม่มีปัญหากับใครทั้งสิ้น เตรียมการไปสู่การเลือกตั้งในอนาคต 
ด้านนายศุภชัยยืนยันว่า ไม่ได้ขัดแย้งอะไร เพียงแต่เราชี้แจงเท่านั้น เราทำตามตารางที่วางไว้ในการทำงาน ตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งตั้ง เพียงแต่คัดเลือกเสร็จก็ส่งไปให้แต่ละจังหวัดประกาศ ถ้ามีการคัดค้านว่าขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม เราก็ไม่ตั้ง การจะตั้งหรือไม่ตั้ง ตอนนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างรอมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งกกต.ชุดใหม่ ถ้าโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว จะเป็นหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ เพียงแต่เราดำเนินการตามกระบวนการไว้แล้ว และท่านก็จะมาดู
     เมื่อถามว่า ตามกฎหมายสามารถโละได้ทั้งหมดหรือได้บางส่วน เพราะ สนช.ยืนยันว่ามีสิทธิแก้กฎหมาย นายศุภชัยกล่าวว่า ใช่ สนช.ทำหน้าที่ออกกฎหมาย ส่วนเราเป็นผู้ปฏิบัติ กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น เราไม่สามารถก้าวล่วงการออกกฎหมายได้ ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เราทำตามหน้าที่
     “วันนี้ในงานที่เมืองทองธานี ได้เรียนท่านนายกฯ  อย่างที่ให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้พูดอะไร” นายศุภชัยระบุ 
     ต่อมานายศุภชัยให้สัมภาษณ์อีกครั้งย้ำว่า ก่อนหน้านี้ กกต.ได้ปรึกษาหารืออย่างละเอียด ดูกรอบเวลาต่างๆ แล้วจำเป็นต้องเดินหน้าคัดเลือก รอไม่ได้ เพราะตาม พ.ร.ป.กกต.กำหนดให้ใช้ผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้งในการเลือก ส.ว.และ ส.ส. ซึ่งกฎหมาย ส.ว.จะครบกำหนดเวลาทูลเกล้าฯ ถวาย 90 วันในวันที่ 13 ก.ย.นี้ เมื่อกฎหมายประกาศใช้ต้องเดินหน้าสรรหา ส.ว.ทันที โดยคาดว่าจะมีการทูลเกล้าฯ ถวายพระราชกฤษฎีกาให้ดำเนินการได้มาซึ่ง ส.ว.ในช่วงเดือน พ.ย. ซึ่งผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องเริ่มปฏิบัติหน้าที่ 1 เดือนก่อนและหลังมี พ.ร.ฎ. จึงเกรงว่าถ้าไม่คัดเลือกไว้ จะกลายเป็นปัญหาต่อการทำงานของ กกต.ชุดใหม่
คิดเองกระทบโรดแมปไหม
     "เราไม่ได้มีเจตนาตั้ง แต่ต้องทำตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด จะอยู่ว่างๆ ไม่ทำอะไรไม่ได้ เราปรารถนาดีกับ กกต.ชุดใหม่ ที่เข้ามาเพื่อให้การทำงานไม่สะดุด และจะได้สานต่องานได้เลย ส่วนที่จะแก้ไข พ.ร.ป.กกต.ในเรื่องนี้นั้น มีขั้นตอนและเวลาพอสมควร รวมแล้ว 2-3 เดือน ผู้ตรวจการเลือกตั้งชุดใหม่จึงทำงานได้ ดังนั้นถ้า พ.ร.ป.กกต.ที่แก้ไขดำเนินการแล้วเสร็จ และมีการประกาศใช้ช่วงก่อนเลือกตั้ง ส.ส. ผู้เกี่ยวข้องก็ต้องพิจารณาเองว่ากระทบต่อโรดแมปการเลือกตั้งที่วางไว้หรือไม่” นายศุภชัยกล่าว
    นายประวิช รัตนเพียร กกต. ระบุว่า เรามั่นใจว่าสิ่งที่ทำมีความจำเป็นเพื่อให้เกิดความพร้อมก่อนที่กฎหมายลูกอีก 2 ฉบับจะมีผลใช้บังคับ ยืนยันว่าทำตามหน้าที่ ระเบียบ ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานฉับพลัน ไม่ใช่ทิ้งทวนหรือทิ้งท้ายใดๆ เราทำตามความจำเป็นที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมาย
     ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวถึงสมาชิก สนช. 36 คน เสนอแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ว่าผู้ร่วมลงชื่อได้ยื่นต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.แล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของประธาน สนช. หากประธานมีคำสั่งให้เข้าสู่คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ก็คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า หรืออีก 1 สัปดาห์ถัดจากนั้น ซึ่งต้องพิจารณาทั้งความเหมาะสม เพราะขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ดังนั้น วิป สนช.ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ
“ที่กล่าวหา สนช.จงใจจะเยื้อการเลือกตั้งนั้น เป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมกับ สนช. เพราะความจริงเป็นการใช้สิทธิของแต่ละสมาชิก ส่วนสภาจะเห็นด้วยหรือไม่  ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น และเท่าที่ดูไม่น่ามีอะไรกระทบโรดแมปเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องการก้าวก่าย กกต.ด้วย” นายสุรชัยระบุ
     นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก สนช. ซึ่งเป็น 1 ใน 36 รายชื่อ กล่าวว่า ถือว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ เรายินดีรับฟังคำวิจารณ์ของ กกต. โดยเฉพาะที่ระบุว่า สนช.ไม่มีความรอบคอบในการพิจารณา พ.ร.ป.กกต.จนต้องมาแก้ไขนั้น ต้องบอกไม่มีกฎหมายฉบับใดสมบูรณ์ 100% ทุกฉบับมีช่องโหว่ เมื่อเห็นว่าไม่รอบคอบก็ต้องแก้ไข
     นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ชี้ว่า การแก้ไขกฎหมายลูกครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านขั้นตอนมากมาย และยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ดูแนวโน้มคงแก้ไขเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งเดือน ก.พ.2562
ด้านความเห็นของซีกนักการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวเรื่องนี้ว่า ไม่ค่อยเห็นเหตุผลที่อยู่ดีๆ จะเคลื่อนไหวแก้กฎหมาย ทั้งที่คนคิดจะแก้ก็คือคนที่เขียนมาเอง แล้วก็ยังไม่ทันได้เริ่มทำงาน การเสนอแก้กฎหมายกลายเป็นว่าระบบไม่มีความแน่นอน มาตรฐานคืออะไร 
เชื่อเลือกตั้งไปปลายปี
     นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรค ปชป. กล่าวว่า ขอเสนอให้ สนช.ถอนร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ออกไป มิฉะนั้นจะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปถึงปลายปี 2562 เพราะขั้นตอนในการได้บัญชีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คน ต้องยืดไปอีกราว 9 เดือน
ส่วนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า สะท้อนถึงการทำงานที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ และเหตุผลจริงๆ ในความพยายามที่จะแก้ไขแก้ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.คืออะไร มีใบสั่งใคร หรือกระทำการตามพิมพ์เขียวของฝ่ายใดหรือไม่ เพราะแม้แต่แม่น้ำสายเดียวกันเองยังเห็นต่าง และเกิดภาพความขัดแย้งหรือไม่ 
     นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พท. กล่าวว่า มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากตั้งใจทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปจากต้นปี 2562 ที่ พล.อ.ประยุทธ์กำหนดไว้ เพราะก่อนหน้านี้ นายกฯ ประกาศโรดแมปเลือกตั้งแล้วเลื่อนมาหลายครั้ง ด้วยเทคนิคทางกฎหมายที่เขียนมาแล้วแก้ใหม่จนวุ่นวาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะยังไม่มั่นใจว่าเลือกตั้งแล้วจะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก จึงอยากอยู่ในอำนาจโดยการยื้อการเลือกตั้งใช่หรือไม่
     “วันนี้ที่บ้านเมืองสงบเพราะคนเฝ้ารอการเลือกตั้ง  แต่ถ้าต้องเลื่อนออกไปอีก เชื่อว่าคนจะลุกขึ้นมาทวงในสิ่งที่ท่านให้สัญญา และความวุ่นวายจะเกิดขึ้น ดังนั้น ขอเรียกร้องให้นายกฯ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งต้นปี 2562 เพื่อไม่ให้ประเทศกลับเข้าสู่วังวนความขัดแย้ง” นายวรชัยกล่าว
วันเดียวกัน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมภา เลขาธิการ กกต.ระบุว่า การประชุม กกต.เมื่อวันที่ 8 ส.ค. มีมติเห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรับจดทะเบียนให้พรรคประชาภิวัฒน์ ที่นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคเมื่อวันที่ 3 พ.ค. และพรรคพลังพลเมืองไทยที่นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรคและยื่นขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 พ.ค. เป็นพรรคการเมืองแล้ว
     ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กกต.ได้รับจดทะเบียนให้พรรคทางเลือกใหม่และพรรคมติประชาเป็นพรรคการเมืองไปแล้วตามกฎหมาย ทำให้ขณะนี้มี 4 พรรคการเมือง ส่วนพรรคการเมืองที่มีการยื่นคำขอเข้ามา และอยู่ระหว่างการพิจารณาของนายทะเบียน ประกอบด้วย พรรครวมใจไทย, พรรคประชาธรรมไทย, พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคประชาชนปฏิรูป, พรรคอนาคตใหม่, พรรคไทยธรรม, พรรคพลังชาติไทย และพรรครวมพลังประชาชาติไทย รวม 8 พรรคการเมือง ซึ่งนายทะเบียนจะเร่งพิจารณาเอกสารหลักฐานโดยเร็วต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"