คุกทำให้คนเปลี่ยนได้ 
    อยู่ที่จะเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นหลังเท้า 
    หรือจากหลังเท้าพลิกมาเป็นฝ่ามือ
    คงผ่านตากันไปแล้วกับบทสัมภาษณ์ของ จตุพร พรหมพันธุ์  ใน "แทบลอยด์ไทยโพสต์" ฉบับวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
    "ในมุมมองของผมต้องการให้การเมืองอยู่บนหลักการมากกว่าตัวบุคคล การเมืองถ้าผูกติดกับอุดมคติแนวทางอุดมการณ์มันจะยั่งยืน ส่วนตัวบุคคลสามารถถูกทำลายได้ มีขึ้นมีลง มีบวกมีลบ นี่คือโลกแห่งความจริงหนีไม่พ้น จึงควรต้องยึดแนวทางอุดมการณ์เป็นหลัก คือควรต้องนำบุคคลออกไป การตัดสินแนวทางอุดมการณ์ต้องเอาหน้าคนออกไป เช่นเดียวกับความยุติธรรมไม่ต้องดูหน้า อุดมการณ์ดูหน้าไม่ได้ แต่ต้องดูที่แกนและเนื้อหาว่าความจริงคืออะไร"
    นั่นเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยืนยันว่าเพื่อไทยขาดนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้แน่นอนเป็นคำตอบที่ถูกใจฝ่ายต่อต้านทักษิณ 
    สำหรับสมุนทักษิณแล้ว ย่อมไม่พอใจแน่นอน 
    แต่ถ้าสลัดความคิดทุกฝ่ายออกไป จะเห็นการเมืองที่อยู่บนหลักการที่ถูกต้อง การเมืองต้องเป็นของประชาชน
    ไม่ใช่คนใด หรือตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
    คนในพรรคเพื่อไทยต้องคิดตาม การที่ "จตุพร พรหมพันธุ์" บอกว่า 
    "...เราไม่ควรจะสะดุดหินก้อนเดิมถึงสองครั้งติดต่อกัน สะดุดครั้งแรกก็โอเคเพื่อให้รู้ว่ามันมีก้อนหิน แต่สะดุดครั้งที่สองมันคนละอย่าง ไม่ควรสะดุดหินก้อนเดิมถึงสองครั้ง แต่ที่ผ่านมาก็เกินสองแล้ว เพราะฉะนั้นมันต้องคิด และต้องคิดให้มาก คือต้องข้าม อย่าไปห่วงเรื่องการเลือกตั้ง..."
    จะเรียกว่านิพพานทางการเมืองคงจะเวอร์ไป แต่นี่คือคำพูดของคนที่ได้รับบทเรียนมากที่สุดในบรรดาคนของทักษิณ
    "จตุพร พรหมพันธุ์" มองเห็นอะไร?
    การเข้าไปอยู่ในคุก คงทำให้ "จตุพร พรหมพันธุ์" เห็นสัจธรรมในหลายเรื่องหลายประเด็น
    หนึ่งในนั้นคือ ไม่ควรมีการเมืองที่ผิดพลาดอีก 
    การเมืองที่ไม่ผิดพลาดต้องทำอย่างไร?
    ก็อย่างที่ "จตุพร พรหมพันธุ์" เล็กเชอร์มา ต้องเริ่มต้นที่การเปลี่ยนอุดมการณ์ทางการเมืองที่เคยบูชาตัวบุคคล ต้องหันไปหาหลักการวางระบบพรรคการเมืองให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ทุกวันนี้ พรรคเพื่อไทยยังสวนทางอยู่
    การโค้งคำนับนักโทษหนีคุก ผู้ต้องหาหนีคดีโกง ยังคงเป็นเรื่องปกติของคนในพรรคเพื่อไทย 
    พรรคเพื่อไทยมองข้ามคำพิพากษาของศาล อ้างว่าคือความอยุติธรรม จะก่อปัญหาตามมาไม่จบสิ้น 
    การสะดุดหินครั้งที่สาม สี่ จะตามมา 
    สุดท้ายคือลงเหวกันทั้งหมด.