ศุลกากรผุด “ศูนย์ข้อมูลการข่าว” ใครเดินทางไปต่างประเทศบ่อย จะถูกเพ่งเล็งตรวจกระเป๋า


เพิ่มเพื่อน    

ศุลกากรผุด “ศูนย์ข้อมูลการข่าวทางศุลกากร” อุดช่องโหว่เลี่ยงภาษี ลักลอบนำเข้าสินค้า เชื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บ อำนวยความสะดวกทางการค้า

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า  กรมศุลกากรได้เริ่มใช้ระบบออนไลน์ในพิธีการศุลกากรกับทุกหน่วยงานเพื่อให้บริการนำเข้า และส่งออกสินค้า ซึ่งจะทำให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งกรมศุลกากรจะมีการตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อศูนย์ข้อมูลการข่าวทางศุลกากร  จะมีการปรับเลิกเกณฑ์ระงับคดีในสินค้าบางประเภท เปิดโอกาสทำผิดได้เพียง 1 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสำแดงสินค้าเป็นเท็จ สำแดงราคาต่ำ หรือการนำเข้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หากทำผิดครั้งแรกจะดำเนินการปรับตามระเบียบของกรมศุลกากรปรับ 2-4 เท่า  และเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้หากพบว่ามีการทำผิดครั้งที่  2  จะทำสำนวนส่งฟ้องศาลพิจารณาความผิดทางอาญา  โดยไม่มีการเจรจาผ่อนปรนเรื่องระงับคดีในชั้นของศุลกากรอีกต่อไป

สำหรับการตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวศุลกากร  เพื่อบริหารความเสี่ยงโดยการทำข้อมูลผู้น่าสงสัยกระทำผิด เช่น การเดินทางในช่วง 180 วัน หากเดินทางเข้าออกต่างประเทศถึง 140 วัน ไปยังประเทศกลุ่มเป้าหมายที่จับตา จะต้องขอตรวจดูสินค้านำเข้าติดตัวเข้ามาผ่านสนามบิน โดยไม่ต้องเสียเวลาติดตามกับผู้โดยสารจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มที่ขึ้นบัญชีแบล็กลิส จะถูกส่งรายชื่อไปยังด่านศุลกากรทุกแห่งทั่วประเทศ 

 “กรมฯ ยังได้เพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบการสั่งซื้อสินค้า E-Commerce เพราะปัจจุบันแจ้งนำเข้าสินค้าส่งทางไปรษณีย์ไม่เกิน 1.5 พันบาทจำนวนมาก แต่ตั้งแต่เริ่มตรวจเข้มงวดทำให้ยอดรายได้ภาษีนำเข้าเพิ่มเป็นประมาณ 5 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมที่เก็บไม่ได้เลย นอกจากนี้ยังตรวจพบว่ามีการสั่งซื้อกัญชาจากสหรัฐฯ  เข้ามาทางไปรษณีย์มากขึ้น หลังสหรัฐฯ เปิดให้มีการซื้อขายได้เป็นแบบเสรี  รวมถึงการนำเข้าไอซ์จากสหภาพยุโรป ซึ่งตรวจจับได้สูงนับร้อยชิ้นต่อเดือน ซึ่งได้มีการส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป” นายกุลิศ กล่าว

นายกุลิศ กล่าวอีกว่า กรมศุลกากรยังเดินหน้าเชื่อมโยงข้อมูลกับหลายหน่วยงานตามนโยบาย NSW (National Single Window)  เตรียมเริ่มใช้กับทุกหน่วยงานรัฐ ที่ต้องออกใบอนุญาตนำเข้า ส่งออกสินค้า เพื่อลดปัญหาการใช้เอกสารซ้ำซ้อน จึงกำหนดให้ผู้ส่งออก นำเข้า แจ้งเอกสารหลักที่กรมศุลกากร จากนั้นจะแชร์ข้อมูลดังกล่าวเชื่อมไปยังทุกหน่วยงาน นำร่องสินค้าวัตถุอันตราย สินค้าเกษตร เป็นสินค้าที่ต้องขอใบอนุญาต อย. และด้านเกษตร  ขณะนี้เชื่อมข้อมูลแล้ว 8 หน่วยงาน  จากนั้นจะเริ่มทยอยใช้เต็มรูปแบบในปี 2562 ครบทุกหน่วยงาน 33 แห่ง  เพื่ออำนวยความสะดวกนำเข้าส่งออกสินค้า ลดการใช้เอกสารซ้ำซ้อน   เพื่อใช้เอกสารสำหรับออกใบอนุญาตเฉพาะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้กรมศุลกากรยังได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลให้ตั้งหน่วยใหม่ขึ้นเป็นสำนักงานขึ้นมาดูแลรับผิดชอบ NSW เป็นการเฉพาะ ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) แล้ว เพราะเป็นนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะเรื่องนี้ดำเนินการมาหลายปี แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการอำนวยความสะดวกการค้าให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"