แม้วจัดทัพสู้เลือกตั้ง ชูปฏิรูปกห.-ขายเรือดำนํ้า มั่นใจกวาดเก้าอี้ส.ส.'260'


เพิ่มเพื่อน    

     "เพื่อแม้ว" จัดทัพสงครามเลือกตั้งแต่ไก่โห่ ชูแคมเปญยกเลิกเกณฑ์ทหาร-ขายเรือดำน้ำเอาเงินสร้าง รพ. "ทักษิณ" กำชับอดีต ส.ส.ลงพื้นที่ มั่นใจชนะ 260 เสียง ลั่นมีอำนาจรื้อแหลก รธน.ยัน พ.ร.บ.กลาโหม อ้างเป็นอุปสรรค ปชต. "วัฒนา-สุณิสา" ตอกย้ำปฏิรูปกองทัพให้เล็กตรวจสอบได้ "ปชป." ดักคอ คสช. ต้องรับผิดชอบใช้เรื่องปลดล็อกเป็นเกมช่วงชิงความได้เปรียบ ระวังได้ไม่คุ้มเสีย "สุริยะใส" เตือนทำไพรมารีโหวตไม่เต็มรูปแบบอาจถูกร้องขัด รธน. "กลุ่มสามมิตร" หนุน "ประยุทธ์" ลงบัญชีนายกฯ
     เมื่อวันอาทิตย์ มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า หลังจากสัญญาณเลือกตั้งถูกส่งมาค่อนข้างชัดเจนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562 ทำให้ทางพรรคต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ โดยเฉพาะด้านนโยบายที่ถือเป็นจุดแข็งของพรรคมาโดยตลอดตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ขณะนี้ได้มีการเตรียมจัดทำร่างนโยบายเพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง จะชูประเด็นการแก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลัก พร้อมทั้งมอบหมายให้แกนนำพรรคแต่ละคนรับผิดชอบ จัดทำแคมเปญนโยบายเป็นรายกระทรวง นอกจากนี้ยังมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษอีกหลายชุดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่มีข้อบกพร่องเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศมากมาย อาทิ รัฐธรรมนูญ 2560 พ.ร.บ.ป.ป.ช., พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส., พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และ พ.ร.บ.การจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมเป็นต้น ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกกลับมาเป็นรัฐบาล จะมีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน
    รายงานข่าวเผยว่า ที่ผ่านมามีแกนนำพรรค อดีตส.ส. สมาชิกพรรค เดินทางไปหานายทักษิณ ชินวัตร ที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก นายทักษิณแสดงความมั่นใจจากผลโพลภายในที่มีต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยยังได้รับความนิยมจากชาวบ้าน น่าจะได้ที่นั่งกลับมามากถึง 260 เสียง ส่วนพรรคอนาคตใหม่ ที่นโยบายโดนใจคนรุ่นใหม่ ถือว่าเป็นพรรคที่น่าจับตา อาจได้ ส.ส.มากถึง 40 ที่นั่ง และเห็นว่าการเลือกตั้งคงจะเกิดในเดือน ก.พ.ปีหน้าแน่นอน หากยิ่งเลื่อนออกไปจะเกิดผลเสียกับรัฐบาลทหาร แต่จะเป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยที่จะหาเสียงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากวันนี้ชาวบ้านระดับล่างประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก รวมทั้งได้กำชับต่ออดีต ส.ส.ที่เดินทางไปพบให้หมั่นลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน สอบถามความต้องการอยากให้พรรคช่วยแก้ปัญหาในเรื่องใดบ้าง แล้วรวบรวมเป็นข้อมูลส่งไปให้แกนนำพรรค จัดทำเป็นนโยบายต่อไป นอกจากนี้ ยามเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ขอให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระมัดระวังการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการได้รับใบเหลืองใบแดง
    รายงานข่าวเผยอีกว่า การจัดทำแคมเปญหาเสียงนอกจากจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาปากท้องแล้ว ยังจะตอกย้ำการบริหารงาน การใช้งบประมาณของกองทัพ จนถูกเสียงท้วงติงจากสังคมอย่างหนัก พร้อมทั้งเตรียมประกาศเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่จะให้อดีตส.ส.นำไปบอกกับชาวบ้านในการหาเสียง 1.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่ให้เป็นความสมัครใจ เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะสู้รบ ทหารเกณฑ์ถูกนำไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์ กลายเป็นพลทหารรับใช้ผู้มีอำนาจในกองทัพ และด้วยระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง มีการลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ปกครองไม่มั่นใจการส่งลูกหลานไปสมัครทหารเกณฑ์แล้วจะมีความปลอดภัยทางร่างกาย จิตใจเพียงใด 2.ขายเรือดำน้ำ เอาเงินมาสร้างโรงพยาบาล เนื่องจากเห็นว่าใช้งบประมาณจำนวนมาก เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในกระบวนการจัดซื้อ ด้วยสภาวการณ์ปัจจุบัน ควรนำงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นมาร่วมพัฒนาให้เกิดประโยชน์ทางด้านสุขภาพ คุณภาพชีวิตประชาชน ดีกว่าไปทุ่มให้กับสิ่งของที่ไม่จำเป็น
    เฟซบุ๊ก Khine Zin Thant ได้มีการโพสต์รูปนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลายรูป พร้อมระบุข้อความสั้นๆ ว่า อยู่ที่ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อมาได้โพสต์รูปดังกล่าวและรูปเพิ่มเติมไปยังกลุ่ม We Love Yingluck Shinawatra Forever ซึ่งกลุ่มเปิดสาธารณะ และมีสมาชิกถึง 25,453 คนด้วย
ปฏิรูปกองทัพให้เล็กลง
    นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หน้าที่ของกองทัพคือ การเตรียมกำลังและใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อราชอาณาจักร ซึ่งสอดคล้องกับชื่อภาษาอังกฤษของกระทรวงกลาโหมคือ “Ministry of Defense” อันหมายถึงการป้องกัน แต่ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร กระทรวงกลาโหมจะถูกขยายอำนาจ จนล่าสุดถึงขั้นมีอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาประเทศ การป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติทั้งที่มีหน่วยงานอื่นรับผิดชอบอยู่แล้ว เพื่อเป็นข้ออ้างในการเพิ่มงบประมาณและขยายกำลังพล ปัจจุบันกองทัพมีกำลังประจำการประมาณ 335,000 นาย เมื่อรวมกับทหารเกณฑ์ปีนี้ที่สูงกว่า 100,000 นาย ทำให้มีกำลังประจำการมากถึง 440,000 นาย ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับมหาอำนาจที่มีขนาดและประชากรใกล้เคียงกัน การมีกำลังพลจำนวนมาก จึงเกินความจำเป็นและเป็นภาระแก่งบประมาณ 
    "นับจากการรัฐประหารในปี 2549 งบประมาณกระทรวงกลาโหมถูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 85,000 ล้านบาท ในปี 2549 เพิ่มเป็น 227,000 ล้านบาทในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นถึง 167% งบประมาณจำนวนมากหมดไปกับการเพิ่มกำลังพลและการซื้ออาวุธที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจและภัยคุกคาม เช่น การจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังไม่จำเป็น แต่กลับซื้อมาถึง 3 ลำ ดังนั้นภารกิจเร่งด่วนหลังการเลือกตั้ง คือการปฏิรูปกองทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม มีความทันสมัย และมีขีดความสามารถต่อการป้องกันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ให้เป็นกองทัพของประชาชน ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนกองทัพกลายเป็นภัยคุกคามเสียเอง" นายวัฒนาระบุ
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาการซ้อมทรมานพลทหารคชา พะชะ ชี้ให้เห็นความไร้ภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ไม่ใช่นักแก้ปัญหาที่ดี แต่ชอบซุกปัญหาไว้ใต้พรม เพื่อซื้อเวลาแล้วรอให้เรื่องเงียบไปเอง แสดงว่ามีกรรมวิธีซ้อมทรมานโดยทำให้ไม่เห็นบาดแผลเพื่อให้สาวไม่ถึงตัวคนกระทำผิด ที่ปฏิบัติกันจนเคยชินจนเป็นเรื่องธรรมดาอย่างนั้นหรือ หรือว่าการแถลงผลการตรวจของโรงพยาบาลมีปัญหาหรือถูกกดดัน กองทัพกำลังทำตัวเหมือนเป็นคนกลาง นำตัวคนลงมือมารับโทษเพื่อให้เรื่องจบ ซึ่งไม่เพียงพอ รัฐบาลและกองทัพต้องร่วมรับผิดชอบและลงมือแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่งั้นก็จะยังมีเหยื่อรายต่อไปไม่จบสิ้น 
    "ถ้าจะทำให้การซ้อมทรมานหมดไปจากระบบ ทั้งรัฐบาลและกองทัพต้องปฏิรูปแนวทางดูแลกำลังพล โดยต้องเคารพสิทธิมนุษยชนของกำลังพล และปฏิรูปกองทัพให้เป็นยุค 4.0 ซึ่ง Small but Sure and Accountable หรือเล็กพริกขี้หนู และตรวจสอบได้ ทั้งยังควรเปลี่ยนมารับผู้สมัครใจเป็นทหารแทน แล้วเลิกบังคับให้ทุกคนต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งจะสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งสถานการณ์โลกในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป" ร.ท.หญิงสุณิสาระบุ 
    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่รัฐบาลจะคลายล็อกโดยไม่ปลดล็อก การให้เวลาหาเสียงเพียง 20 วัน เห็นเจตนาชัดเจนว่าต้องการปิดประตูตีแมว เหมือนช่วงลงประชามติรัฐธรรมนูญ
2560 เป็นการเอาเปรียบทางการเมือง อย่างมากภาษาอีสานเรียกว่า ตีหน้ามึน ถือว่าไม่เป็นกลาง ไม่เหมาะสมที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการเพื่อจัดการเลือกตั้งอย่างเสรี และเป็นธรรม ทำยังกับว่าประเทศนี้เป็นบ้านป่า เมืองเถื่อน ที่ดูน่ากลัว ต้องใช้อำนาจพิเศษตาม ม.44 ควบคุมไว้ ที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ปลดล็อก เท่ากับส่งสัญญาณบวกว่าบ้านนี้เมืองนี้จะเปิดประเทศแล้วจะเป็นประชาธิปไตยที่เชื่อมโยงกับชาวโลกแล้ว ยังมองไม่เห็นประโยชน์อันใดที่รัฐบาลจะค่อยๆ ปลดล็อกเป็นขยักๆ นอกจากเพื่อประโยชน์ทางการเมืองส่วนตนและพวกพ้อง หากมองผลประโยชน์ของชาติไม่ออก ก็ไม่สมควรที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการจัดการเลือกตั้งควรลาออกมาทำงานการเมืองอย่างแฟร์ๆ จะเหมาะสมกว่า
ย้ำ พท.ต้นเหตุรัฐประหาร
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์แสดงอารมณ์หงุดหงิดกับสื่อบ่อย ถึงขั้นไล่สื่อพ้นทำเนียบฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มา 4 ปีกว่า คนไทยได้เห็นภาพเหตุการณ์ลักษณะนี้มาตลอดหรือไม่ ประชาชนมีสิทธิ์สงสัยว่าอาจเป็นเพราะใกล้ถึงเวลาปลดล็อกการเมือง เตรียมการนำประเทศไปสู่การเลือกตั้ง การกำหนดแนวทางในการเข้าสู่อำนาจอีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะประกาศในเดือนกันยายน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ผลงานรัฐบาล คสช.ยังไม่เป็นใจที่พอใจของประชาชนหรือไม่ ทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิดบ่อย เข้าทำนองยื้อก็พัง เลือกตั้งก็แพ้หรือไม่  
    นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวตอบโต้กรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด บิดเบือนข้อเท็จจริงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติว่า  นายอนุสรณ์บิดเบือนข้อเท็จจริงแทบทั้งสิ้น เพราะถ้าอ่านคำให้สัมภาษณ์ฉบับเต็ม จะเห็นได้ว่าไม่มีคำพูดใดที่นายอภิสิทธิ์พูดผิดไปจากความเป็นจริง เป็นการมองประเทศไปข้างหน้า ทั้งเรื่องประชาธิปไตย สังคม เศรษฐกิจ  
    พรรคเพื่อไทยต้องเรียนรู้บทเรียนที่ผ่านมา ผิดก็ต้องยอมรับผิด ว่าบ้านเมืองที่มาถึงทุกวันนี้เพราะเหตุการทุจริต การออกกฎหมายช่วยคนโกงบ้านโกงแผ่นดินการใช้เสียงข้างมากข่มเหงเสียงข้างน้อยในสภาเพื่อประโยชน์ของพวกตน การทำลายอำนาจตุลาการ หลักฐานที่ชัดเจนคือคดีต่างๆ ที่เก็บข้อมูลได้ทั้งของทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และบริวาร มีเป็นจำนวนกว่า 100 คดี ติดคุกกันนับไม่ถ้วน นี่ต่างหากคือต้นเหตุที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิขับไล่รัฐบาลทรราช และเหตุที่รัฐบาลประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง นี่ก็เป็นเหตุที่แท้จริงที่ทหารได้ออกมาปฏิวัติ
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวถึงกรณี คสช.เตรียมคลายล็อกว่า ปชป.คงไม่ไปวิงวอนขอร้องว่า คสช.ควรคลายล็อกอะไรบ้าง หรือควรปลดล็อกเมื่อไหร่ เพราะ คสช.และรัฐบาลก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ให้บ้านเมืองเดินหน้าเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ใครควรทำอะไรแค่ไหน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง ไม่ให้เกิดปัญหาต่อการเดินหน้าพาบ้านเมืองเข้าสู่บรรยากาศประชาธิปไตย ถ้ายังเอาเรื่องคลายล็อกปลดล็อกมาเป็นเกมเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง ระวังจะได้ไม่คุ้มเสีย รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้น จะไปโทษคนอื่นอีกไม่ได้ ส่วนพรรคการเมืองก็เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การทำงานตามระบอบประชาธิปไตย คงไม่มีคนไหนอยากไปสร้างความขัดแย้ง ก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้น 
    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวถึงกรณีที่ คสช.จะคลายล็อกบางเรื่องว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย ซึ่งพรรคการเมืองในฐานะผู้เล่นก็ต้องดำเนินการตามกติกา แต่เห็นว่าการปลดล็อกเลยจะเป็นผลดีต่อการสร้างบรรยากาศเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพราะจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ประชาธิปไตยให้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวได้อย่างเสรีภายใต้กฎหมาย หากมีใครทำผิด คสช. ก็มีกฎหมายอื่นจัดการได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ แม้ว่าจะใช้วิธีไพรมารีโหวตแบบที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ ปชป.ก็มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ โดยส่วนตัวแล้วยังไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดในวันที่ 24 ก.พ.62 หากมีความพยายามที่จะยื้อเวลาออกไปอีก ก็อาจใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ออกไปอีก จากที่ขยายไปแล้ว 90 วัน แต่ถ้าจะทำเช่นนั้น ต้องมีเหตุผลตอบสังคมให้ได้ด้วย
    ที่ร้านอาหารกินเส้น จ.นนทบุรี นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสว่ากลุ่มสามมิตรในจังหวัดต่างๆ เป็นการไปดู ส.ส.ในพื้นที่ ว่า ในโลกยุค 4.0 ถ้าเราเป็นอย่างนั้น จะต้องมีหลักฐาน ทั้งคำพูด การเสนอเรื่องเงินทอง ตำแหน่ง และการช่วยเหลือเรื่องคดีความ ซึ่งกลุ่มสามมิตรเป็นกลุ่มการเมืองธรรมดา เราไม่มีพลังอำนาจขนาดนั้น เชื่อว่านักการเมืองทุกคนมีการพูดคุยกันอยู่แล้วในทุกระดับ ตนก็เคยพูดคุยกับนักการเมืองที่อยู่ต่างพรรค ไม่จำเป็นต้องมาอยู่พรรคเดียวกัน แม้จะมีนักการเมืองหลายคนสนใจกลุ่มสามมิตร เพราะหลายคนยืนอยู่บนเส้นด้าย เพราะหลายคนถูกดำเนินคดี ถ้าเราไปถามเขา ลึกๆ จริงๆ หลายคนไม่มีความสุข อยากให้สังคมเดินไปด้วยความรักความสามัคคี เราทำการเมืองด้วยความปรองดอง ไม่มีการนำพาผู้คนออกมาอยู่บนท้องถนนแน่นอน ไม่นำพาสมาชิกของกลุ่มไปในทางที่หมิ่นเหม่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ซึ่งการดำเนินการทางการเมืองของบางพรรค หมิ่นเหม่และยืนอยู่บนเส้นด้าย ผมเคยอยู่ในที่ที่ควรอยู่ และก็เคยอยู่ในที่ที่บางครั้งก็คิดว่าไม่ควรอยู่ และจำเป็นที่เราจะต้องออกมา
หนุน"บิ๊กตู่"ลงบัญชีนายกฯ
    เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรจะตั้งพรรคการเมืองเอง และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า เราต้องการเห็นการผ่านการเลือกตั้งโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการก้าวข้ามอุปสรรค เราทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่เคยว่าและแตะต้องกลุ่มใด และกลุ่มเรามีแนวทางอยากเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย และสะท้อนความต้องการไปสู่ภาครัฐ ซึ่งสิ่งที่เรารับฟังมาสามารถลงมือปฏิบัติได้ทันที ส่วนการร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐนั้น มีโอกาสแน่นอน  ใครที่สามารถทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทำในสิ่งที่เราและประชาชนต้องการ เราพร้อมยินดีสนับสนุน ในเดือนกันยายนที่ คสช.คลายล็อก น่าจะมีความชัดเจน 
    "ถ้าเป็นไปได้ ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเป็นไปตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ ถ้านายกฯ อยากทำงานการเมือง หรือบริหารประเทศต่อ ก็เป็นบริบทที่ถูกต้อง และผมอยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในแผ่นดิน ซึ่งใครจะมาเป็นผู้นำประเทศก็แล้วแต่ ก็ไปว่ากันหลังเลือกตั้ง เชื่อว่าจะเป็นประชาธิปไตยที่งดงาม แต่ถ้าทุกคนจะเอาชนะคะคาน บ้านเมืองก็ไปไม่ถึงไหน" นายอนุชากล่าวกรณีจะใส่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในรายชื่อนายกฯ หรือไม่ 
     นายสิระ พิมพ์กลาง หัวหน้าพรรคเพื่อนไทย เปิดเผยว่า ทราบข่าวจากเพื่อนแกนนำเสื้อแดงด้วยกัน จากที่เคยตัดสินใจไปร่วมงานกับบางกลุ่มการเมือง เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ของจริง หวังดึงไปเพียงสร้างภาพทางการเมือง พอได้ไปร่วมงานก็ทิ้งๆ ขว้างๆ โดยแนวร่วมคนดังกล่าวได้ติดต่อขอมาอยู่กับพรรคเพื่อนไทย เพราะเขารู้ว่าพรรคนี้เป็นของพี่น้องเสื้อแดงจริงๆ ทางพรรคเพื่อนไทยยินดีต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำหรือไม่แกนนำจะมาร่วมงานด้วยกัน และขอฝากไปถึงนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ให้คิดดีๆ อย่าเดินถลำไปมากกว่านี้ ยังมีเวลาคิดและเปลี่ยนใจทางการเมืองได้ และหลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.พ้นโทษจากเรือนจำ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายสร้างความปรองดอง ตามพระราชกระแสรับสั่ง ร.10 ถือเป็นจตุพรคนใหม่ ที่ตกผลึกทางแนวคิด ตนก็เป็นคนหนึ่งที่หวังให้ทุกสีเสื้อ ทุกพรรคการเมืองปรองดอง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้
    นายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ในฐานะประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป กล่าวภายหลังการประชุมจัดตั้งสภาประชาชนปฏิรูป จ.อุดรธานี ว่าพรรคยังคงมีจุดเดิมเหมือนเดิม คือเพิ่ม อำนาจให้ประชาชน และเพิ่มสภาปฏิรูปในทุกจังหวัด พร้อมทั้งหนุนคนดีเข้าสู่ตำแหน่งด้วยระบบคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเราเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ ตนอยากให้มีการหาเสียงเลือกตั้งแค่ 15 วัน เหมือนอย่างประเทศญี่ปุ่น เพราะถือว่าประชาชนต้องรู้จักกับผู้สมัครในพื้นที่อยู่แล้ว หรือมีกลไกที่ กกต.จะส่งข้อมูลถึงพื้นที่อยู่แล้ว มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความสงบด้วย ไม่ควรมีความขัดแย้งต่อกัน เชื่อพล.อ.ประยุทธ์จะคุมได้สถานการณ์ได้ และหลังเลือกตั้งก็ยังมีความสงบเรียบร้อยที่อยู่ภายใต้กฎหมาย
    นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า การปลดล็อกพรรคการเมืองกับไพรมารีโหวต ต้องพิจารณาไปด้วยกัน คสช.และ กกต.ต้องพิจารณา 2 เรื่องไปพร้อมกันๆ เพราะเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน เพราะต้องมีช่วงเวลาให้พรรคการเมืองได้ทำไพรมารีโหวตด้วย หากกำหนดช่วงวันปลดล็อก แต่ไม่มีความชัดเจนเรื่องรูปแบบการจัดทำไพรมารีโหวต จะเกิดปัญหาใหม่หรือมีล็อกอันใหม่เกิดขึ้นจนอาจกระทบโรดแมปการเลือกตั้ง หรือเกิดความวุ่นวายในช่วงเลือกตั้งขึ้นได้ ถ้าฟังนายกฯ พูด ที่บอกว่าให้ทำตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญนั้น ก็เท่ากับว่ามีไพรมารีโหวตแน่ แต่อาจเป็นไพรมารีโหวตไม่เต็มรูปแบบ ซึ่ง คสช.และ กกต.อาจต้องไตร่ตรองให้ดี ถ้าทำไพรมารีโหวตหลวมๆ ไม่เต็มรูปแบบ อาจมีคนร้องตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"