ประชาธิปไตยกับเทคนิคการขาย


เพิ่มเพื่อน    

      ถึงจะปลดล็อก-ไม่ปลดล็อก...แต่ช่วงระหว่างนี้ บรรดานักการเมือง พรรคการเมือง ก็น่าจะเริ่มขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว กันมั่งแล้ว คงไม่มีใครคิดจะสตัฟฟ์ตัวเอง ดองตัวเองเอาไว้ในขวดโหลอยู่แล้วแน่ๆ แม้จะขยาด ครั่นคร้าม ต่อฤทธิ์เดชของสากกะเบือ อย่างมาตราฉี่ฉิบฉี่ ในระดับไหน เพียงใด ก็ตาม...

                                                              -------------------------------------------------------

      โดยเฉพาะในเรื่องของการประดิษฐ์ คิดค้น นโยบาย การควานหา จุดขาย ที่จะเอาไว้พูดจา ปราศรัย กันในตอนหาเสียง ระหว่างยืนบนหลังคารถ หรือบนเวทีก็แล้วแต่ ซึ่งมันคงไม่ถึงกับต้องระดมสมอง ด้วยการชุมนุมกันครั้งละ 5 คน 10 คน อะไรกันมากมาย เจอกันแค่ 2 คน 3 คน หรือแม้แต่นั่งๆ นอนๆ ลำพังตัวเดียว อันเดียว ก็น่าจะยังพอคิดได้ ว่าจะเสกสรรค์ ปั้นแต่ง จะครีเอทีฟไอเดีย ออกมาในแนวไหน ต่อแนวไหน ก่อนจะเอามากวนสารส้ม ตกผลึก ให้กลายเป็น นโยบาย กันอีกที หลังจากที่การปลดล็อกได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว...

                                                              -------------------------------------------------------

      อย่างที่พรรค เผาไทย เขาได้เริ่มๆ โยนก้อนหินถามทาง ออกมาบ้างแล้ว คราวละก้อน สองก้อน ไม่ว่าเรื่องนโยบาย ไม่เกณฑ์ทหาร นับจากนี้ (หลังเลือกตั้ง) เป็นต้นไป นโยบาย ขายเรือดำน้ำ เอามาซื้อนาฬิกา...(ประทานโทษ) เอามาสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล อะไรประมาณนั้น ฯลฯ ซึ่งก็คงต้องยอมรับว่า เรื่องของการสร้างจุดขาย การจำแนกแยกแยะกลุ่มเป้าหมาย เพื่อขายตรง ขายอ้อมนั้น บรรดาผู้คนในพรรคเผาไทย เขาค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ไปด้วยครีเอถีบ ครีเอกระทืบ กันเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะ เผาไทยตัวพ่อ ที่โตมาจากนักขาย ทั้งๆ ระหว่างที่มียศเป็นตำรวจ เป็นสารวัตรตามโรงพัก แต่ก็ยังสร้างเสริมประสบการณ์การขายเป็นไซด์ไลน์ จนสามารถเลิกเป็นตำรวจ กลายมาเป็นนักธุรกิจระดับหมื่นล้าน แสนล้าน ได้อย่างเป็นระบบเป็นกระบวนการ ยิ่งกว่า ตำรวจไซด์ไลน์  อย่างนายกฯ สมาคมฟุตบอล สมยศ ช่องเจ็ดสี เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                            -------------------------------------------------------

      ประสบการณ์ในการขาย ทั้งขายตรง ขายอ้อม ขายบนโต๊ะและใต้โต๊ะ อย่างเชี่ยวกราก ยาวนาน เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้พรรค เผาไทย เขาค่อนข้างมีฤทธิ์ มีเดช มิใช่น้อย ในช่วงระหว่างการหาเสียง หาคะแนนนิยม ไม่ว่าจะกำหนดช่วงเวลาเอาไว้ 20 วัน หรือจะกี่วันก็ตาม เรียกว่า...ขนาดแค่ไม่กี่ชั่วโมง ด้วยการเซลส์ไอเดีย ไปยัง น้องสาว หรือยัง เผาไทยตัวแม่ ให้ลุกขึ้นมาประกาศก้องบนเวที ท่ามกลางสายฝนพรำๆ ว่าจะ กระชากโน่น-กระชากนี่ แวบเดียวเท่านั้น...เล่นเอา น้ำบาน เอาง่ายๆ แลนด์สไลด์ แอฝะลานช์ กันจนนักการเมืองสมัครเล่น ที่เพิ่ง เทิร์นโปร มาแค่ 45 วันเท่านั้นเอง สามารถผงาดขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรี กันจนได้ ด้วยเหตุนี้...จะไปประมาท  ประสบการณ์การขาย ของพรรคเผาไทย หรือเผาไทยตัวพ่อ เขาไม่ได้โดยเด็ดขาด...

                                                             ---------------------------------------------------------

      และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น...ก็คือบรรดาฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะ ก๊กเอาบิ๊กตู่ นั้น ไม่ว่าจะออกไปในแนว สามมิตร แนว รวมพลังประชารัฐ แนว ประชาชนปฏิรูป ฯลฯ หรือพรรคไหน ต่อพรรคไหนก็เถอะ สิ่งที่พอหยิบมาใช้เป็น จุดขาย มันออกจะไม่มีอะไรพิสดาร พรรณราย เท่ากับการอาศัย บิ๊กตู่ นั่นแหละ เป็นเครื่องพ่วง แบบขายเหล้าพ่วงเบียร์ หรือแบบซื้อหนึ่ง-แถมหนึ่ง อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็ยังดี...ที่เห็นว่า คะแนนนิยม ของ บิ๊กตู่ ยังไม่ถึงกับ หัวตก มากมายเกินไปนัก แต่ก็คงไม่ถึงกับ โด่มิรู้ล้ม แบบช่วงปีแรกๆ ช่วงจังหวะแรกๆ ที่ไม่จำเป็นต้องแจก ไม่จำเป็นต้องแถม ก็ยังพอขายได้สบายๆ...

                                                               ---------------------------------------------------------

      แต่หลังๆ มานี้...นอกจากเรื่องวี้ดๆ แว้ดๆ ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายประเภทพวกโลกสวย หรือพวกคุณแสนดี วจีไพเราะ หดหายลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ยังมีอีกหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าเรื่องพี่ๆ น้องๆ เรื่องการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ แบบเจริญเหล้า และเจริญกับแกล้ม ในขณะที่ใครต่อใครเจริญลงกันไปเป็นแถบๆ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่อาจถูกหยิบมาใช้เป็นอุปสรรคต่อการขายของ ก๊กเอาบิ๊กตู่ จนอาจขายไม่ออก ขายไม่ได้ แม้จะออกไอเดียอันเพริศแพร้ว ออกหนังโฆษณาเรื่อง ผีดิบคืนชีพ ในขณะที่จำต้องดูด ผีดิบ แต่ละตัว เอาไว้ในพก ในห่อ ไว้ในกลุ่มก้อนตัวเอง อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

                                                                 -----------------------------------------------------------

      อย่างว่านั่นแหละทั่น...เรื่องของการหาเสียงเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย ยังไงๆ มันคงหนีไม่พ้นไปจากเรื่องการขาย การลด-แลก-แจก-แถม อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งจะไปตั้ง มาตรฐาน อย. เอาไว้กำกับสินค้าแต่ละรูป แต่ละแบบ แต่ละชนิด ก็น่าจะลำบากอีก คือมันคงต้องอาศัย มาตรฐาน อญ. หรือมาตรฐานเพื่อกำกับดูแล ผู้บริโภคที่อ่อนทางปัญญา อย่างที่คุณพี่ ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค ท่านเคยเสนอแนะเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้นั่นแหละ มันถึงจะพอช่วยๆ ได้มั่ง แต่นั่นก็คงเป็นเรื่องของผู้บริโภคแต่ละราย ที่จะต้องไปควานหากันเอาเอง ตามแบบฉบับตาดีได้-ตาร้ายเสีย นั่นแล...

                                                                   -----------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Alan Coren... Democracy consists of choosing your dictators, after they’ve told you what you think it is you want to hear.- ประชาธิปไตยก็คือการเลือกเผด็จการ...หลังจากพวกเขาได้บอกคุณ ในสิ่งที่คุณอยากได้ยินเสร็จเรียบร้อยแล้ว...

                                                                  -----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"