ทฤษฎีแดง'ธิดา'ฟันธง'บิ๊กตู่'ขี้หงุดหงิดเพราะถามตัวเองรัฐประหารเสียของหรือเปล่า


เพิ่มเพื่อน    

28 ส.ค.61- นางธิดา ถาวรเศรษฐ   Facebook Live  วานนี้ว่า ความคลุมเครือของคสช.นั้นเป็นที่มาที่ทำให้เกิดความหงุดหงิดของ ‘บิ๊กตู่’ ว่าจะไปต่อได้อย่างไร ดังนั้นเราจึงเห็นปรากฎการณ์ที่ ‘บิ๊กตู่’ หงุดหงิด ต่อปากต่อคำกับนักข่าว อาจดูเป็นการแสดงก็ได้

ในปรากฎการณ์ของความหงุดหงิดอีกหนึ่งท่านคือจากของคำพูดที่แสดงถึงความไม่แน่นอนในอนาคตของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยใช้คำว่า “ผมพอแล้ว” แต่ถ้าคนที่มีนาฬิกาเพื่อน 25 เรือน บอกว่าผมพอแล้ว  เราก็ไม่แน่ใจนะว่าเชื่อได้หรือเปล่า? มันไม่เหมือนผมพอแล้วของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

ส่วนในปรากฎการณ์ความหงุดหงิดของ ‘บิ๊กตู่’ ที่ออกมาพูดว่า “ผมรู้นะว่าผมมาจากไหน? ผมทำเพื่ออะไร?”  นางธิดาวิเคราะห์ว่านี่แสดงให้เห็นถึงหลักฐานในการยืนยันสิ่งที่กล่าวไว้ว่าทฤษฎีของกองทัพว่าจะไปทางไหน ก็คือทฤษฎีของกองทัพไทยที่เชื่อว่ากองทัพเป็นเจ้าของและรับผิดชอบความมั่นคงของประเทศ จึงไม่ได้หมายความว่าท่านมาอยู่ไปวัน ๆ ก็คงมองเป้าหมาย ซึ่งมองได้ว่าเป็นการสืบต่อการทำรัฐประหาร 2549 ซึ่งไม่สำเร็จ แล้วมาทำรัฐประหารปี 2557 แล้วกำลังถามตัวเองว่าล้มเหลวหรือเปล่า? นี่จึงเป็นที่มาของความหงุดหงิด

รัฐประหารที่ไม่ล้มเหลวก็หมายความว่าอำนาจที่มาจากการทำรัฐประหาร แล้วผ่านการเขียนรัฐธรรมนูญ ผ่านการออกกฎหมาย จะยังจะสามารถที่จะรักษาไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ และอำนาจของกองทัพ อำนาจตุลาการและกองทัพอาจจะเป็นอิสระซึ่งฝ่ายบริหารเข้าไปไม่ได้ แต่นิติบัญญัติในฐานะผู้ออกกฎหมายก็เป็นเรื่องที่เขาก็ต้องมีวุฒิสมาชิกมาคานอำนาจ เราจึงเห็นรธน.ที่มีวุฒิสมาชิกมาจากการแต่งตั้ง 250 คนโดยคสช. ซึ่งมองได้ว่ามันเป็นระบอบที่ตรงกันข้ามกับระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน

แต่ยังไม่พอเพราะอำนาจบริหารซึ่งมีความสำคัญมากมักจะตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นเกมชนะของการเป็นรัฐบาลจึงเป็นเป้าหมายที่การทำรัฐประหารต้องการให้บรรลุ นั่นก็คือคสช.ต้องอยู่สืบทอดอำนาจ แล้วจะอยู่สืบทอดอย่างไร? จากยกที่ 1 ใส่ชื่อ ขณะนี้ก็ทำให้พรรคที่ตั้งเพื่อเชียร์รัฐบาลสับสนไปด้วย กลุ่มสามมิตรก็ไม่รู้จะไปทางไหน เพราะความคลุมเครือของคสช.

คสช.ก็ไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสืบทอดอำนาจและสามารถเอาชนะเป็นฝ่ายบริหารได้นั้นจะทำอย่างไร ด้านหนึ่งก็ต้องจัดการกับพรรคเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เป็นเหตุให้ต้องมีการทำรัฐประหาร ก็มีคนสงสัยว่าพรรคนั้นจะต้องถูกยุบหรือเปล่า นั่นก็เป็นความคลุมเครืออันหนึ่ง

ความคลุมเครืออีกอันหนึ่งก็คือว่าแล้วจะใช้วิธีไหน? ใช้วิธีเป็นนายกฯ ตั้งแต่ยกที่ 1 แล้วจะไปอยู่ในพรรคไหน...ป่านนี้ยังไม่มีใครออกมาเลย ปล่อยให้ลุงชวน ชูจันทร์ แกรอ และกลุ่มสามมิตรก็ยังไม่สามารถไปอยู่พรรคใดพรรคหนึ่งได้ เพราะว่าคสช.ไม่ชัดเจน ตัวคสช.เองมีความคลุมเครือในวิธีการที่จะสามารถสืบทอดอำนาจ ก็ทำให้เกิดความคลุมเครือนี้มีผลต่อพรรคการเมืองทั้งที่จะถูกยุบหรือที่จะตั้งขึ้นใหม่ ส่วนความคลุมเครือสุดท้ายก็คือแล้วจะมีการเลือกตั้งหรือเปล่า เพราะว่ามันถูกเลื่อนไปเรื่อย ๆ

ในเมื่อเป้าหมายต้องการได้รับชัยชนะในฐานะฝ่ายบริหาร คุณต้องชัดเจนว่าตกลงคุณจะตั้งพรรคการเมืองไหม? คุณจะไปอยู่ในตะกร้า 3 ชื่อ เขาก็ต้องคลุมเครือ เพราะถ้าหากว่าแพ้ตั้งแต่ยกที่ 1 หรือตกม้าตายตั้งแต่ยกที่ 1 แล้วไปรอยกที่ 2 ซึ่งมันไม่ใช่ง่ายนะคะ เพราะคุณต้องมีส.ส. 2/3 และการที่จะมาเป็นรัฐบาลในขณะที่มีพรรคยิ่งใหญ่ 2 พรรคอยู่ มันจึงเกิดความคลุมเครือว่าพรรคใหญ่ 2 พรรคจะต้องถูกจัดการหรือเปล่า?

ถ้าพรรคทางเลือกที่ 3 ซึ่งเป็นทางเลือกที่คสช.ต้องการให้ไปนั้น ไม่ชัดเจน ไม่ชนะ ก็จะเกิดอะไรตามมา เช่น วันเลือกตั้งอาจจะยังไม่ใช่ 24 ก.พ. 62 หรืออาจจะมีการสร้างสถานการณ์อะไรขึ้นมา หรืออาจจะมีการยุบพรรคใหญ่เพื่อเพิ่มโอกาสให้พรรคทางเลือกที่ 3 เป็นฝ่ายชนะ...หรือเปล่า?

ตกลงจะมีการยุบพรรคไหม? จะคลายล็อกอย่างไร? จะมีโอกาสปราศรัยหาเสียงไหม? ทั้งหมดนี้เป็นความคลุมเครือ เหตุผลเพราะคสช.ยังขาดความเชื่อมั่นว่าจะได้รับชัยชนะในเวทีของการเลือกตั้งเพื่อเป็นฝ่ายบริหาร

นางธิดาตั้งคำถามว่า “คุณหวังมากไปหรือเปล่า?” คุณได้นิติบัญญัติ คุณได้วุฒิสมาชิกไปแล้ว และคุณก็ได้ส.ส.สนับสนุนจำนวนหนึ่ง ทั้งตุลาการและกองทัพก็มีอำนาจที่เป็นอิสระเต็มที่ แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าทุกอย่างต้องอยู่ในเกมการควบคุมให้ได้ทั้งหมด คุณเขียนกติกาแล้วลงมาเป็นผู้เล่นเกมด้วย แน่นอนมันก็ลำบาก!!!

ความหงุดหงิดของท่าน นอกจากความไม่สมหวังและมีคนโจมตีมาก ท่านก็เป็นคนจุดเดือดต่ำ และอาจตอบสนองเหมือนโพลที่บอกว่าการเมืองก็คือการแสดง ประชาชนคิดว่าดูละครทีวีดีกว่าและได้ประโยชน์มากกว่าเรื่องการเมือง ก็แปลว่าคนให้ค่าฝ่ายการเมือง รัฐบาล และนักการเมืองเหมือนตัวแสดง ไม่ใช่ตัวจริง พล.อ.ประยุทธ์ ท่านอาจจะตีบทแตกก็ได้เพราะท่านเล่นบท “ตบจูบ ตบจูบ” มีลีลามาก ขอให้ได้ขึ้นหน้า 1 และมีภาพท่านออกทุกวัน

แต่เรื่องจริงก็คือจะเอาระบอบประชาธิปไตยหรือว่าระบอบคณาธิปไตย แต่ถ้าระบอบคณาธิปไตยยังต้องการยืนอยู่เพื่อมีอำนาจนาน การแสดงแบบนี้จะอยู่ได้ยืดเยื้อแค่ไหน เพราะว่ามันเสี่ยงว่าประชาชนจะทนกับการแสดงแบบนี้ได้นานแค่ไหน ประชาชนต้องการของจริง ถ้าดูทั้งหมดเป็นการแสดงทั้งนักการเมือง ทั้งรัฐบาล และผู้ที่เป็นรัฐบาลในเวลานี้ต้องรับผิดชอบว่าประชาชนมองว่าไม่จริงใจ

ดังนั้น...ไม่ต้องคลุมเครือ ถ้าไม่มีการเลือกตั้งในต้นปี 62 ถึงแม้ไม่รู้สึกว่าการเลือกตั้งจะได้ประโยชน์ แต่เมื่อท่านก็มีจุดเดือดต่ำ ท่านโมโหบ่อย แต่ประชาชนนั้นจุดเดือดสูง อดทนได้นาน แต่มันก็มีจุดเดือดเหมือนกันนะ ไม่อยากให้เห็นจุดเดือดของประชาชนจำนวนมาก ท่านก็แสดง...แล้วรีบลงโรงไปเลย เพราะเวทีเป็นเวทีของประชาชน ท่านมาอยู่นานเกินไปแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"