‘เอมี่’ลั่นเข็ดแล้ว สัญญาเลิกยุ่งยาเสพติด


เพิ่มเพื่อน    

 

          หลังจากที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ตัดสินยกฟ้อง เอมี่-อาเมเรีย จาคอป อดีตนางเอกละครเรื่องธิดาวานร ทางช่อง 7  ข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย วันนี้ เอมี่ อาเมเรีย พร้อมด้วย ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้แถลงข่าวเปิดใจ หลังจากได้รับการปล่อยตัว  ณ มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จังหวัดสมุทรสาคร

            โดยทนายตั้ม เปิดเผยว่า “จากการที่เอมี่ถูกจับกุม โดนทั้งหมด 2 ข้อหา ข้อหาแรก คือเสพยา ซึ่งเป็นคนละข้อหากับการค้ายาไอซ์จำนวน 70 กรัม  เอมี่ไม่ได้นั่งเสพยา 70 กรัม อันนี้ต้องทำความเข้าใจกับพี่ๆ นักข่าวก่อน แล้วเอมี่ก็รับสารภาพมาตลอดว่าเขาเสพจริงตั้งแต่วันแรกที่ถูกจับแล้ว แต่บอกว่าไม่ได้ค้า ทางญาติเอมี่ก็ได้มาขอร้องให้ผมช่วย โดยมีเงื่อนไขคือเอมี่ต้องยอมรับว่าได้มีการกระทำความผิดจริงตามข้อหาเสพ ซึ่งอันไหนที่น้องเขาทำผิดเขาก็รับสารภาพแล้วก็ให้ศาลลงโทษ ซึ่งในข้อหาเสพคือจำคุก 6 เดือน รับสารภาพลดเหลือ 3 เดือน โทษรอลงอาญาไว้

 

 

            ส่วนข้อหาค้ายาเสพติด 70 กรัม อันนี้ต้องบอกก่อนว่ามันคนละจำนวนกับที่เสพ ของเจอกันคนล่ะที่ ซึ่ง 70 กรัมนี้เอมี่ปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น เพราะเอมี่ไม่รู้เรื่อง และเอมี่ก็สู้คดีมาตลอดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง จนในที่สุดเมื่อวานศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งพิพากษาแล้วว่ายกฟ้องในข้อหานี้  เพราะเอมี่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์โดยปราศจากข้อสงสัยว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกับแฟนหนุ่มเลยในการไปค้าหรืออะไรก็แล้วแต่  โดยการยื่นพยานหลักฐานชั้นศาล ผมไม่ได้เป็นคนวินิจฉัยว่าใครผิดหรือถูก  แต่เป็นศาลที่เป็นคนวินิจฉัยว่าเอมี่ไม่ผิด โดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์

            และในส่วนของคดีเสพ ศาลก็ให้ไปรายงานตัวที่คุมประพฤติตามที่ศาลสั่ง หลังจากนี้เอมี่ก็คงไม่ไปออกรายการช่องไหน เพราะที่เคยคุยกันไว้เขาอยากไปทำงานเพื่อสังคม จะไปช่วยโครงการพี่สอนน้องให้เป็นคนดีของสังคม โดยจะไปเล่าเรื่องราวประสบการณ์ของเขาในการที่อยู่ในเรือนจำ ที่เขาหลงผิดไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะเอาตรงนี้ไปสอนน้องๆ”

 

 

          ด้านเอมี่ อาเมเรีย เปิดใจเป็นครั้งแรกว่า “รู้สึกดีใจที่ได้ออกมา อยู่ข้างในก็ไม่สบาย หนูก็คิดถึงแม่ หนูยอมรับว่าหนูผิดจริงที่ไปเสพ หนูรู้ว่าหนูไม่ใช่คนดี และจะไม่ทำอีกแล้ว  หนูยอมรับว่าหนูเสพแต่หนูไม่ได้ค้ายา หนูอาจจะไม่ดีที่หนูเสพยา แต่ไม่ได้เลวร้ายที่จะต้องไปค้ายา กับแฟนที่คบอยู่ก็ไม่เคยทราบว่าเขาค้ายา

          วันนั้นวินาทีที่ตำรวจเข้าไปจับ หนูตกใจมาก ไม่คิดว่าตำรวจจะเข้ามา  จู่ๆ เขาก็มาลงว่าหนูร่วมจำหน่ายซึ่งหนูไม่ได้จำหน่าย หนูแค่หลงผิดไปเสพ ตอนนั้นหนูแค่อยากลอง แต่ถ้าใครเอามาให้แล้วหนูไม่ลอง ไม่เสพ ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น  หนูโทษตัวหนูเองคนเดียวไม่ได้โทษที่ใคร ถ้าหนูไม่ลองไม่เสพคงไม่เป็นแบบนี้ แฟนก็ไม่ได้ชักชวน หนูเสพเอง เหมือนที่หนูบอกว่าใครชวนถ้าหนูไม่ทำมันก็ไม่เป็นแบบนี้ คงไม่โดนจับแบบนี้

 

 

          ช่วงนั้นที่ไปยุ่งกับยาเสพติดหนูคงอยากลองมั้งค่ะ บทเรียนสำหรับที่ติดคุก หนูเจอคนมากมาย เจอคนทุกรูปแบบ หนูก็คงไม่ทำอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว หนูสงสารแม่ หนูจะไม่กลับมาเสพยาอีกแล้ว หนูขอโทษทุกคน หนูขอโทษแม่ที่ทำตัวไม่ดี ทำให้แม่ต้องลำบาก หนูไม่อยากโทษใคร ไม่โทษแฟน โทษที่ตัวเอง และอยากขอโทษพ่อแม่ ผู้ใหญ่ที่เคยให้โอกาส และแฟนๆ ที่เคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ ที่ทำให้ผิดหวัง

          จากนี้คงกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ภูเก็ต เรื่องวงการหนูก็ยังไม่ได้คิดอะไร หนูก็รู้ว่าหนูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ก็คงยากที่จะกลับมาทำงานตรงนี้ ซึ่งถ้าถามว่าอยากกลับมาทำงานในวงการอีกไหม หนูก็ยังไม่ได้คิดอะไรตรงนั้น หนูอยากช่วยพี่ตั้มทำงานสอนน้องๆ ก่อน สอนเรื่องที่เราหลงผิดไปยุ่งกับยาเสพติด จนเราต้องจบอนาคตเราไปเลย”

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"