"สมคิด"ปักธงดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ชูอีอีซี-เอสอีซี เป็นแม่เหล็ก


เพิ่มเพื่อน    


"สมคิด"ถือธงประกาศเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ชูไทยเป็นจุดศูนย์กลางภูมิภาค ด้าน"กอบศักดิ์"เดินหน้าดัน SEC เข้าครม.ภายใน3เดือน "อุตตม"โชว์แผนลงทุนอีอีซี ปลุกใจนักลงทุน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษในงาน Thailand Focus 2018 เรื่อง “โอกาสการลงทุน ...ไม่ต้องรออนาคต” ในหัวข้อแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศไทย ว่า สำหรับปัจจัยสำคัญที่เป็นโอกาสสำคัญของไทยในการก้าวไปสู่ศูนย์กลางของประเทศเพื่อนบ้าน คือ การเป็นที่ตั้งศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ  ACMEC อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งได้ประกาศยุทธศาสตร์ร่วมกันในการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การค้าการลงทุน  การท่องเที่ยว ประชากรรวมกัน  200 ล้านคน ขนาดเศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ย 6-8% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  ไทยจึงเป็นสะพานเชื่อมนโยบาย ACMEC กับยุทธศาสตร์แม่โขง ล้านช้างของจีน  เพื่อส่งสินค้าผ่านไทยไปยังตลาดโลก

ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในงาน Thailand Focus 2018 ในหัวข้อ EEC in Action เดินหน้าไปกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ว่า ได้นำเสนอความคืบหน้าการลงทุนของโครงการอีอีซีให้กับนักลงทุนผู้ที่สนใจได้รับทราบซึ่งขณะนี้ลงทุนมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมจากช่วงปีที่ผ่านมา เช่นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา)ที่จะเปิดรับข้อเสนอของนักลงทุนที่สนใจในปลายปีนี้เพื่อให้เริ่มการก่อสร้างได้ภายในปีหน้า ใช้ระยะเวลาก่อสร้างภายใน5ปี  โครงการท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง มาบตาพุด กำลังเดินหน้าตามแผนงาน โดยคาดดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน5ปีเช่นกัน อีกโครงการคือ ศูนย์ซ่อมบำรุงอู่ตะเภา หรือ MRO ที่อยู่ในกระบวนการคัดสรรผู้ลงทุน 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ให้ความสำคัญการพัฒนาบุคลากรและงานวิจัยเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเมือง อุตสาหกรรม ที่มีแผนการพัฒนากรอบการดำเนินงานชัดเจนและทางรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนต่างประเทศที่สนใจ  อย่าง ฮ่องกงไซเบอร์พอร์ต ที่จะมาร่วมสร้างแพลตฟอร์ม ในการสร้างStat up หรือผู้ประกอบการใหม่  ทั้งนี้ทางรัฐบาลได้สร้างความให้กับนักลงทุน เช่นออกกฎหมายรองรับการลงทุนในโครงการ อีอีซี ชัดเจน มีการนำการลงทุนแบบ พีพีพี เข้ามาซึ่งเป็นกระบวนการที่เหมาะสม 

อย่างไรก็ตามส่วนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้เชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน 4จังหวัด จ.ชุมพร จ.ระนอง จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราชขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการและมอบหมายให้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาก่อนวางกรอบงบประมาณ เสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี

นายอุตตม กล่าวว่าในปีนี้ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเน้นการพัฒนาการลงทุนอย่างจริงจังทั้งในส่วนของโครงการสำคัญ ต่างๆและด้านโครงการสร้างพื้นฐาน  โดยจะต้องทำงานเชิงรุก  ขณะเดียวกันในจากการหารือกับบริษัทเอกชนของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอมียอดการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีในอุตสากรรมเป้าหมายกว่า70%ถือว่าประสบผลสำเร็จและ ยอดใน6เดือนแรก(มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2561 หลังจากพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นมา ส่งผลให้มีคำขอที่ยื่นขอรับการส่งเสริม จำนวน 142 โครงการ เงินลงทุน 183,230 ล้านบาทมากกว่าปีที่ผ่านมา

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่อง “กลยุทธ์การเชื่อมโยงประเทศสู่ One Belt One Rode ” ว่า เพื่อรองรับนโยบาย One Belt One Road เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากจีนลงมายังไทย ผ่านความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ไทยยังเดินหน้าเชื่อมโยงแหล่งอุตสาหกรรม เมื่อได้พัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มีทางออกไปยังฝั่งทะเลอันดามัน จึงเชื่อมเส้นทางจาก EEC ผ่านอ่าวไทยมาขึ้นฝั่งที่ จ.ชุมพร จากนั้นส่งสินค้าผ่านรถไฟทางคู่ต่อไปยัง จ.ระนอง และต่อไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา

อย่างไรก็ตามจากนั้นจึงต้องการผลักดันเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ด้วยการดึงศักยภาพทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน พัฒนาด้วยอุตสาหกรรมไบโอชีวภาพให้มีคุณภาพสูงขึ้นบวกกับการท่องเที่ยว เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ หวังให้ไทยมีเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญกระจายทุกภาค เตรียมผลักดันระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) ที่มีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวและบริการ เส้นทางการค้า การลงทุน และยังเตรียมผลักดันการตั้งเขตเศรษฐกิจภาตตะวันออกเฉียงเหนือ (NEEC) เพื่อดึงศักยภาพทั้งการขนส่ง เป็นแหล่งพัฒนาไบโอชีวภาพ อ้อย น้ำตาล มันสำปะหลัง ข้าว เป็นแหล่งพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อุปกรณ์ระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้า  เพื่อให้ทุกภาคเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอย่างสมดุลหากภาคใดมีปัญหาจะได้เสริมจีดีพีของประเทศได้ และจากปัจจัยบวกหลายด้านดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจีดีพีปีนี้ขยายตัว4.5-5%

ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการผลักดันเขตเศรษฐกิจทุกภาค หลังจากเขต EEC มีกฎหมายรองรับ ในส่วนภาคอื่นจะพิจารณาดูแลต้องจัดตั้งสำนักงาน หรือแก้ไขให้มีกฎหมายรองรับการผลักดันอย่างไรบ้าง  รวมทั้งการออกมาตรการสร้างแรงจูงใจการลงทุนลักษณะใดให้สอดคล้องตามภูมิภาค  คาดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือ เพื่อสรุปแนวทางเสนอ ครม.พิจารณาได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"