เพื่อไทยซัดคสช.ทำคนจนลงคอร์รัปชั่นเฟื่องฟู ไล่ไปได้แล้ว อย่าอยู่ต่อเลย


เพิ่มเพื่อน    

1 ก.ย.61- นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรอง ลธ.พท.ให้ความเห็นกรณี สนช. พิจารณางบ ปี 62 จำนวน 3 ล้านล้านบาท โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง แล้วก็ยกมือกันเป็นฝักถั่ว เห็นชอบเป็นเอกฉันท์   ทั้งนี้ เมื่อรวมการพิจารณาทั้งงบประมาณประจำปี และงบเพิ่มเติมกลางปีที่ผ่านมา 4 ปี รวมเป็นงบประมาณถึง 14 ล้านล้านบาท คิดไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าเอาธนบัตรใบละพันบาทมาวางเรียงกันจะยาวกี่กิโลเมตร สามารถพันรอบประเทศไทยจากเหนือจรดใต้ได้กี่รอบ  แต่ทำไมผลลัพธ์กลับปรากฎว่า รัฐบาลนี้ยิ่งใช้เงินมาก ชาวบ้านยิ่งยากจนลง


เขากล่าวว่าข้อมูลเชิงประจักษ์ประการหนึ่งที่ว่าชาวบ้านยากจนลงก็ คือ มีประชาชนมาขอลงทะเบียนคนจนถึง 14.1 ล้านคน ผ่านคุณสมบัติเฟสแรก 11.4 ล้านคน(ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ย.60 - 1 เม.ย.61) ชาวบ้านจนลง แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ รวยขึ้น เข้ากับตำพังเพยที่ว่า ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก  ซึ่งแสดงว่า ถึงจะใช้เงินมาก แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ถูกทาง ไม่ตรงกับสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ เช่น ประชาชนเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง กลับให้ความสำคัญกับงบด้านความมั่นคง เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงขึ้น ๆ สวนทางกับความสงบสุขของประเทศเพื่อนบ้านที่มุ่งพัฒนาความเป็นอยู่ประชาชน ประการสำคัญ รัฐบาลนี้มีนโยบายมุ่งมั่นปราบโกง แต่การทุจริต คอรัปชั่น กลับเฟื่องฟูในยุคนี้ ทั้งยังได้รับการวิพากษ์ว่าตรวจสอบไม่ได้ สองมาตรฐาน ไม่ทราบว่าจะรั่วไหลไปตรงนี้จำนวนเท่าไหร่

ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ ประเทศชาติและประชาชนจะเดินหน้าไปตามโรดแม็ปการเลือกตั้งอย่างไร มองเห็นอนาคตที่เลือนลาง  หากรัฐบาลนี้คิดสืบทอดอำนาจ และเป็นรัฐบาลรักษาการจัดการเลือกตั้งร่วมกับ กกต.เพราะ กม.รธน.ปี 60 ถูกออกแบบมาเพื่อให้พรรคการเมืองอ่อนแอ เพื่อประโยชน์ของการสืบทอดอำนาจ ที่สำคัญยังมีอำนาจพิเศษตาม ม.44 ควบคุมประเทศจนกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแล้วเสร็จ 

จึงเห็นบรรดาข้าราชการระดับบนบางส่วนเอาใจผู้มีอำนาจ จะโดยตั้งใจ หรือเกรงกลัว ม.44 ก็ไม่ทราบ กระทำการเอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเริ่มมีตัวอย่างการร้องเรียนเกิดขึ้นแล้วทั้งฝ่ายความมั่นคงและมหาดไทย สาเหตุที่ข้าราชการเกรง ม.44 เพราะเป็นอำนาจนอกระบบ ตรวจสอบไม่ได้ และไม่น่าเชื่อว่าจะมีข้าราชการถูก ม.44 ไปเข้ากรุอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีจนที่นั่งไม่พอจะต้องไปเช่าตึกที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ  

ไม่เหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงย้ายเลขาธิการ สมช.คนเดียว เพื่อทำนโยบายด้านความมั่นคงให้เป็นเอกภาพในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็เป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจาก ตำแหน่ง ผิดจากสภาพการณ์ในปัจจุบันมาก ที่หลายคนพ้นพงหนามเมื่อเกษียณไปแล้ว หรือผู้บริหารท้องถิ่นที่ถูกพักหน้าที่เป็นปี ๆ บ้าง เลิกพัก กลับไปทำหน้าที่บ้าง หากฎเกณฑ์อธิบายสังคมไม่ได้

ณ สถานการณ์ที่มองเห็นอนาคตบ้านเมืองที่เลือนลางภายใต้การบริหาร การรักษาการของรัฐบาลนี้ ต้องยืมคำพูดของ ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร ที่เขียนบทความเรื่อง การเมืองศรีธนญชัย เมื่อ 23  ส.ค.61 ที่ผ่านมา ซึ่งผมเห็นว่าเป็นบทความที่ดีที่สุดในรอบปี 2561 โดยเฉพาะบรรทัดสุดท้ายที่ว่า "ไปได้แล้ว อย่าอยู่ต่อเลย"

"ผมขอให้กำลังใจประชาชนที่ส่งภาพฟ้องอย่างขำไม่ออกว่า เศรษฐกิจ ปากท้องย่ำแย่ แม้แต่ตัวต่อยังผูกคอตาย ด้วยข้อความว่า     ฟ้า ยังไงก็เป็นฟ้า เป็นท้องฟ้า มีสีฟ้างดงาม สดใส บางห้วงเวลาอาจจะมีเมฆ มีฝน มีพายุมาบดบัง แต่ก็เพียงชั่วคราว ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส สวยงามเสมอขอแต่เพียงให้ประกอบสัมมาชีพ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์  รักชาติแผ่นดินถิ่นเกิด อะไรก็ขวางความต้องการที่ชอบธรรมของประชาชนไปไม่ได้"นายชวลิตกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"