ดันเขยแม้วคุมพท. หวังเจาะรุ่นใหม่/เตือนซํ้า'พฤษภาทมิฬ'


เพิ่มเพื่อน    

    สะพัด! "คนแดนไกล" สั่งรีแบรนดิ้งพรรคเพื่อไทย ดัน "เขยหนุ่ม-ณัฐพงศ์" กุมบังเหียน ระบุตรงสเปกพ่อตา ทั้งโปรไฟล์เยี่ยม ไร้แผลการเมือง หวังเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ สมุนอ้าแขนรับ แย้มใครก็ได้ เชื่อไม่ทำแตกแถว "โอ๊ค" โวยทหาร-ตำรวจสะกดรอย ปูดแผนสกัดกั้นฝั่ง ปชต.เข้มข้นขึ้น ปชป.เตือน คสช.แก้กติกาเอื้อพวกพ้อง กลายเป็นบูมเมอแรงทิ่มแทงตัวเอง  ประธานญาติวีรชนฯ วอน "บิ๊กตู่" เลิกคิดสืบทอดอำนาจ  หวั่นสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ ประวัติศาสตร์เลือดจะซ้ำรอย อดีต ส.ส.พท.ฟันธง คสช.ถูกนักการเมืองหลอก
    เมื่อวันอาทิตย์ มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เตรียมจะคลายล็อกการเมืองในช่วงเดือน ก.ย.นี้ แม้จะยังไม่ให้ทั้งพรรคและนักการเมืองเคลื่อนไหวปราศรัยหรือหาเสียงได้ แต่สามารถให้พรรคจัดประชุมดำเนินงานการเมืองบางอย่างได้นั้น หลังจากมีการคลายล็อกพรรคจะเรียกสมาชิกพรรค อดีต ส.ส. จัดประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แทนชุดรักษาการเดิมได้ ตอนนี้มีสัญญาณมาจาก คนแดนไกล ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ทั้งพรรคและผู้นำใหม่ ถึงแม้ว่าฐานเสียงเดิมในภาคเหนือ อีสาน ที่เคยชนะเลือกตั้ง สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างเหนียวแน่น แต่ทางพรรคต้องการเจาะตลาดฐานเสียงกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย 
    "โดยจะชูภาพลักษณ์ผู้นำพรรคที่ดี พร้อมกับนโยบายที่ตอบโจทย์ไปพร้อมกัน คนรุ่นใหม่ที่เหมาะสม คุณสมบัติครบถ้วนคือ พงศ์-ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี เอม-นางพินทองทา ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ปัจจุบันนายณัฐพงศ์เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นบุคคลที่คุณสมบัติครบตามที่นายทักษิณและแกนนำพรรคคนใกล้ชิดต้องการ หวังจุดกระแสใหม่ๆ ให้เกิดในประเทศ ไม่ต้องการให้พรรคอนาคตใหม่ช่วงชิงตลาดการเมือง และยังเป็นการล้อไปกับทิศทางของโลก ที่คนต้องการคนหนุ่มมาเป็นผู้นำพัฒนาประเทศมากขึ้น นอกจากนี้นายทักษิณเคยสอบถามอดีต ส.ส.ที่เดินทางไปหาในต่างประเทศถึงผู้นำพรรคคนใหม่ ว่าอยากได้คนหนุ่มหรือผู้อาวุโสมานำพรรค แม้อดีต ส.ส.ที่ร่วมพูดคุยนั้น ระบุเพียงแล้วแต่ทางพรรค จะเป็นใครก็ได้ ขอให้มีหัวหน้าพรรค เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง"
    รายงานข่าวเผยอีกว่า แม้ว่านางพินทองทา ภรรยา และคุณหญิงพจมาน แม่ฝ่ายภรรยา ไม่อยากให้ลูกหลานที่ใกล้ชิดเข้ามาเกี่ยวข้องกับแวดวงการเมืองอีกแล้ว อยากให้ดูแลครอบครัวและทำงานด้านธุรกิจไปเพียงเท่านั้น แต่เชื่อว่าลึกๆ แล้วนายณัฐพงศ์กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก หากจะมาลงเล่นการเมืองจริง พรรคจะมีการปรับภาพลักษณ์หรือรีแบรนดิ้งพรรคใหม่หลายอย่าง เช่น คณะทำงาน คณะกรรมการบริหารพรรค ที่จะนำคนรุ่นใหม่ในวัยไม่ถึง 50 ปีมาช่วยนายณัฐพงศ์ทำงานให้สอดคล้องกัน ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยมาเป็นอุปสรรค อดีต ส.ส.ที่อยู่ในข่ายที่จะถูกดึงมาช่วยงาน อาทิ ว่าที่ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น,  น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม. เป็นต้น นอกจากนี้หากมีการผลักดันนายณัฐพงศ์ขึ้นมา ยังจะช่วยลดความขัดแย้งภายในที่อดีต ส.ส. แกนนำพรรค ไม่ให้การยอมรับแกนนำบางราย หากต้องขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำพรรค   
    ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า มาขอนแก่นคราวนี้ มีทั้งทหาร, ตำรวจ และ กอ.รมน. ตามสะกดรอยถ่ายรูปผมตลอดทางเลยครับ แรกๆ ผมก็หงุดหงิดน่าดูเหมือนกัน แต่พอปรับทัศนคติตัวเองสักแพร๊บ ก็เริ่มจะเข้าใจว่า เป็นหน้าที่ของพี่ๆ ทหาร & ตำรวจเขา ที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่ง “นาย” ถึงแม้บางครั้งจะทำเรารู้สึกไม่ชอบ และรู้สึกว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนผู้ซึ่งมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีอยู่บ้างก็ตาม พอเริ่มชินเลยลองเรียกพี่เขาเข้ามาคุยกันตรงๆ เลยดีกว่าครับ พอพูดคุยกัน พี่เขาก็พูดตรงๆ “ต้องขออนุญาตนะครับ ผมต้องมีรูปไปรายงานนาย” มาๆๆๆ ไหนๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว ชวนถ่ายรูปคู่ด้วยกันซะเลย ..... แชะๆๆๆๆ
ปูดแผนสกัดฝ่าย ปชต.
    "ข่าวมาว่ายิ่งใกล้จะมีวันเลือกตั้งเท่าไหร่ แผนสะกดรอยสกัดกั้นบุคคลต่างๆ ที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตยจะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น แต่ผมเชื่อว่ายิ่งกดดัน ยิ่งสกัดกั้นกันมากเท่าไหร่ กระแสประชาชนจะยิ่งตีกลับแรงมากขึ้นเท่านั้น ไม่เชื่อกันก็ตามใจ จะสกัดกั้นพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่นอมินีของตน เรื่องแบบเดียวกันพรรคกูทำได้ แต่พรรคอื่นห้ามทำ อยากจะสกัดกั้นกันเท่าไหร่ก็ทำไป แต่ผมไม่ได้เป็นนักการเมือง จะต้องสั่งลูกน้องให้มาตามสะกดรอยกันไปทำไมไม่ทราบ หรือแค่เป็นเพราะ “คนนามสกุลชินวัตร” เข้ามาในพื้นที่ก็กลัวเนื้อเต้นกันไปหมดแล้วครับ..!!" นายพานทองแท้ระบุ 
    ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อนายณัฐพงศ์ ลูกเขยนายทักษิณ ร่วมเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคว่า ไม่ทราบ แต่จะเป็นใครก็ตาม คงแล้วแต่ที่ประชุมพรรค ไม่ว่าจะเป็นใคร เชื่อว่าสมาชิกพรรคจะเคารพกติกา คงไม่มีปัญหา ต่อให้พรรคเพื่อไทยเลือกใครมา สมาชิกยังกลมเกลียวเหนียวแน่นกันเหมือนเดิม ไม่มีความแตกแยก ทั้งนี้ พรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่คนที่จะเป็นผู้นำพรรค ต้องเป็นคนที่ต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตยมา เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชน ต้องมีความรู้รอบ ถ้าเก่งเศรษฐกิจได้ก็ยิ่งดี ตอนนี้ก็มีรายชื่อ 4-5 คนเป็นแคนดิเดต แต่จะเป็นใคร คงแล้วแต่ที่ประชุมพรรค
    นายสมคิดกล่าวว่า ความจริงเรื่องคลายล็อกพรรคไม่ได้ต้องการ เราต้องการการปลดล็อกทั้งหมด คสช.อย่ากลัวว่าปลดล็อกไปแล้วจะเกิดความวุ่นวาย คสช.คิดเอาเอง ส่วนการปลดล็อกทุกอย่าง ให้หาเสียงได้  หากนับตามปฏิทินคงไปถึงช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งมีเวลาน้อย ส่วนการหาเสียงจะทำได้อย่างอิสระหรือไม่หรือว่าจะมีการทำให้บางกลุ่มบางพรรคการเมืองได้เปรียบอีกพรรค ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะเกิดความวุ่นวาย 
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการทำไพรมารีโหวตรูปแบบใหม่ ว่า จะทำไพรมารีโหวตรูปแบบไหนก็ได้ ไม่มีอะไรขัดข้อง ไม่เกี่ยงว่าต้องเป็นแบบใหม่หรือแบบเก่า เพราะการทำไพรมารีโหวตคือการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมทางการเมือง ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น ปชป.เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางมานานหลายสิบปีแล้ว โดยที่ไม่มีกฎหมายบังคับแต่อย่างใด  ในการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งใหม่ที่จะมีขึ้น หลังจากมีการคลายล็อกแล้ว ทาง ปชป.ได้กำหนดให้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรงจากสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ด้วยวิธีการที่นำเอาเทคโนโลยีใหม่มาอำนวยความสะดวกในการทำงาน ซึ่งจะช่วยทำให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมทางการเมืองได้เต็มที่
    "ถ้า คสช.และรัฐบาลคำนึงถึงการปฏิรูปการเมืองและเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายได้ ก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนในทางปฏิบัติว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้หลังคลายล็อก แต่เมื่อคนบางคนใน คสช. และรัฐบาลจะสืบสานปณิธานการสืบทอดอำนาจต่อไปเลยทำให้ต้องใช้อำนาจที่มีอยู่มาออกคำสั่งแก้ไขกฎหมายจนทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามปกติ การปรับ -เปลี่ยน-เพิ่ม-ลด กฎเกณฑ์กติกาทั้งหลายทั้งปวง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ขอฝากผู้มีอำนาจคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจมีคำสั่งอะไรออกมา ถ้าเป็นคำสั่งที่ก่อให้เกิดการใช้อำนาจโดยมิชอบ มีการเอารัดเอาเปรียบกันมากเกินไปอาจกลายเป็นบูมเมอแรงมาทิ่มแทงผู้มีอำนาจให้เกิดความเสียหายได้ ทางที่ดีที่สุดคือทำตรงไปตรงมา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีอะไรสะดุด น่าจะเป็นสุดยอดปรารถนาของคนในชาติมากกว่า"  นายองอาจกล่าว 
"บิ๊กตู่"อย่าสืบทอดอำนาจ
     นายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวว่า การที่ คสช.จะคลายล็อกและแก้ไขเรื่องการทำไพรมารีโหวตในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.นั้น ไม่ได้เป็นการห้ามหรือขัดขวางการปฏิรูปพรรคการเมือง ดังนั้นพรรคใดที่เห็นว่าอยากให้สมาชิกพรรคในเขตเลือกตั้งนั้นๆ ได้ร่วมลงมติเห็นชอบในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ก็ย่อมทำได้ ซึ่งพรรคประชาชนปฏิรูปจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว ขอให้ทุกคนจับตาดูต่อไปว่าบางพรรคที่ออกมาพูดว่าการที่ คสช.แก้ไขเรื่องการทำไพรมารีโหวตครั้งนี้ไม่เป็นการปฏิรูปพรรคการเมือง เมื่อหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว เขาจะขอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้มีการทำไพรมารีโหวตอีกต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีหลายพรรคร่วมสนับสนุนด้วย แต่พรรคประชาชนปฏิรูปจะไม่สนับสนุนการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว
    นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ค่อนข้างแปลกใจจุดยืนของพรรคการเมืองหลายพรรคที่เคยแสดงจุดยืนท้วงติงกระทั่งไม่เห็นด้วยกับการจัดทำไพรมารีโหวต วันนี้ คสช.ได้โยนหินถามทางเสนอแนวทางทำไพรมารีโหวตโดยยึดกรอบของ กรธ. ชึ่งเป็นกรอบหลวมๆ จนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นไพรมารีโหวต หลายพรรคคงพอใจกับแนวทางนี้ เพราะไม่ยุ่งยากและง่ายดี แต่ก็ยังเห็นหลายพรรคออกมาโจมตีว่าไพรมารีโหวตฉบับย่อของ คสช.เอื้อประโยชน์พรรคที่สนับสนุน คสช. แท้ที่จริงแล้วไพรมารีโหวตฉบับย่อเป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองที่เดินแนวทางการเมืองแบบเก่า ที่ไม่พร้อมปฏิรูปให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคมากกว่า น่าเสียดายถ้าตัดไพรมารีโหวตตามแนวทาง สนช.ทิ้ง เท่ากับตัดโอกาสของประชาชนในการคัดเลือกผู้สมัครของพรรค แทนที่จะตัดวงจรของนายทุนและผู้มีอิทธิพลในพรรคออกไป
    ด้านนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนช่วงเดือนก.ย.นี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารบ้านเมืองกว่า 4 ปี ประชาชนทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี บัดนี้คสช.มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนสภาพตัวเองจากกรรมการที่มีอำนาจกำกับดูแลการเลือกตั้ง จะมาเป็นผู้เล่นเสียเอง ถือเป็นเรื่องการสืบทอดอำนาจและไม่สมควรทำอย่างยิ่ง หากได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ทุกคนยังรังเกียจและเป็นห่วงไม่อยากให้เกิดซ้ำรอยอีก นอกจากนี้ยังล้มเหลวในการการสร้างความรักสามัคคี เอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อกัน ตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน รวมทั้งการป้องปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ซ้ำร้ายยังปรากฏความทุกข์ยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจ ยกเว้นกลุ่มนายทุนที่ได้รับการเอื้อทุกรูปแบบ 
    “แม้แต่ภาระหน้าที่ในการนำพาประเทศก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตยในต้นปี 2562 ก็ได้พยายาม ล็อกกฎกติกาทุกรูปแบบเพื่อเอื้อต่อฝ่ายตัวเอง เมื่อไม่เป็นที่พึงพอใจ ก็ใช้อำนาจแก้ไขใหม่ได้อีก คงต้องถามรัฐบาล คสช. ว่าหากกรรมการลงมาเล่นเองจะทำให้การแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมได้อย่างไร เพราะเมื่อผลออกมา ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ กลายเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาไม่รู้จบ จึงขอเอาตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเพื่อเตือนสติ คสช.ให้คิดทบทวน อย่าได้พยายามสืบทอดอำนาจ อันจะเป็นเหตุที่อาจจะนำพาความเศร้าเสียใจกลับมาอีก ขอภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองประเทศไทยได้ดลใจให้รัฐบาลคสช.ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองตามสัญญา  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป" นายอดุลย์กล่าว
ทหารแพ้เปรอง/ทักษิณ
    นายสมคิด เชื้อคง กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์จะให้คำตอบถึงอนาคตการเมืองว่า ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้บอกให้ชัด เพื่อไทยยินดี หากบอกว่าจะไปสังกัดพรรคไหน ไม่จำเป็นต้องลงสมัคร ส.ส.ก็ได้ หรือบอกให้ชัดยังต้องการเป็นนายกฯ ต่อไปคราวหน้า เพื่อให้ประชาชนตัดสิน หากเป็นแบบนี้ เรายินดีคงจะไม่ไปต่อว่าท่าน อย่ามาเป็นอีแอบ หรือถ้าจะเลิกก็บอกเลยจะหยุดแล้ว อย่าทำให้คลุมเครือ จะไม่เป็นผลดีต่อระบบเลือกตั้ง ท่านต้องเปิดเผย จะไปอยู่ตรงไหน ทั้งนี้ เราอาจต้องรอก่อนหกทุ่มในวันที่ 30 ก.ย. ถึงจะรู้คำตอบจากท่านก็เป็นได้
      นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังจะเดินเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง แต่บางคนกลับคิดว่าจะเอาอำนาจไว้กับตัวเองวางแผนให้ตัวเองอยู่ในอำนาจไป 10 ปี 20 ปี ตนเคยอยู่กับนักการเมืองพวกเหล่านี้มา ขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ท่านเคยด่านักการเมืองไว้ แต่วันนี้กำลังจะไปจับมือกับนักการเมือง ที่บอกว่าอยากเห็นการเมืองรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายแล้วกลับไปเอาคนรุ่นเก่ามา ทำนายได้เลยว่าท่านจะไม่สมหวัง และจะถูกนักการเมืองหลอก
    ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่า เรายังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้มีความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต และเหมาะสมที่สุดในการเป็นนายกฯ ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคใด ถ้าใครยังโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องการเป็นทหารและการสืบทอดอำนาจ ก็ขอให้ยุติเสียที แล้วเสนอมาว่าใครที่มีความสามารถและมีความซื่อสัตย์สุจริตควรเป็นนายกฯ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าเหมือนประเทศอื่นๆ
    นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เปรอง/ทักษิณ เปรียบเทียบอนาคตทางการเมืองของนายทักษิณ ระบุว่า ชะตากรรมของคนทั้งสองคล้ายกัน คือถูกทหารรัฐประหารยึดอำนาจและต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ฮวน เปรอง กลับสู่อาร์เจนตินาบ้านเกิดหลังลี้ภัยในต่างประเทศ 15 ปี เมื่อกลับมาก็ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนถล่มทลาย เผด็จการทหารของทั้งสองชาติได้สร้างให้คนทั้งสองเป็นลัทธิทางการเมือง จะด้วยเหตุเพราะ 1.ความฉลาดน้อยของเผด็จการ 2.การประเมินสถานการณ์ผิดพลาดของเผด็จการ 3.การประเมินศักยภาพเปรองและทักษิณต่ำไป 4.การบริหารประเทศผิดพลาดล้มเหลวของเผด็จการ 5.ความละโมบโลภมากเห็นแก่ตนเองและพวกพ้องของเผด็จการ ทำให้เผด็จการทหารทั้งสองชาติพ่ายแพ้ทางการเมืองต่อเปรองและทักษิณอย่างราบคาบ และในการเลือกตั้งปี 62 เผด็จการทหารก็ต้องพ่ายแพ้ต่อลัทธิทักษิณอีกครั้ง
    นายเจะอามิง โตะตาหยง อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรค ปชป. กล่าวถึงการประชุมจัดตั้งพรรคประชาชาติ(ปช.) ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค และประกาศจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ใต้ 20 ที่นั่งว่า ประชาชนหรือใครๆ ก็ดูออกว่าพรรค ปช. เป็นนอมินีของพรรคการเมืองไหน ตลอดเวลา 4 ปีที่ คสช.ยึดอำนาจมา ผู้แทนต้องอยู่กับประชาชน ไม่ใช่พอใกล้เลือกตั้งถึงจะมารักประชาชน มันไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่เขามีบทเรียนที่ฝังใจกันมานานต้องก้าวข้ามความไม่สงบให้ได้ เพราะประชาชนเขาต้องการสันติสุข อย่าลืมว่าอดีต ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้เขาก็มีศักยภาพพอเหมือนกัน จึงไม่มีอะไรที่คาดการณ์ได้บางเรื่องก็หักปากกาเซียนการเมืองมาหลายครั้งแล้ว กลุ่มวาดะห์เองก็ห่างหายจากพื้นที่ในการเลือกตั้งไปถึง 2 สมัยแล้วเช่นกัน
คลายล็อกทะเลาะกันอีก
    นายสุชาติ ลายน้ำเงิน กล่าวถึงแนวคิดการห้ามผู้สมัครหาเสียงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียว่า การห้ามแบบนี้ทำให้ประเทศไทยถอยหลังไปไกล จะให้ขี่เกวียนขี่ควายไปหาเสียงหรืออย่างไร ตนเป็นผู้แทนราษฎรมาทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เมื่อก่อนมีโทรศัพท์อันใหญ่มากเขายังใช้โทร.หากัน คุยกันได้ ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่วันนี้โลกไปไกลแล้ว ทั้งนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ใดได้เปรียบ แต่เป็นการปิดกั้นประชาชนไม่ให้ได้รับข้อมูลข่าวสาร เป็นความคิดของคนโบราณ คิดว่าจะควบคุมทุกอย่าง
    นายภราดร ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย โอกาสของประชาชนที่จะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้วยวิธีการใหม่ๆ ในมุมการปฏิรูปการเมืองผ่านระบบหรือวิธีการใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ การสื่อสารด้วยอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดีย สามารถเข้าถึงประชาชนได้จำนวนมาก และใช้งบประมาณที่น้อยด้วย จึงอาจถูกมองว่าปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนก็ได้ คสช.อย่าไปกลัวกับการสื่อสารสมัยใหม่ ไม่ควรออกกฎหมายหรือกติกาที่มีลักษณะซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำลายบรรยากาศหาเสียง 
     วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลโพล "เรื่องอะไรที่คนไทยอยากรู้" กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,129 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม-1 กันยายน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.1 อยากรู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่แน่ รองลงมาคือร้อยละ 53.8 อยากรู้เมื่อไหร่จะปลดล็อก, ร้อยละ 51.4 อยากรู้ใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 50.9 อยากรู้ชีวิตประชาชนจะเป็นอย่างไร, ร้อยละ 48.9 อยากรู้ประชาชนได้อะไรจากงบหลายล้านล้านบาท,  ร้อยละ 43.7 อยากรู้นักการเมืองไม่ดีจะเข็ดหลาบจำหรือไม่ ใครจะจัดการพวกนี้ได้จริง, ร้อยละ 41.6 อยากรู้จะเผาบ้านเผาเมืองกันอีกหรือไม่, ร้อยละ 40.3 อยากรู้คนไทยจะยอมรับคนโกงชาติบ้านเมืองต่อไปหรือไม่ เป็นต้น
    ที่น่าสนใจคือ จำนวนมากหรือร้อยละ 44.9 คิดว่า เลือกตั้งแล้วอะไรๆ น่าจะดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 18.7 ไม่คิดว่าจะดีขึ้น และเกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 36.4 ไม่แน่ใจ ที่น่าพิจารณาคือ เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.7 คิดว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป ความร้อนแรงทางการเมืองจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 39.9 ระบุจะเหมือนเดิม และร้อยละ 5.4 ระบุจะลดลง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.1 ระบุจำเป็นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้เลือกตั้งเกิดขึ้นด้วยความสงบเรียบร้อย 
    สวนดุสิตโพลเปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไร? กับการปลดล็อก คลายล็อก จากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,033 คน ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม-1 กันยายน 2561 สรุปผลได้ดังนี้ 1.เรื่องที่วิตกกังวลถ้ามีการปลดล็อก พบว่า 1.เกิดความขัดแย้ง บ้านเมืองวุ่นวาย 48.96% 2.กลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว ชุมนุมประท้วง 35.76% 3.มีการหาเสียงรุนแรง โจมตีกันไปมา 25.35% 4.คนฝ่าฝืนและไม่เคารพกฎหมาย 22.05% 5.รัฐบาลควบคุมดูแลสถานการณ์ลำบาก 17.19% ส่วนเรื่องที่วิตกกังวล ถ้ามีการคลายล็อก พบว่า 1.การทะเลาะเบาะแว้ง ใส่ร้าย สาดโคลนกัน 50.67% 2.มีการคัดค้าน จัดกิจกรรมไม่เหมาะสม 31.39% 3.คสช.ไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเมือง ปิดกั้น 30.49%
    2.เรื่องใดที่คิดว่าควรคลายล็อก พบว่า 1.กำหนดนโยบายหาเสียงที่ชัดเจน 41.57% 2.มีการคัดเลือกผู้ที่จะลงสมัครเลือกตั้ง 40.18% 3.ให้พรรคการเมืองเลือกหัวหน้าพรรคได้ 27.02% 4.หาเสียงทางโซเชียลได้ 17.09% ส่วนเรื่องที่ยังไม่ควรคลายล็อก พบว่า 1.อภิปรายหาเสียงในที่สาธารณะขนาดใหญ่ 39.66% 2.จัดประชุมพรรค ชุมนุมทางการเมือง 36.21% 3.จัดกิจกรรมลงพื้นที่พบปะประชาชน 24.13%


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"