คลังฟุ้งเศรษฐกิจไทยปึ๊กต่างชาติรุมจีบลงทุน “อีอีซี-ทีเอฟเอฟ”


เพิ่มเพื่อน    

คลังฟุ้งนักลงทุนต่างชาติตามจีบลงทุนโครงการบิ๊กโปรเจ็กต์ “อีอีซี-ทีเอฟเอฟ” อวดพื้นฐานเศรษฐกิจไทยสุดแกร่ง ไม่สะท้านตลาดเงินโลกผันผวน เงินทุนไหลออก

07ก.ย.61- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ความผันผวนของตลาดการเงินตอนนี้กระทบทุกประเทศในโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย อย่างไรก็ตามพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศไทยดีมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เกิดความปั่นป่วน เกิดภาวะเงินทุนไหลออก ค่าเงินอ่อนลง แต่ในส่วนของประเทศไทยทุกอย่างนิ่ง ค่าเงินของไทยแทนที่จะอ่อนค่ากลับแข็งค่าขึ้น เพราะเงินไม่ไหลออกและยังมีเงินไหลเข้ามาด้วย เนื่องจากต่างชาติเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย

นายศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการ สศค. ได้นำคณะทำงาน สศค. ไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่กว่า 20 แห่ง ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นนักลงทุนที่ลงทุนในไทย โดยบางแห่งลงทุนในไทยถึง 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับพื้นฐานเศรษฐกิจและโครงการต่าง ๆ ที่ประเทศไทยจะเดินหน้าในอนาคต

"นักลงทุนยังเชื่อมั่นพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยดี และเตรียมเงินไว้ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ทีเอฟเอฟ) และลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ดังนั้นจึงจะเห็นว่าแม้ว่าตลาดการเงินของโลกจะมีความผันผวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ในส่วนของไทยจะมีผลกระทบเฉพาะในส่วนตลาดหุ้นที่นักลงทุนขายหุ้นและนำเงินไปพักไว้ในตลาดพันธบัตร เพื่อลงทุนในทีเอฟเอฟ และ โครงการอีอีซี" นายศรพล กล่าว
  
นายศรพล กล่าวอีกว่า สศค. ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับนักลงทุนสถาบันเรื่องความผันผวนของตลาดการเงินในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ว่าเป็นเรื่องการบริหารการลงทุนปกติ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันลดการลงทุนในประเทศจีน เพราะเป็นห่วงเรื่องสงครามการค้ากับประเทศสหรัฐ ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นต่างกันว่าจะเกิดผลกระทบไม่รุนแรงหรือรุนแรง แต่ในแง่ของนักลงทุนประเภทสถาบันก็จะลดการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงไว้ก่อน

หลังจากนั้นนักลงทุนสถาบันก็จะไปลดน้ำหนักการลงทุนกับประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ส่วนใหญ่มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูง เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ที่นักลงทุนขายทั้งหุ้นและพันธบัตรและนำเงินออก แม้ว่าประเทศอินโดนีเซียจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ยังไม่สามารถดึงนักลงทุนไว้ได้ ทำให้เกิดความผันผวนกับค่าเงินอย่างมาก

ทั้งนี้ ในส่วนของไทยแม้ว่าจะเป็นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่นักลงทุนสถาบันลดน้ำหนักการลงทุน แต่มีผลกระทบไม่มากเพราะต่างจากประเทศอื่น ๆ เนื่องจากประเทศไทยยังเกินดุลบัญชีสะพัด ทำให้นักลงทุนมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดีน่าลงทุน จึงมีความผันผวนเรื่องทางการเงินที่มีการโยกเงินจากตลาดหุ้นไปในตลาดพันธบัตรไม่ได้นำเงินออกนอกประเทศ เหมือนประเทศอื่น

"ความผันผวนของตลาดเงินโลก กระทบกับประเทศไทยน้อยและไม่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนปี 2540 เพราะเศรษฐกิจจริงของไทยมีพื้นฐานดีไม่มีปัญหาโครงสร้าง ยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จากการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยที่ขยายตัวได้ดี นักลงทุนสถาบันจึงยังไม่ดึงเงินลงทุนออกจากประเทศไทย เพียงแต่พักรอจังหวะลงทุน" นายศรพล กล่าว
 
นายสุวิชญ เปิดเผยว่า จากการไปโรดโชว์ในประเทศสิงคโปร์ นักลงทุนสถาบันเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย และพร้อมจะนำเงินเข้ามาลงทุนเพิ่ม เนื่องจากรัฐบาลมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งจำนวนมาก รวมถึงโครงการอีอีซี และ กองทุนทีเอฟเอฟ ที่นักลงทุนสอบถามและสนใจจะมาลงทุน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"