โอสถสภาล้างภาพธุรกิจครอบครัว จ่อสยายปีกบุกอินโดไชน่า


เพิ่มเพื่อน    

 

โอสถสภาเจนฯ 4 ทรานฟอร์มธุรกิจครอบครัวสู่โปรเฟสชั่นแนล พร้อมสปายปีกตลาดอินโดไชน่า ชู 4 กลุ่มธุรกิจ ผ่านยุทธ์ศาสตร์พอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่ง คาดราคาไอพีโอ 25 บาทต่อหุ้น

นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า หลังจากธุรกิจของครอบครัวได้ดำเนินงานมายาวนานมากกว่า 127 ปี ผ่านการเป็นผู้ผลิต ทำการตลาด และผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในประเทศไทย และเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในเมียนมาร์ และ สปป.ลาว รวมถึงยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวม 25 ประเทศผ่านผู้จัดจำหน่าย ครอบคลุมไปยังธุรกิจบริการอื่นๆ เช่น บริการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชน ได้แก่ การผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอก ภายใต้กิจการร่วมค้าและสัญญาบริการผลิตสินค้า (OEM)

นับจากนี้เพื่อทำให้โอสถสภามีความแข็งแกร่งและดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น จึงได้เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะทำให้การงานของบริษัทก้าวเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพมากกว่าในอดีต เนื่องจากบริษัทไม่ได้ต้องการเติบโตเพียงแค่ตลาดภายในประเทศไทยหรืออาเซียนเท่านั้น แต่ยังหาจังหวะและโอกาสขยายตัวเข้าไปสู่ภูมิภาคเอเชีย และประเทศอื่นๆ อีกด้วย ผ่านกลยุทธศาสตร์มีพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย หรือไม่ได้มีเพียงแค่แบรนด์เดียวในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศคิดเป็น 25% ของรายได้รวม

นางพรธิดา บุญสา รองกรรมการผู้จัดการสายการเงิน บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า จากภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2559 มีรายได้รวม 3.3 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2560 มีรายได้มากกว่า 2.62 หมื่นล้านบาท การลดลงดังกล่าวเนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง โดยได้มีการขายและเลิกทำบางธุรกิจ แต่ไม่ได้เป็นธุรกิจหลักของบริษัท แต่หากมาดู 6 เดือนแรกของปี 2562 จะเห็นว่ามีรายได้กว่า 1.2 หมี่นล้านบาท โดยสินค้าบางกลุ่มยังมีการเติบโตมากกว่าตลาด

ทั้งนี้ ปัจจุบัน OSP แบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ประกอบด้วยเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ กาแฟพร้อมดื่มและเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติเฉพาะ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก เช่น เอ็ม-150, เอ็ม-สตอร์ม, ลิโพวิตัน-ดี, ฉลาม, ชาร์คคูลไบท์, โสมอิน-ซัม, เอ็มเกลือแร่ (M-Electrolyte), เอ็ม-เพรสโซ, และเปปทีน 2. ธุรกิจผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ที่ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กภายใต้ แบรนด์เบบี้มายด์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิงภายใต้แบรนด์ทเวลฟ์พลัส

นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ กล่าวว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการรักษาและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ภายใต้วิสัยทัศน์ “พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต” (The Power to Enhance Life) ที่มุ่งมั่นพัฒนาบริษัทฯให้เป็นองค์กรที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภค และสังคมด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ทันสมัย สำหรับแนวทางของการทำตลาดในประเทศ บริษัทมีความแข็งแกร่งทางด้านแบรนด์สินค้าอยู่แล้ว จึงเน้นการออกสินค้าใหม่ รวมถึงการปรับตำแหน่งทางสินค้า อาทิ แบรนด์ทเวล พลัส ที่จะขยายจากกลุ่มเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยไปสู่คนเริ่มทำงานมากขึ้น หรือทำให้แบรนด์มีความทันสมัย

ขณะเดียวกันยังเพิ่มมูลค่าของสินค้าด้วยการขยายสู่ระดับพรีเมียม แต่กลุ่มที่มีโอกาสในอนาคตมากที่สุดจะเป็นฟังก์ชันนัลดริงก์ มีเปบทีนเป็นตัวหลักในการทำตลาด คาดการณ์ว่าสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ฟังก์ชันนัลดริงก์จะมีมากขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศบริษัทเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในเมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว  ขณะนี้ระหว่างการสร้างโรงงานในเมียนมาเพื่อรองรับดีมานด์ ควบคู่ไปกับการปรับกลยุทธ์ในกัมพูชา สปป.ลาว และอินโดนีเซีย

นางวรรณิภา กล่าวว่า บริษัทยังมองโอกาสลงทุนในเวียดนามและจีน เนื่องจากมีตลาดที่เต็มไปด้วยประชากรขนาดใหญ่ แต่ว่าการแข่งขันก็ค่อนข้างสูง จึงต้องศึกษาตลาดให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยพิจารณาดูว่าเหมาะสมกับธุรกิจและการตลาดแบบไหน

ด้านนายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นเบื้องต้นที่ระหว่าง 22.00-25.00 บาทต่อหุ้น โดย ณ วันจองซื้อ นักลงทุนทั่วไปจะต้องจองซื้อหุ้น IPO ที่ราคา 25.00  บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น โดยราคาเสนอขายหุ้นสุดท้ายจะถูกกำหนดโดยนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและในต่างประเทศ โดยวิธี Bookbuilding  หากราคาเสนอขายหุ้นสุดท้ายต่ำกว่าราคา 25.00  บาท นักลงทุนทั่วไปที่จองซื้อจะได้รับคืนเงินส่วนต่างระหว่างราคาจองซื้อหุ้น กับราคาเสนอขายหุ้นสุดท้าย จะมีการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนทั่วไป (โรดโชว์) ในวันที่ 24 ก.ย. 2561  พร้อมเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อในระหว่างวันที่ 1 – 4 ต.ค. 2561 นี้
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"