ปัดเกี๊ยะเซียะ'แม้ว' มาร์คขึงขัง-พท.คึก


เพิ่มเพื่อน    

     “อภิสิทธิ์-โภคิน” เรียงหน้าปัดข่าวเกี๊ยะเซียะ ยันเป็นเรื่องยาวไกล “มาร์ค” ตอกหากไม่หลุดพ้นระบอบทักษิณร่วมงานยาก “ภูมิธรรม” ลั่นคนเพื่อไทยมีศักยภาพนั่งนายกฯ แต่ไม่ปัดทิ้งร่วมมือ ปชป. “2 พรรคใหญ่” จัดประชุมคึกคัก “เหนาะ” ลากสังขาร 85 ปีร่วมวง โอ่เพื่อแม้วชนะที่ 1 พร้อมแซะ “ลุงตู่” มี ส.ว.ลากตั้งแต่ก็บริหารประเทศไม่ได้ “ประยุทธ์” สวนกลับไล่กลับไปพักผ่อน 
     เมื่อวันพุธ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวได้พูดคุยกับนายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยจะเป็นนายกฯ อีกสมัยว่า เคยพบนายโภคินที่สำนักกฎหมายธรรมนิติ แต่ไม่มีพูดเรื่องตำแหน่งนายกฯ ที่จะมายกให้กัน เป็นการคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการเมืองบ้าง ปัญหาข้อกฎหมาย การทำงานของพรรคการเมือง โดยตอนนั้นยังไม่มีการปลดล็อกหรือคลายล็อก
     “ปกติผมเจอคนของพรรคเพื่อไทยในเวที หรือถ้าจะพูดคุยเรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องเหล่านี้ เพราะผมพูดชัดเจนมาตลอดว่าทำการเมืองในเรื่องของอุดมการณ์ ถ้าไม่ตรงกันก็ร่วมกันไม่ได้ ตรงนี้คือจุดที่แสดงมาตลอด ไม่ต้องมีปัญหามาตีความกัน และไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่เห็นคุณโภคินก็ออกมาปฏิเสธแล้ว โดยข้อเท็จจริงพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้บริหารอะไรอย่างไร ผมนึกไม่ออกว่าเขาจะคิดเรื่องนี้ขึ้นมา” นายอภิสิทธิ์กล่าว
     เมื่อถามว่า มองเจตนาข่าวที่ออกมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบ แต่ได้บอกไปแล้วว่าเรื่องอุดมการณ์นั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยยังอยู่ภายใต้ของครอบครัวชินวัตร ไม่ดึงตัวเองให้พ้นจากร่มเงาของระบอบทักษิณ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งไม่ได้พูดถึงตัวหัวหน้าพรรค แต่บอกว่าพฤติกรรมใดๆ ที่เหมือนกับระบอบทักษิณ ใครจะทำ ก็คัดค้าน เพราะมีความสม่ำเสมอในอุดมการณ์ และไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่แนวทางยังเป็นแบบเดิม ก็ทำงานร่วมกันไม่ได้ ต่างฝ่ายก็ต่างทำหน้าที่ไปเท่านั้นเอง
     ด้านนายโภคินปฏิเสธข่าวเช่นกัน โดยระบุว่า งงว่าข่าวออกมาได้อย่างไร แค่ทักทายกันปกติธรรมดา ตอนนี้ยังไม่มีเหตุผลคุยเรื่องการเมืองในอนาคต เพราะยังไม่รู้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ส่วนอนาคตจะร่วมกับ ปชป.หรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ต้องรอ พท.เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ดูทิศทางการเลือกตั้งใหม่ก่อน ทุกอย่างยังมีขั้นตอนอีกมาก อย่าเพิ่งไปคิดอะไร เพราะจะไม่เป็นผลดีกับใคร ในตอนนี้ ไม่มีใครอยากคุยเรื่องดังกล่าว เพราะทุกพรรคยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน มีแค่พรรคที่ชัดเจนพรรคเดียวที่อยากสืบทอดอำนาจ
     นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการ พท.กล่าวว่า พรรคจะยึดมั่นใน 3 รายชื่อที่พรรคเสนอ ส่วนข่าวดังกล่าวได้สอบถามนายโภคิน ก็ระบุเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งพูดว่าใครเป็นหัวหน้าพรรค หรือเอาหัวหน้าพรรคไปยกให้ใคร จุดยืนของพรรคชัดเจนว่าเรามีคนของเรา ที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมเสนอคนที่มีศักยภาพให้ประชาชนได้เป็นคนตัดสินในวันเลือกตั้ง 
     ไม่ปัดทิ้งจับมือ ปชป.
     เมื่อถามว่า สามารถทำงานร่วมกับ ปชป.ได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราทำงานกับฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหมดได้ ถ้ามีจุดยืนว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยและไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ไม่รับการบริหารงานที่สร้างปัญหาและเป็นเผด็จการ ถ้ายืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เอานายกฯ ที่มาจากกรสืบทอดอำนาจก็คุยกันได้ว่าจะอยู่ที่ตรงไหน นโยบายเหมือนกันไหม การบริหารงานร่วมกันที่จะพาประเทศชาติหลุดจากสภาพที่เป็นอยู่ ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าร่วมมือกันได้ก็ไปกันได้
     ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท. กล่าวว่า ขอปฏิเสธข่าวนี้อย่างหนักแน่นชัดเจน เป็นไปไม่ได้เลย และไม่มีมูลความจริงใดๆ โดยสิ้นเชิง หากประชาชนมอบฉันทานุมัติให้พรรคครองเสียงข้างมากเป็นอันดับ 1 พรรคก็พร้อมให้บุคลากรทางการเมืองของพรรคเป็นนายกฯ ไม่จำเป็นที่จะไปยกเก้าอี้นายกฯ ให้คนพรรคอื่น 
     วันเดียวกัน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยต่างมีการจัดกิจกรรมทางการเมือง โดย ปชป.ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2561 ครั้งที่ 1 โดยมีผู้เข้าร่วมคึกคัก ทั้ง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ซึ่งประกาศตัวลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ อดีต ส.ส.นราธิวาส ที่มีข่าวว่าจะย้ายไปอยู่พรรครวมพลังประชาชาติ (รปช.) มาร่วมประชุมด้วย
     และหลังใช้เวลาประชุมกว่า 5 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์แถลงว่า มีการแลกเปลี่ยนปัญหามุมมอง รวมถึงวิธีการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค โดยที่ประชุมเห็นว่ากรรมการบริหารพรรคจะมีทั้งสิ้น 41 คน โดยมีสัดส่วนของผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 10 คน และกรรมการสาขาพรรคที่ต้องมี 11 คน ก็จะให้มีสัดส่วนผู้หญิงอย่างน้อย 3 คน รวมถึงให้ผู้มีอายุไม่เกิน 35 ปีอย่างน้อย 1 คน
     สำหรับการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในฐานะที่มีส่วนได้ส่วนเสียได้มอบหมายให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาจัดทำให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ส่วนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนหยั่งเสียงที่ประชุมเห็นว่าสมาชิกของพรรคที่พ้นสภาพจากคำสั่ง คสช. 2.5 ล้านคน และไม่เคยไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่น เราเชื่อว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นคนของพรรค จึงให้สิทธิ์ลงคะแนนหยั่งเสียง แต่ต้องมาลงทะเบียนยืนยันเป็นสมาชิกก่อน  
     ส่วน นพ.วรงค์กล่าวถึงการลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคว่า เท่าที่ได้เดินสายพูดคุยกับสมาชิกพรรคบางส่วน ส่วนใหญ่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในพรรค รวมถึงประชาชนในพื้นที่พิษณุโลกก็เช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าหากนายอภิสิทธิ์ยังคงเป็นหัวหน้าพรรค พรรคจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคมา 13 ปีแล้ว หลายคนอยากให้มีสิ่งใหม่เกิดขึ้น
     เมื่อถามถึงกรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้า ปชป.เสนอให้ทำสัญญาสุภาพบุรุษถอนตัวจากการแข่งขัน หากแพ้การโหวตและเสนอบุคคลที่ได้เสียงอันดับหนึ่งต่อที่ประชุมพรรคนั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า เมื่อเราเลือกคนที่เป็นหัวหน้าพรรค แน่นอนว่าต้องได้คนที่มีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง แม้ข้อบังคับจะกำหนดให้เสนอต่อที่ประชุม คนที่ 2 และที่ 3 ต้องแสดงสปิริตนั้น ก็ไม่มีปัญหา
     สัปดาห์หน้าเปิดทีมเพื่อนมาร์ค
     นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าตนเองและกลุ่มสนับสนุนนายอภิสิทธิ์จะแถลงเปิดตัวที่พรรค ทั้งนี้ จะรอให้ข้อบังคับและระเบียบหยั่งเสียงเรียบร้อยเสียก่อน
    ขณะที่ในช่วงเช้า นายสุรบถ หลีกภัย บุตรชายนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค โดยให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยพรรคทำงาน ซึ่งการจะได้ลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของผู้ใหญ่ แต่ก็อยากเข้ามาช่วยในเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นและสื่อโซเชียล โดยหากจะให้ให้คำนิยามสามคำกับพรรคก็ให้ได้ว่า “เราตั้งใจ” หมายถึง ความตั้งใจเป็นพื้นฐานของการทำงานทุกอย่าง
     เมื่อถามว่า ในฐานะคนรุ่นใหม่ ถ้าอนาคตพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์จับมือกันเป็นรัฐบาล จะเป็นการลดความขัดแย้งหรือไม่ นายสุรบถกล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในพรรค แต่พูดได้เต็มปากว่า ในยุคนี้ประชาธิปัตย์และเพื่อไทยนั่งคุยกันได้อย่างสบาย
     ขณะเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทยได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาร่างข้อบังคับพรรคใหม่ โดยมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรค และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และสมาชิกพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยนายภูมิธรรมระบุว่า เป็นวันแรกที่มีการเปิดบ้านให้สมาชิกพรรค อดีต ส.ส. รัฐมนตรีและนักการเมืองของพรรคมาพูดคุยหลังรัฐประหารมาเกือบ 5 ปี ไม่ใช่เช็กชื่อ แต่จะได้ทราบว่ามีใครที่ยังรักและอยากร่วมงานกับพรรค  
จากนั้นนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค กล่าวตอนหนึ่งว่า แม้ว่าเราจากกันกว่า 4 ปี แต่วันนี้เราได้มาพบกันก็     ยังหนาแน่น ที่ไม่ได้มาก็เยอะ ถูกดูดไปก็หลาย แต่ไม่ย่อท้อ ทางใครทางมัน สำหรับ 46 ปีทางการเมืองถึงอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็เป็นที่ 1 รับรองได้เลย เป็นที่ 1 ห่างด้วย ภาคเหนือก็มั่นคง ภาคอีสานไม่ต้องห่วง ภาคกลางก็ไม่แพ้ใคร ภาคใต้กำลังแก้ปัญหา มั่นใจคราวนี้ไม่น้อยหน้าคาดว่าจะได้ 10 คนขึ้นไป
     “ประชาธิปัตย์ไม่รู้ว่ากำลังเล่นอะไรกันเรื่องหัวหน้าพรรค แต่ถ้าผมมองด้วยสายตา คิดว่าต่ำกว่า 100 แต่ของเรา 200 คนขึ้นไป ส่วนคนที่ถูกบีบ อย่าไปหวั่นไหว เลือกตั้งเสร็จ พวกนี้ก็หมดอำนาจ อย่าไปหวั่นไหวว่าเขาจะตั้งรัฐบาลได้ เรื่องที่เขาเอามาบีบเรา ถ้าเราผิดจริง เผาไฟไม่ได้ เขาก็ขุดขึ้นมาได้ เขาช่วยเราไม่ได้หรอก แค่เอามาบีบตอนนี้เท่านั้น แต่ถ้าใครแยกออกไปจะมองหน้ากันไม่ติด ส่วน ส.ว. 250 คน ไม่ได้ทำให้เขาเป็นนายกฯ ได้ หรือต่อให้เป็นนายกฯ ได้ ก็บริหารประเทศไม่ได้ ท้ายที่สุดก็มีอันเป็นไป ผมแม้ปีนี้จะอายุ 85 ปีแล้ว แต่ขอยืนยันว่าจะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และพวกเราตลอดไป” นายเสนาะกล่าว
     ภายหลังการประชุม นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้บอกกับอดีต ส.ส. แม้เราจะถูกกระทำจากผู้มีอำนาจ มีการใช้กฎระเบียบ ใช้พลังดูด แต่ขอให้สมาชิกมั่นคง อย่าหวั่นไหว ทุกคนยืนยันว่าพร้อม เพราะเราฆ่าไม่ตาย ทำลายไม่ได้ โดยหลังนำข้อบังคับเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมพรรคในวันที่ 3 ต.ค. ก็จะเดินสายไปพบประชาชนต่อไป 
     “นคร” โอ่ดึงอดีต 10 ส.ส.
     เมื่อถามถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะไปเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบข่าว แต่เท่าที่ได้ยังปกติ ยังเป็นสมาชิกเพื่อไทย เป็นธรรมดาช่วงนี้เป็นเวลาที่มีข่าวคราวจำนวนมาก รวมถึงข่าวยกตำแหน่งนายกฯ ให้นายอภิสิทธิ์ 
     ที่พรรค พท. นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อขอรายละเอียดการสมัครสมาชิกพรรค โดยระบุถึงกรณีอดีต ส.ส.ปชป.จะย้ายเข้า พท.ว่า อยู่ระหว่างรวบรวมเพื่อนอดีต ส.ส.กว่า 10 คน และจะตกลงวันเวลากันอีกครั้ง จะมีอดีต ส.ส.มาจากทุกภูมิภาค ส่วนใหญ่จะเป็นอดีต ส.ส.ที่ตั้งใจจะมาร่วมอุดมการณ์จริงๆ ส่วนตนเองนั้นจะลงสมัครในเขตเดิม จ.พิษณุโลก
     “อยู่พรรคเพื่อไทยแน่นอน เพราะผมเห็นว่าขบวนทัพของฝั่งประชาธิปไตย มีเพื่อไทยถือธงนำ การจะเอาชนะฝ่ายเผด็จการได้ถล่มทลายต้องอยู่กับทัพหลวง เพื่อนำพาความยุติธรรม ประชาธิปไตย ความถูกต้องกลับคืนมาสู่ประเทศให้ได้” นายนครกล่าว
     ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยพร้อมระบุว่า ต้องการมาร่วมทำงานกับพรรคที่เป็นประชาธิปไตย แต่นี้ยังไม่สนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่มาเพราะต้องการให้คำแนะนำช่วยงานพรรคในมิติด้านความมั่นคง 
     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำแถลงของนายเสนาะว่า ทำไมล่ะ ก็ประเทศไทยและคนไทยจะยอมหรือไม่ล่ะ อยากจะให้วุ่นวายแบบเดิมหรือไม่ แล้วบ้านเมืองจะสับสนอลหม่านไหม จะปล่อยให้เขาปลุกระดมอย่างนั้นขึ้นมาได้อย่างไร ก็เราเป็นคนยอมให้เขาทำเอง เพราะฉะนั้นวันข้างหน้าการจะอยู่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ด้วยการทำงาน นโยบาย ด้วยการบริหารราชการแผ่นดินในเชิงที่ต้องมีธรรมาภิบาล ถ้าเขาทำดี ทำถูกแล้ว คุณไม่ให้เขาอยู่ มันหมายความว่าอย่างไร เข้าใจหรือไม่ การที่เขาออกไปด้วยเหตุผลอะไร ด้วยกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมใช่ไหม ทำผิดอะไรไว้หรือเปล่า ต้องแยกแยะ ต้องสอนคนแบบนี้
"ให้คุณเสนาะไปพักผ่อนได้แล้ว แก่แล้ว ดูถูกคนไทยได้อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนออกจากวงสัมภาษณ์.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"