ตามหน้าสื่อสารมวลชน อาจเห็นเพียงพลังดูดของกลุ่มสามมิตรและพรรคพลังประชารัฐไล่ต้อนอดีตนักการเมืองเกรดเอ บี ซี เข้าคอกทหาร สวนทางพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ระส่ำระสายเลือดไหลไม่หยุด เช่นเดียวกับท่อน้ำเลี้ยงก็ยังติดขัดเพราะนายใหญ่ไม่จ่าย ขณะที่สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็หอบนายทุนไปสนับสนุนพรรคการเมืองเป็นนั่งร้านทหาร

       ต่างจากพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ที่เดินเกมการเมืองเงียบๆ ไม่โฉ่งฉ่าง  แต่วงในทราบว่าพลังดูดแรงมากด้วยเครื่องยนต์ระดับ“โรลส์-รอยซ์” ที่ใช้ในเครื่องบิน ดึง ส.ส.เกรดเอบวกเข้าร่วมพรรค โดยมี “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ขี่บิ๊กไบค์ตัวท็อปสร้างคอนเน็กชั่นทำงานการเมืองเบื้องหลัง

       ข่าวแจ้งว่าในวันที่ 2 ต.ค.นี้ การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยจะเกิด “บิ๊กเซอร์ไพรส์” โดยมีอดีต ส.ส.ดังจากบ้านใหญ่นครปฐม นำโดยนายไชยยศ สะสมทรัพย์, นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์, นายอนุชา สะสมทรัพย์, นายไชยา สะสมทรัพย์,  พร้อมด้วย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี  พรรคชาติไทย, นายพลพีร์ สุวรรณฉวี อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา และบุตรชาย ว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีตแกนนำกลุ่ม 3 พี เข้ามางานกับพรรคการเมืองอันดับ 3 

       ส่วนสาเหตุที่เข้าร่วมงาน มีหลายปัจจัย เริ่มจากตระกูล "สะสมทรัพย์" แต่เดิมถูกฟันธงว่าเสร็จพรรคพลังประชารัฐแล้ว หลังปลายปีที่ผ่านมาปรากฏภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เดินสายพบนักการเมืองดังที่เมืองนครปฐม ขณะที่คนในกลุ่มบ้านใหญ่ก็แบ่งรับแบ่งสู้ เนื่องจากไม่อยากผิดใจกับ คสช. ที่มีกฎหมายอยู่ในมือ อีกด้านก็ไม่อยากมีปัญหากับพรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ ชินวัตร 

ทางออกแบบ “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น” คือพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” ที่ชูภาพสร้างความปรองดองและเป็นมิตรกับทุกฝ่าย และมีโอกาสเป็นรัฐบาลสูง ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 60 ออกแบบมาไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ส่งผลให้สถานะพรรคขนาดกลางเนื้อหอม รอเพียงการต่อสายหลังปิดหีบเลือกตั้งเชิญไปร่วมรัฐบาล

       อีกทั้งปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน ยังช่วยลดกระแสต่อต้านจากชาวบ้าน เพราะหากไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ  อาจถูกรังเกียจจากผู้ไม่นิยมเผด็จการ ประเมินได้จากเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ประกาศสนใจการเมือง ผลโพลจากโทรทัศน์ช่องวัน 31 รายงานว่า มีผู้โหวตเลือก 12% ไม่เลือกสูงถึง 88% จากผู้โหวตทั้งสิ้น 3.5 แสนราย สวนทางโพลที่สนับสนุนรัฐบาลมาก่อนหน้านี้

       เช่นเดียวกัน หากสังกัดพรรคเพื่อไทยเช่นเดิม ในสภาวะความไม่แน่นอนว่านายทักษิณจะเล่นการเมืองแบบไหน มีโอกาสเป็นฝ่ายค้านสูง และสุ่มเสี่ยงต่อคดีความต่างๆ ตามมา 

       ความเคลื่อนไหวดังกล่าวชัดเจนขึ้น 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อนายอนุทินได้เดินทางไปร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิด ปีที่ 66 ของนายไชยา ที่ จ.นครปฐม เมื่อบวกกับความสัมพันธ์เก่าก่อนยังสอดรับโดยเฉพาะกับนายเนวิน เคยได้รับความช่วยเหลือจากคนในตระกูลสะสมทรัพย์ หลังประสบวิบากกรรมทางการเมือง ด้วยกล่าวหาซื้อเสียงในจังหวัดบุรีรัมย์จนเป็นที่อื้อฉาวในปี 2538 และไม่มีพรรคใดกล้ารับเข้าเป็นสมาชิก แต่สุดท้ายบ้านใหญ่นครปฐมก็อ้าแขนรับเข้ามาอยู่พรรคเอกภาพในปี 2539 ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องสงสัยว่าแกนนำของทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันเพียงใด                 

       ถัดมาคือนายชาดา ย้ายมาร่วมงานพรรคภูมิใจไทย เพราะเชื่อมั่นในพลังการดีลการเมืองของนายเนวิน เพื่อนเก่าตั้งแต่เคยสังกัดพรรคชาติไทย แตกต่างจากรังเก่า ที่วันนี้ไร้บารมีของนายบรรหาร ศิลปอาชา อย่างแต่ก่อน       ส่วนนายพลพีร์ อาจมีเหตุผลที่ต่างออกไป เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครรับเข้าสังกัดพรรค ย้อนกลับไปดูประวัติเพราะเคยออกจากพรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ไปอยู่กับเพื่อไทย ก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ต่อมาในช่วงกระแสพรรคพลังประชารัฐเริ่มก่อร่างสร้างตัว กลับไปแสดงท่าทีออกตัวแรงว่าจะไปอยู่กับพรรคทหาร

       ปรากฏโป๊ะแตก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรองหัวหน้า คสช. ไม่การันตีพื้นที่ให้ เพราะมอบให้กลุ่มสามมิตรจับจองไว้หมด 14 เขต ลูกชายไพโรจน์จะกลับรังเก่า ทั้งสองพรรคก็ไม่รับ เพราะวางตัวผู้สมัครไว้หมดแล้ว

       ขณะที่ภูมิใจไทยเล็งเห็นโอกาสอาจจะได้ ส.ส.เพิ่ม หรืออย่างน้อยก็คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อให้แก่พรรค และเมื่อรวมกับ ส.ส.เดิมในพื้นที่ต่างๆ อาทิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ราชบุรี ปราจีนบุรี สมุทรปราการ สระบุรี นครราชสีมา  กาญจนบุรี ลพบุรี และนครนายก ซึ่งมีความเป็นปึกแผ่น และไม่ถูกดูด พร้อมเสบียงกรังของบริษัท ซิโน-ไทย – บุรีรัมย์ ระดับหมื่นล้าน จึงสร้างความสบายอกสบายใจให้แก่ผู้มาร่วมชายคาทุกคน          

 เห็นจุดเด่นและอัตลักษณ์เฉพาะของพรรคภูมิใจไทย เชื่อว่าอดีต ส.ส.ของแท้ คงรอจังหวะตบเท้าเข้าซบอีกเพียบ.