บอร์ดกทพ.เคาะไฟเขียวขายTFF หน่วยละ 10 บาท


เพิ่มเพื่อน    

 

บอร์ดกทพ.เคาะไฟเขียวขายTFF หน่วยละ 10 บาท หวังระดมทุนเกินเป้าทะลุ 5 หมื่นล้านบาท ยันพนักงาน-ทุนใหญ่ ซื้อราคาเท่าประชาชน ฟุ้งสถานะทางการเงิน สภาพคล่องยังดีอยู่

นายประสิทธิ์ เดชศิริ รองผู้ว่าการฝ่ายบริหาร การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่าในวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมากทพ.ได้รายงานวาระพิจารณาเรื่องการกำหนดมูลค่าการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์(TFF) และช่วงราคาค่าสิทธิในรายได้ตามร่างสัญญา โดยหลังจากเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการ

ด้านแหล่งช่าวจากกทพ.เปิดเผยว่าสำหรับมูลค่าการเสนอขายกองทุน TFF นั้นกำหนดเริ่มต้นหน่วยลงทุนที่ 10 บาท โดยจะเริ่มขายหน่วยลงทุนให้กับกลุ่มสถาบันการเงินและนักลงทุนรายใหญ่ก่อนในวันีท่ 5 ต.ค.นี้ ก่อนเปิดขายให้นักลงทุนรายย่อยในวันที่ 19 .ต.ค. เบื้องต้นยืนยันว่ามูลค่าการขายหน่วยลงทุนดังกล่าวจะเท่ากันทุกกลุ่ม โดยไม่มีการลดราคาหน่วยลงทุนให้กับพนักงานการทางพิเศษ(สร.กทพ.) เพราะติดปัญหาด้านกฎหมายเช่นเดียวกับจะไม่มีการลดราคาหน่วยลงทุนให้กับกลุ่มสถาบันและนักลงทุนใหญ่เหมือนกับการขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนด้านเงื่อนไขร่างสัญญาโอนและรับสิทธิ์โอนในรายได้ (RTA) ของทางด่วนสองสายคือ โครงการทางพิเศษฉลองรัช(รามอินทรา-อาจรรงค์)และทางพิเศษบูรพาวิถี(กรุงเทพ-ชลบุรี) ซึ่งบอร์ดมีมติเห็นชอบการแบ่งรายได้ที่ปีละ 45% ตลอดระยะเวลาลงทุน 30 ปี 

แหล่งข่าวจากกทพ.กล่าวต่อว่าสำหรับการเปิดระดมทุนTFF นั้นคาดว่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 4.5 หมื่นล้านบาทเนื่องจากกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีมาก ดังนั้นกทพ.จึงคาดว่ายอดการระดมทุนจะเกินเป้าไปมากหรืออย่างน้อยสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเงื่อนไขการระดมทุนนั้นไม่มีการกำหนดเพดานของเงินทุนเพียงแต่เป็นการเปิดกว้างให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นเข้ามาได้เรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตามกทพ.มีแผนจะนำเงินระดมทุนก้อนแรก 3 หมื่นล้านบาทไปก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง จากนั้นจะนำเงินระดมทุนที่เหลือไปดำเนินการลงทุนก่อสร้างทางด่วนสายอื่นที่มีศักยภาพด้านรายได้และแก้ปัญหาจราจรต่อไป เริ่มจาก โครงการทางด่วนกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ตระยะทาง 3.98 กม. วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับเงื่อนไขทีโออาร์คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปี 2562 เช่นเดียวกับโครงการทางด่วนสายเหนือขั้นที่สอง (N2) วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างได้ช่วงปลายปี 2562 เพื่อเชื่อมการเดินทางกรุงเทพฝั่งตะวันออก-ตะวันตก นอกจากนี้ยังมีแผนต่อขยายทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ไปยังสมุทรปราการระยะทาง 10 กม.อีกด้วย

ด้านนายสุรงค์ บุลกุล ประธานคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)กล่าวว่าหลังจากเข้าพบนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ถึงกรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ชำระเงินค่าชดเชยรายได้ที่ลดลงแก่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ  (BEM)รวมเป็นเงิน 1.8พันล้าน  พร้อมดอกเบี้ย ว่านายไพรินทร์ ได้ให้นโยบายว่าให้รัฐบาลกำหนดแนวทางที่จะให้ กพท.ดำเนินการอย่างไร ต้องปรึกษากับทางรัฐบาลว่าจะให้เราดำเนินการอย่างไรต่อ เมื่อรับนโยบายมาแล้วจะดำเนินการอย่างไร จะต้องเจรจาหรือประสานงานกับคู่สัญญา ต้องไปดูตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ขณะนี้รอทางการทรวงว่าจะให้เราดำเนินการอย่างไร 

สำหรับกรณีเรื่องโทลเวย์ที่เกิดจากมติคณะรัฐมนตรีนั้นเรื่องนี้จะต้องพิจารณาร่วมกัน เรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากในอดีต ก็ต้องน้อมรับคำวินิจฉัยของศาล หน้าที่ของเรา ทำยังไงให้เกิดความทุเลาหรือมีผลกระทบน้อยที่สุดซึ่งก็ยังมีทางออกไม่ใช่ว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการทันทีเรื่องนี้มีแนวทางอยู่ แต่ตอนนี้เราต้องขอความชัดเจนว่ารัฐบาลจะสั่งการให้เราทำอะไรเราก็ทำต่อ

"ส่วนแนวทางการเจรจา จะเจรจาทุกวิถีทาง แต่เจรจาไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมนะ เป็นการเจรจาเอาเงื่อนไขที่มี(Impact)ผลกระทบน้อยที่สุดกับ กทพ.กบประเทศไทยกับประชาชน มีอยู่หลายวิธี ว่าจะรับไปยังไงจะบริหารหนี้ก้อนนี้ยังไง จะทยอยส่งไหมหรือจะลดเงินนำส่ง ซึ่งก็มีหลายวิธี หลายแนวทาง วันนี้ขอให้ความชัดเจนว่าถ้ารัฐมีแนวทางให้เราดำเนินการอย่างไรเราก็เดินตามที่สั่งมา"นายสุรวงค์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ ต้องรอทางอัยการก่อน ส่วนเงินก้อน 4,000 นั้น ถ้าต้องจ่ายจริง จะกระทบกับกทพ.หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร สรุปจะเป็นยังไง ซึ่งมีหลายแนวทาง มีการผ่อนบ้าง มีการยกเว้นหรือแรกเปลี่ยนซึ่งก็มีหลายแนวทาง มีต้นทุนต่ำที่สุดภาระต่ำที่สุด ก็เหมือนกับการรับมรดกมา ต้องทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ผู้บริหารให้ดีที่สุด

สำหรับสถานะทางการเงินขณะนี้. สภาพคล่องดีมาก สภาพทางการเงินเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจไม่กี่หน่วยงานที่สภาพคล่องดีมาก เพราะว่าเราใช้เงินสดเป็นหลักรายได้ 70กว่าล้านต่อวันเป็นรายได้สม่ำเสมอ จึงไม่ห่วงเรื่องรายได้ ส่วนโครงการTFF ก็เดินไปได้ด้วยดี ไปโรด์โชว์มาประชาชนก็ให้ความสนใจ เพียงแต่เราต้องปนะชาสัมพันธ์มากกว่านี้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"