สืบสานประเพณีไหลเรือไฟ ต้องไป...นครพนม


เพิ่มเพื่อน    

              การชูภาพลักษณ์ความเป็นวิถีไทย ด้วยการดึงเสน่ห์วัฒนธรรมประเพณี ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวมาเป็นจุดขายสร้างความคึกคักให้แก่การท่องเที่ยว พร้อมเชิดชูความภูมิใจให้แก่คนในชาติ ที่สำคัญยังช่วยกระจายรายได้ลงไปสู่ชุมชน และหมู่บ้านต่างๆ ที่มีกิจกรรมประเพณีอันงดงามตลอดทั้งปี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามแนวคิด Amazing Thailand Go Local ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับเมืองรอง และสอดรับกับนโยบายรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก   

                นายสุหฤทธิ์ ชาญวนังกูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม (รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร และจังหวัดมุกดาหาร) กล่าวว่า ในช่วงวันออกพรรษาของทุกปี จังหวัดนครพนมมีประเพณีงานไหลเรือไฟที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และสำหรับปีนี้มีการจัดงานไหลเรือไฟ และงานกาชาดประจำปี 2561 ขึ้นระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม 2561 บริเวณเขื่อนริมโขงหน้าเมืองนครพนม และบริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม

                 ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้ชมความตระการตาของการไหลเรือไฟโชว์ เรือไฟวิทยาศาสตร์ กระทงสาย (ไข่พญานาค) ในแม่น้ำโขงทุกคืน พร้อมชมซุ้มนิทรรศการเรือไฟของแต่ละอำเภอ ชมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เลือกซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อปขึ้นชื่อของแต่ละอำเภอ ลิ้มรสอาหารพื้นถิ่นเมืองนครพนม ชมการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดพระอินทร์แปลง

พลาดไม่ได้กับไฮไลต์ในวันออกพรรษา 24 ตุลาคม 2561 ชมพิธีรำบูชาพระธาตุพนมที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม ในเวลา 08.00 น. และร่วมกิจกรรม “ไหลเรือไฟโบราณ” บริเวณหน้าวัดโพธิ์ศรี ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป และมีงานพาแลงริมฝั่งโขงหรือการรับประทานอาหารเย็นริมฝั่งโขง พร้อมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ตลอดบริเวณริมเขื่อนหน้าเมืองนครพนม

สำหรับความเป็นมาของประเพณีไหลเรือไฟ   ภาษาท้องถิ่นของชาวอีสานเรียกว่า “เฮือไฟ” จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา เพื่อเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท โดยมีความเชื่อว่า ในครั้งพุทธกาลพระพุทธองค์ได้เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำนัมมทามหานที อันเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาคและแสดงธรรมเทศนาโปรดพญานาคที่เมืองบาดาล จากนั้นพญานาคได้ทูลขอให้พระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที ซึ่งต่อมาบรรดา เทวดา มนุษย์ ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายได้มาสักการบูชารอยพระพุทธบาทดังกล่าว

ประเพณีไหลเรือไฟยังมีความเกี่ยวโยงกับความเชื่อเรื่องอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น ถือว่าเป็นการสักการะพกาพรหมหรือท้าวมหาพรหม การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี การขอขมาลาโทษพระแม่คงคา เนื่องจากมนุษย์ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไปในแม่น้ำ การไหลเรือไฟยังเปรียบเสมือนการนำไฟเผาความทุกข์ให้ลอยไปกับสายน้ำ ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวนครพนมถือปฏิบัติมาและทำขึ้นในวันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี

ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนครพนม กล่าวต่อว่า นอกจากมาร่วมงานเทศกาลไหลเรือไฟแล้ว นักท่องเที่ยวอาจใช้โอกาสนี้ไปนมัสการพระธาตุประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน จำนวน 8 พระธาตุ ได้แก่ “พระธาตุพนม” ประจำวันเกิดวันอาทิตย์เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง เป็นที่นับถือของชาวไทยและชาวลาวสองฝั่งโขง

 ต่อด้วย “พระธาตุเรณู ประจำวันเกิดวันจันทร์ อีกหนึ่งปูชนียสถานที่สำคัญ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระธาตุพนมมากนัก และนับว่าเป็นพระธาตุคู่เมืองชาวเรณูนคร ที่จำลองมาจากพระธาตุพนมองค์เดิมแต่มีขนาดเล็กกว่าภายในพระธาตุเป็นโพรงบรรจุพระไตรปิฎกและพระพุทธรูปทองคา พระพุทธรูปเงิน ของมีค่า และเครื่องกกุธภัณฑ์

                ถัดมา “พระธาตุศรีคุณ” ประจำวันเกิดวันอังคาร อยู่ที่อำเภอนาแก พระธาตุองค์นี้ถูกค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ.2340 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2486-2490 มีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม ต่างกันที่ชั้น 1 มี 2 ตอนนั่นเอง

“วัดพระธาตุมหาชัย” ประจำวันเกิดวันพุธ  ประดิษฐานอยู่ที่วัดโฆษดาราม อำเภอปลาปาก สร้างเมื่อ พ.ศ.2495 เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์สารีริกธาตุ

“พระธาตุมรุกขนคร” ประจำวันเกิดวันพุธ (กลางคืน) ปกติไม่ค่อยได้มีคนกล่าวถึงมากนัก เนื่องจากเพิ่งก่อสร้างเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ประดิษฐานอยู่วัดมรุกขนคร อำเภอธาตุพนม องค์พระธาตุมีลักษณะรูปทรงที่คล้ายองค์พระธาตุพนม มีความสูงประมาณ 40 เมตร

 “พระธาตุประสิทธิ์” ประจำวันเกิดวันพฤหัสบดี ตั้งอยู่ที่วัดธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า เดิมเป็นเจดีย์เก่าแก่ ชำรุดทรุดโทรม มีเถาวัลย์ปกคลุม ภายในอุโมงค์มีพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ ผู้ค้นพบคือ ชนเผ่าญ้อ ที่หนีภัยสงครามมา

“พระธาตุท่าอุเทน” ประจำวันเกิดวันศุกร์ ตั้งอยู่ภายในวัดท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน สร้างเมื่อปี พ.ศ.2455 โดยหลวงปู่สีทัตถ์ สุวณฺณมาโจ องค์พระธาตุก่ออิฐถือปูนเป็นผังรูปสี่เหลี่ยมคล้ายพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กและสูงกว่าพระธาตุพนม

 “พระธาตุนคร” ประจำวันเกิดวันเสาร์ ประดิษฐานที่วัดมหาธาตุ อำเภอเมืองฯ พระธาตุมีลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อสร้างเสร็จใน พ.ศ.2465 มีรูปแบบตามพระธาตุพนมองค์เดิม ภายในบรรจุพระอรหันต์สารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ ที่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้ถวาย

ถ้ามีเวลายังสามารถเดินทางไปชมสถานที่สำคัญๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ อาทิ “หอเฉลิมพระเกียรติราชวงศ์จักรี” จัดแสดงความรู้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองนครพนม นิทรรศการวิถีชีวิตชนเผ่า ทั้ง 7 ชนเผ่า และ 2 เชื้อชาติ ของจังหวัดนครพนม เป็นอีกทางสถานที่ไม่ควรพลาด เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

                “อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์” สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เคยลี้ภัยมาอาศัยอยู่จังหวัดนครพนม ในช่วงสงครามกู้ชาติเวียดนาม

                “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า” เป็นสถาปัตยกรรมดีเด่นในจังหวัดนครพนม มีความสวยงามลักษณะเป็นแบบตะวันตก เพราะได้รับอิทธิพลในรูปแบบการก่อสร้างจากฝรั่งเศส ช่วงสมัยสงครามอินโดจีน 

“สักการะพญาศรีสัตตนาคราช” เป็นรูปปั้นพญานาคขดหาง มี 7 เศียร พ่นน้ำได้ หล่อด้วยทองเหลือง ขนาดความกว้างรวมหาง 4.49 เมตร สูง 10.90 เมตร มีความสูงจากฐาน 16.29 เมตร น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 9 ตัน เศียรพญานาคหันไปทางทิศเหนือ หางชี้ไปทางแม่น้ำโขง   ทุกวันในเวลาพลบค่ำจะมีการเปิดไฟประดับรอบองค์พญาศรีสัตตนาคราช และบริเวณใกล้กันคือ ลานพนมนาคา เป็นลานคอนกรีตกว้างโล่งเหมาะกับการชมทิวเขาฝั่งเมืองท่าแขก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  และปิดท้ายด้วย “จุดชมวิวสะพานมิตรภาพ 3” เหมาะแก่การถ่ายรูปสวยๆ เก๋ๆ มองเห็นบ้านเมืองฝั่งลาวได้อย่างสวยงามโดยเฉพาะช่วงยามเย็น

                "ไหลเรือไฟถือเป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนม และร่วมสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณและเป็นพิธีกรรมเพื่อเป็นการบูชาแม่น้ำโขง อีกทั้งผู้มาเยือนยังได้สัมผัสพลังศรัทธาของวิถีพุทธ ผ่านการนมัสการพระธาตุประจำวันเกิดพร้อมชมแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองรองแห่งนี้ ซึ่งรับรองว่าจะได้รับความสุขกลับไปอย่างแน่นอน" ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนครพนม กล่าวปิดท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม (รับผิดชอบพื้นที่ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) โทร. 0-4251-3490-1 และ Facebook Fanpage : ททท.สำนักงานนครพนม

สรณะ รายงาน

 

/-/-/-

แกลลอรี่


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"