เหน็บสธ.สารพิษกินได้ หมอจุฬาติงอย่าทรยศ


เพิ่มเพื่อน    

  สารพิษกินได้! หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซัดรองปลัดสาธารณสุข กรมวิชาการเกษตร ถามผักผลไม้ที่ประกาศไปปลอดภัยจริงหรือ หรือผลักให้คนไทยอมโรคมากขึ้น จำไว้ ผู้นำรัฐบาล ข้าราชการ ทำกับคนไทย จะต้องรับโทษอย่างสาสม ถือว่าทรยศต่อแผ่นดินที่อ้างศาสตร์พระราชาแล้วไม่ปฏิบัติตาม

    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ผ่านเพจ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดี ที่เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 ที่ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยท่านรองปลัดและมีเจ้าหน้าที่จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจากกรมวิชาการเกษตร ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า จากการสุ่มตรวจพืชผักผลไม้ถึงการตกค้างของยาฆ่าแมลงไม่พบว่าอยู่ในเกณฑ์ผิดปรกติมาก และนอกจากนั้นการล้างก็จะทำให้เกิดความปลอดภัย จากข้อมูลการประกาศเช่นนี้ ต้องทำการเทียบเคียงกับการสุ่มตรวจเป็นระยะขององค์กรอิสระที่ทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ว่าตัวเลขที่ได้น้อยลงหรือมากขึ้นกว่าที่เคยสำรวจมาก่อนนั้นเป็นประการที่หนึ่ง
    ประการถัดมาคือ เรื่องของการล้าง ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าการล้างนั้นจะสามารถล้างที่ติดอยู่ที่ผิวหรือที่เปลือกได้เท่านั้น แต่ในกรณีที่สารเคมีเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปโดยตรง จะไม่สามารถล้างออกได้ 
    ประการที่สาม เป็นที่รับทราบกันตั้งแต่ปี 2012 ถึงเรื่องของสารเคมียาฆ่าแมลงว่า การได้รับเข้าสู่ร่างกายแม้จะเป็นเพียงปริมาณที่น้อยกว่าค่าที่กำหนด แต่ได้รับในระยะเวลานาน จะทำให้เกิดโรคอย่างที่มีปรากฏชัดเจนในเรื่องของโรคทางสมอง และที่สำคัญก็คือเกิดโรคในเด็กที่อยู่ในท้องแม่ และเมื่อคลอดออกมาจะมีสมองผิดปกติและมีเชาวน์ปัญญาด้อยไป หรือพูดง่ายๆ ว่าไม่ฉลาด ซึ่งเป็นที่รับทราบกันทั่วไป และมีหลักฐานทางวิชาการแน่นหนา 
    ประการที่สี่ โภชนาการ 2018 ตามที่แพทย์ต้องการโดยเฉพาะหมอเองที่เป็นหมอทางสมองโดยที่ต้องการให้บริโภคผักและผลไม้ที่จะได้ประโยชน์นั้น จะอยู่ในปริมาณ 375 กรัมถึง 500 กรัมต่อวัน โดยที่ถ้าปริมาณมากกว่านั้น จะไม่ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ดังนั้นการที่ออกมายืนยันถึงความปลอดภัย ตรงนี้ปลอดภัยจริงหรือ หรือเป็นการผลักให้คนไทยอมโรคมากขึ้น และในที่สุดเกิดโรคต่างๆ และเป็นที่ยืนยันแล้วว่าสารเคมีจะไปรบกวนสมดุลของการควบคุมการอักเสบตั้งแต่ในลำไส้จนกระทั่งถึงในกระแสเลือด และส่งผลไปถึงเส้นเลือดและส่งผลไปถึงการทำงานของไต และแน่นอนคือสมอง และเป็นสาเหตุที่สำคัญของมะเร็ง
    อย่ามั่นใจในพืชผักผลไม้ที่มีการประกาศว่าปลอดภัย โดยบอกว่าสารเคมีพิษที่ติดอยู่อันตราย แต่ไม่อันตราย เพราะสามารถล้างออกได้ และส่งเสริมให้กินผักผลไม้เยอะๆ ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้น และการประกาศเช่นนี้ต้องเข้าใจว่า ตราบใดที่ยังมีสารพิษติดค้าง ต้องไม่ลืมว่าการเกิดโรคเรื้อรังจะเกิดขึ้นจากการได้รับสารพิษเหล่านี้แม้แต่เพียงวันละน้อย แต่ถ้าเป็นเวลานาน จะเกิดโรค ทั้งสมองทั้งในผู้ใหญ่และเด็กที่คลอดออกมาจากแม่ที่ได้รับสารพิษปะปนเหล่านี้ และยังมีความเสี่ยงสำหรับการเกิดเบาหวานมากขึ้น และการเกิดโรคไต
         การที่สามารถชะล้างออกได้ จะสามารถกระทำได้ในกรณีที่สารพิษเหล่านี้ติดอยู่ที่เปลือกหรือผิว แต่ไม่สามารถกำจัดออกได้เลยถ้าสารพิษเหล่านี้อยู่ในเนื้อแล้วจากการดูดซึม การประกาศเช่นนี้ เป็นการผลักให้คนไทยกลับเป็นโรคมากขึ้น แทนที่จะหาวิธียับยั้งสารพิษ ดูไป จำไว้นะครับ ผู้นำรัฐบาล ข้าราชการ ทำกับคนไทย จะต้องรับโทษอย่างสาสมครับ ถือว่าทรยศต่อแผ่นดินที่อ้างศาสตร์พระราชาแล้วไม่ปฏิบัติตาม
          ศ.นพ.ธีระวัฒน์ยังโพสต์ข้อความว่า สังคมไทยต้องรุมประณาม!!! อังกฤษปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ภายในหกสัปดาห์ มาเลเซียจากโทษประหารน้ำมันกัญชาปรับปรับเปลี่ยนเป็นชาติแรกในเอเชียที่เป็นผู้นำในทางการแพทย์ ประเทศไทยสนับสนุนให้กินพืชผักผลไม้ทั้งๆ ที่มีสารเคมีพิษ สนับสนุนให้มีการใช้สารเคมีพิษต่อไปทั้งๆ ที่การได้รับสารพิษ ถึงแม้ปริมาณน้อย แต่เป็นเวลานานเกิดมะเร็งได้แน่นอน เมื่อเกิดมะเร็ง บริษัทต่างๆ เหล่านี้ตามต่อติดมา ขายเคมีบำบัด แถมทรมาน และห้ามใช้กัญชา ต้องล้างประเทศไทยใช่ไหมครับ
    แหล่งข่าวจากเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านกล่าวว่า  ยืนยันว่าขณะนี้มีสารทดแทนที่จะใช้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหากกรมวิชาการเกษตรหรือหน่วยงานใดบอกว่ายังมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมี ขอยืนยันว่าไม่มีสารเคมีระดับไหนที่ไม่อันตราย ท้าว่าให้เอาข้อมูลมาคุยกันได้เลย โดยเรื่องนี้หน่วยงานรัฐต้องมีการแสดงบทบาทเพื่อช่วยกันปกป้องประชาชน หรือหากคนในรัฐบาลที่พยายามยื้อไม่ให้มีการแบนสารเคมี  เพื่อต้องการผลประโยชน์ที่จะหนุนพรรคการเมือง ขอบอกว่าตอนนี้เกษตรกรซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นส่วนสำคัญในการเลือกตั้งนั้น มีความรู้ระดับปริญญาทั้งนั้น ไม่ใช่ยุคที่จบแค่ ป.4 หากไม่เลือกผลประโยชน์ประชาชน เราก็จะปฏิเสธอย่าหวังว่าเราจะเลือก 
    นอกจากนี้ ในส่วนของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง  จะมีการขยายเวลาการทำงานเพิ่มอีก 60 วัน เพื่อให้มีการพิจารณาเรื่องสารเคมี 3 ชนิดอย่างรอบคอบ เราก็ไม่ทราบว่าจะต้องรอบคอบและใช้เวลาขนาดไหน ในเมื่อข้อมูลต่างๆ ทั้งเรื่องสารทดแทน และผลกระทบสุขภาพประชาชนชัดเจน และเห็นว่าถ้ายังมัวทำแบบนี้ภาคประชาชนและหน่วยงานที่สนับสนุนให้มีการแบน จะขอกดดันรัฐบาลให้ใช้ ม.44 ปลดล็อกการแก้ปัญหานี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"