คิดให้ดี...และให้ละเอียด ประณีต เข้าไว้


เพิ่มเพื่อน    

        สรุปเอาเป็นว่า...ก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่า สุดท้ายแล้วมันจะบานปลาย ปลายบาน ต่อไปอีกถึงขั้นไหน สำหรับกรณี 4 รัฐมนตรีและอีก 2-3 ข้าราชการการเมืองแห่งพรรค พลังประชารัฐ ที่ยังต้องสวมเชิ้ตดำ คาบนกหวีด ไปพร้อมๆ กับการลงสนามในฐานะผู้เล่น ว่าจะหลบหลีกลูกฟุตบอล จับบอล เขี่ยบอล กันในลักษณะไหน ถึงจะทำให้เสียงซุบซิบ นินทา ต่อว่า ด่าทอ มันพอลดๆ ลงไปได้มั่ง...

                                  -----------------------------------------------------

        แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าจะพูดยังไง ชี้แจงอย่างไร อธิบายกันจนปากเปียก ปากแฉะ และปากฉีก ก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรกระเตื้องๆ ขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย แม้จะหันไปใช้วิธี อมสากกะเบือ เอาไว้ประมาณ 3 ด้าม 4 ด้าม อาศัย การปฏิบัติ เป็นตัวอธิบายกันเอาเอง แต่ไม่ว่าจะปฏิบัติแบบไหน มันก็ออกจะยากซ์ซ์ซ์อยู่อีกนั่นแหละ เพราะไม่ว่าลูกฟุตบอลมันจะไหลไปโดนเท้า โดนตัวของตัวเอง หรือไม่ อย่างไร แต่ก็ยากที่จะอธิบายได้ถนัดๆ ว่าตัวเองกำลังจับบอล จ่ายบอล กำลังเสียบสกัด หรือกำลังตามไปเป่านกหวีด ในฐานะ กรรมการ ไม่ใช่ในฐานะ ผู้เล่น ของทีมใด ทีมหนึ่ง แม้แต่น้อย...

                                ---------------------------------------------------

        ด้วยเหตุนี้...ปาฏิหาริย์ทางกฎหมาย มันเลยอาจกลายไปเป็น ปาฏิหาริย์ทางกฎแห่งกรรม เอาง่ายๆ คือแม้ว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่โอกาสที่จะถูกกฎแห่งกรรมตามสนอง ย่อมมีสิทธิ์เป็นไปได้ทุกเมื่อ หรือทำให้ กรรมดี ที่เคยกระทำเอาไว้ ดันต้องออกไปทาง บุญมีแต่กรรมบัง อะไรทำนองนั้น ทำให้ความถูกต้อง ชอบธรรม ทั้งหลาย ทั้งปวง ที่เคยมีมา กลายเป็นความไม่ชอบมา พากล เอาดื้อๆ อันนี้นี่แหละ...เลยต้องถือว่า ไม่คลาสสิก ไปด้วยประการทั้งพวง...

                                   --------------------------------------------------

        แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้...ท่าทางมันคงหยุดอะไรไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว คงต้องเดินหน้า หรือไปตายเอาดาบหน้า ตามแบบฉบับของผู้ที่ดัน กลัดกระดุมผิด ทั้งหลาย หรือคงต้องเป็นไปในแบบเลยตามเลย ค่อยๆ หาทางแก้ หาทางทุเลา เบาบาง ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปตามสภาพ ซึ่งถ้าแก้ได้ดี หรือถ้าเผอิญโชคดี...ก็ดีไป แต่ถ้าโชคร้ายดันโผล่เข้ามาแทรกซ้อน ในจังหวะที่ยังแก้อะไรไม่ได้ อันนี้นี่แหละ...ที่น่าห่วง น่าวิตก กังวล เป็นอย่างยิ่ง...

                                -------------------------------------------------

        คือถ้าดูจากบรรดา กองหนุน ที่ยังคงรัก ยังปรารถนาดีกับรัฐบาล พร้อมจะให้โอกาส ให้อภัยในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณี...มาถึง ณ ขณะนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ล้วนแต่ออกอาการเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ไปด้วยกันทั้งสิ้น กับการที่ต้องตามไป แก้ตัว ในแต่ละเรื่อง แต่ละราว ชนิดลิ้นคด ลิ้นแข็ง ลิ้นพันกัน ไม่อาจเปล่งศักยภาพแห่งการโลมเลียร์แบบเดิมๆ ได้เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าโดย ข้อเท็จจริง ของชาติ บ้านเมือง ทุกวันนี้ มันคงหนีไม่พ้นต้องหาทาง อุ้ม รัฐบาลเอาไว้ก่อน เพื่อนำมาซึ่งความสงบ เรียบ นิ่ง ความเป็นไปได้ในการ เดินหน้าประเทศไทย ให้ขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว ได้มั่ง แต่สิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ก็คือรัฐบาลท่านออกจะ ตัวหนัก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดผู้ที่พยายามหอบหิ้วกระเตงๆ กันต่อไป ชักเริ่มออกอาการเอวเคล็ด เอวคลอน ไปเป็นรายๆ...

                                    ------------------------------------------------

        ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง...มันเลยทำให้แนวโน้มทางการเมืองในอนาคตข้างหน้า ไม่เพียงแต่จะไม่สดใส ซาบซ่า มากมายซักเท่าไหร่ ยังเต็มไปด้วยความขมุกขมัว อึมครึม เต็มไปด้วยคำถามที่นำมาสู่ความอึดอัด คับข้องใจ อันอาจแปรสภาพกลายเป็นความคับแค้น เคืองแค้น ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ และถ้าไม่นำเอาเรื่อง หนี้เวร-หนี้กรรม ของคุณน้อง จตุพร ตุ๊ดตู่ หรือเรื่อง เผาบ้าน-เผาเมือง มาผนวกรวมเข้าไว้ด้วย ข้อเสนอแนะ เรียกร้อง ให้หาทาง ขจัดเงื่อนไข ที่อาจนำไปสู่ความอึดอัด คับข้องใจ หรือนำไปสู่ความคับแค้น เคืองแค้น ในอนาคตข้างหน้า ต้องถือเป็นเรื่องที่น่าหยิบมาคิดๆ เอาไว้มั่ง แม้ว่าโดย กรรมวิธี มันคงไม่ถึงกับต้องเป็นไปตามข้อเสนอต่างๆ ไปด้วยกันทั้งหมด...

                               ----------------------------------------------------

        พูดง่ายๆ ว่า...โดยตัวของรัฐบาลเองนั่นแหละ คงต้องมองหา จุดยูเทิร์น เอาไว้ให้ดี ว่าเมื่อถึง ณ ขณะนี้ ตัวเองได้มาถึงจุดไหน ตรงไหน กันบ้างแล้ว เพราะโดยธรรมชาติของรัฐบาลโดยทั่วไป ไม่ว่าจะรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลประชาธิปไตยก็แล้วแต่ มักไม่ค่อยคิดถึงเรื่องทำนองนี้มาโดยตลอด ด้วยเหตุเพราะการเป็นรัฐบาล ก็คือการอยู่ใน ศูนย์กลางอำนาจ จนอาจลืมคิดไปถึง ช่วงจังหวะที่ อำนาจ มันไม่อาจบังคับใช้อะไรต่อมิอะไรได้อีกแล้ว จังหวะนั้นนั่นเอง...ที่การหาช่องยูเทิร์น หาทางเลี้ยวกลับ มันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งกว่า ความเป็นรัฐบาล ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า เพราะมันเกี่ยวพันกับ ความเป็นชาติบ้านเมือง ที่ไม่อาจนำเอามาเสี่ยง เอามาใช้เป็น เดิมพันทางการเมือง ได้เลยแม้แต่น้อย...

                                  ---------------------------------------------------

        สรุปเอาเป็นว่า...อย่างน้อย การที่ผู้นำรัฐบาลปัจจุบันอย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านเติบโตมาจากผู้ซึ่งต้องทำหน้าที่ปกป้องความเป็นชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด ยังน่าจะพอตั้งความหวัง และมองโลกในแง่ดีได้บ้างว่า ท่านคงพอมองเห็นถึง ปัญหา พอมองออกว่า เมื่อถึง ณ ขณะนี้ ท่านอยู่ ณ จุดไหน ตรงไหน กันแน่ ใกล้จะถึงจุดยูเทิร์น หรือเลยจุดยูเทิร์น ไปแล้วหรือไม่ อย่างไร...???

                                   ------------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Karl Marx (อีกครั้ง)... “Success, arrogance and injustice, then downfall.- ความสำเร็จ ความหยิ่งยโส และความอยุติธรรม จะเกิดก่อน...และแล้ว ความหายนะจะตามมา...”

                                 -----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"