สั่งลุยผนึก'3พรรค' ทักษิณเคาะ'แยกกันเดินร่วมกันตี'เก็บทุกคะแนน


เพิ่มเพื่อน    

    สาวก น.ช.ทักษิณโพสต์ภาพคลิป "แม้ว-ปู" มาพำนักที่ฮ่องกง อดีต ส.ส.แยกวงถกก่อนเสนอนายใหญ่เคาะยุทธศาสตร์ "แยกกันเดิน ร่วมกันตี" ผนึกแนวร่วมทั้ง "เพื่อไทย-เพื่อธรรม-เพื่อชาติ" เก็บทุกคะแนนไม่ให้ทิ้งน้ำ เหตุ รธน.บีบ แยกกันเดินชนะแน่  4รมต.เข้าร่วมระดมสมองคนรุ่นใหม่วางนโยบายพรรค "อุตตม" ยันทำพรรคถาวรสายเดียว "ไพบูลย์" กางกฎหมายเตือน 4 รมต.ขาดคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.จะทำให้ พปชร.ลงสมัครไม่ได้ด้วย "มาร์ค" ปลุกสมาชิก ลั่น ปชป.ต้องเป็นหลักของชาติ ไม่เอาทุจริต-ไม่เอาสืบทอดอำนาจ 
    เมื่อวันอาทิตย์ เพจของคนเสื้อแดงได้โพสต์รายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ล่าสุดนั้น ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-โอ๊ค-เอม-ปอ มาทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน SUSHIYOSHI อยู่ที่โรงแรม The Otto Hotel ถนน Cameron ย่านจิมซาจุ่ย คุยผ่าน Line ว่า "อดมาเลย น้องนานิไม่สบาย คุณพ่อคุณแม่เฝ้าไข้ทั้งคืน คิดถึงๆ น้าาาา คราวหน้ามาหาพ่อใหม่นะ" 
    นอกจากนี้ เพจคนเสื้อแดงที่ชื่นชมนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีการโพสต์คลิปพร้อมรูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มาพำนักที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง โดยมีเนื้อหาระบุว่า “เจ้าแม่ ถ่ายภาพที่ห้อง Presidential Suite ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ฮ่องกง InterContinental Hong Kong”
    ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า วันที่ 7 ต.ค. ทางกลุ่มอดีตส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทยจากทั้ง กทม.และภาคอีสาน ได้เดินทางไปพบนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เกาะฮ่องกง และนัดเจอกันที่โรงแรมเพนนินซูลา 
    แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้วางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไปไว้พร้อมแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้ยุทธศาสตร์ "แยกกันเดิน ร่วมกันตี" ใช้แนวร่วม ทั้งพรรคหลัก พรรคร่วม พรรคมวลชน ผนวกเข้าด้วยกันแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 1.พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคหลัก ยังเป็นที่ชุมนุม ผู้สมัครเกรดเอ ประกอบด้วยผู้เคยดำรงตำแหน่งการเมืองสำคัญๆ ยังจะคงอยู่ในพรรคนี้ต่อไป ซึ่งเป็นเกมที่หวังดึงเอา ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว 2.พรรคเพื่อธรรม ที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นพรรครองรับ ผู้สมัครที่พลาดหวังจากการที่ไม่ได้ลงสมัครในพรรคเพื่อไทยที่พื้นที่เต็ม ซึ่งเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง รองรับผู้สมัครเกรดบี เน้นนำคะแนนที่ได้มาเป็นคำนวณเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยหนึ่งในสามชื่อที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะมีการใส่ชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลงไปด้วย 
    3.พรรคเพื่อชาติ ซึ่งมีแกนนำ นายทุนคนสำคัญเสื้อแดง อาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ได้ร่วมจดตั้งมานานหลายปี ได้รับรองการเป็นพรรคโดยสมบูรณ์จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นพรรคสำหรับทางเลือกของแกนนำคนเสื้อแดง แนวร่วม ผู้เคยร่วมงานกับคนเสื้อแดง ที่จะมาสังกัด ลงสมัครรับเลือกตั้งในพรรคดังกล่าว ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งประสานหาหัวหน้าพรรค ปัจจุบันกำลังมองไปที่มือทำงานฝ่ายเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในรัฐบาลไทยรักไทย  
    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อชาติ ช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค. ที่ห้างอิมพีเรียล สำโรง เพิ่งจะมีการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2561 เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับพรรค แก้ไขโลโก้พรรค จาก ตัวอักษร พช. ไปเป็นรูปแบบใหม่ สัญลักษณ์ใหม่ รวมถึงเรื่องการขอย้ายที่ทำการพรรคจากย่านสมุทรปราการ ไปเป็นโซน กทม. จากนั้นจะได้มีการแจ้งเรื่องไปยัง กกต. เพื่อขอจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะจัดขึ้นในเดือน พ.ย.ย่านชาน กทม.  
แยกกันเดินชนะแน่
     สำหรับการวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นเพราะเงื่อนไขรัฐธรรมนูญกฎหมายลูกบีบให้พรรคต้องหายุทธวิธีใหม่ แยกกันเดิน ร่วมกันตี โดยสูตรนี้จะเป็นการต่อสู้กันทางการเมืองอย่างเต็มกำลังในสนามเลือกตั้ง ไม่มีการเกี๊ยะเซียะ เป็นนอมินี หรือประนีประนอมกัน เพราะทุกคะแนนเสียงมีความหมาย พรรคเพื่อไทยมุ่งเน้น ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ถึงจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียวก็ไม่เป็นอะไร ขณะที่พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ ถ้าได้ ส.ส.เขตเข้ามาบ้าง ถือเป็นกำไร แต่ถ้าไม่ได้ถือเป็นการเก็บตกคะแนนเสียงที่ไม่ทิ้งน้ำ ต้องไม่ลืมว่าทุกคะแนนมีความหมาย 
    "มีการประเมินออกมาเบื้องต้นแล้ว พรรคที่ได้คะแนน 7 หมื่นคะแนน จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน เพราะมีการยืนยันแล้วว่าจะมีการส่งผู้สมัคร ส.ส.ครบทุกเขต 350 เขต ในระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว ผู้ชนะทุกพรรคจะได้คะแนนลดลง แต่ผู้แพ้ ถ้าได้คะแนนเฉลี่ย 5พันคะแนน คูณจำนวนเขต หาร 7 หมื่นออกมา จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 25 ที่นั่ง การวางยุทธศาสตร์ดังกล่าว ได้นำเสนอคนทางไกลให้ทราบเป็นระยะๆ และต่างเห็นด้วย เพราะรัฐธรรมนูญ กฎหมายใหม่ เขียนไว้ให้ รวมกันแพ้ แต่แยกกันแล้วชนะ"   
    สำหรับความเคลื่อนไหวอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทุกภาค เช่น ภาคเหนือ อีสาน กทม. นัดหมายเดินทางไปหานายทักษิณที่เกาะฮ่องกง โดยมีการแยกวงกันพูดคุย ซึ่งแต่ละคนต่างมีประเด็นต้องการนำไปเสนอหารือ เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรม ที่ยังมีอดีตส.ส.บางส่วนไม่เข้าใจในวัตถุประสงค์การตั้งพรรค  เพราะเดิมทีนายทักษิณมีความกังวลต่อการถูกยุบพรรค ต้องการทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคร้าง ให้อดีตส.ส.เพื่อไทยย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อธรรมให้หมด แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยบางส่วนคัดค้าน ยืนยันต้องการใช้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลักในการต่อสู้ ถึงแม้ถูกยุบจริง คะแนนเสียงจากประชาชนคงจะเทมาให้พรรคที่เป็นแนวร่วมอย่างเพื่อธรรม เพื่อชาติ อย่างถล่มทลายอยู่ดี 
    "เมื่อได้รับฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย นายทักษิณ ต่างลำบากใจ จึงขอให้แกนนำแต่ละฝ่ายมาร่วมพูดคุย หาทางออกที่เหมาะสมในการวางยุทธศาสตร์เลือกตั้งให้ลงตัวที่สุด เลยให้ต่างฝ่ายต่างทำ แต่ทั้งหมดจะมาเป็นพันธมิตรการเมืองร่วมกันในวันข้างหน้า หากได้จำนวนคะแนนเสียงจำนวนมาก เชื่อว่าพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่ยังแทงกั๊กทางการเมืองจะมาร่วมงานการเมืองกับฝ่ายประชาธิปไตยแน่นอน" แหล่งข่าวระบุ  
    ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการก่อตั้งพรรคเพื่อธรรม ที่มีอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยไปร่วมกิจกรรมด้วยว่า ไม่ถือเป็นความแตกแยกภายในของพรรคเพื่อไทย บุคคลที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไปล้วนมีอุดมการณ์เดียวกันที่ต้องการเห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังไม่เอื้อให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งมีเสียงข้างมาก ทำให้มีการตั้งพรรคใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขอเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.ปลดล็อกทางการเมือง เพราะการคลายล็อกของ คสช.ไม่เอื้อต่อการเปิดรับสมาชิกพรรค ทำให้ประชาชนไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองอย่างเต็มที่ 
    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีโอกาสพูดคุยกับอดีต ส.ส.นครพนม เขต 4 หลายครั้ง ถึงข่าวลือว่าจะย้ายพรรคไปอยู่พรรคซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามประชาธิปไตยซึ่งมีแนวคิดสืบทอดอำนาจ จะมีเหตุผลตอบประชาชนอย่างไร เพราะชาวอีสานมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น คือกตัญญูรู้คุณ โดยได้สอบถามถึงเหตุผลในการย้ายพรรค ได้รับคำตอบว่าขอไปด้วยเหตุผลส่วนตัว ขณะนี้ไปไกลถึงขั้นไปพบผู้ใหญ่เบอร์สองมาแล้ว แม้ตนจะเสียใจที่รั้งเพื่อนอดีต ส.ส.ไว้ไม่อยู่ เพราะกินข้าวหม้อเดียวกันมา จึงได้แต่ตอบไปว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวยังเหมือนเดิม แต่เมื่ออุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันอย่างสุดขั้ว ฝ่ายหนึ่งเชื่อมั่นประชาธิปไตย อีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ก็ต้องให้ประชาชนได้พิจารณา 
4 รมต.เวิร์กช็อป พปชร.
     นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีคนจะชวนตนไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นว่า ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ไม่ขอก้าวล่วงบุคคลอื่น แต่ขอเรียนว่าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งไม่เคยมีใครชวนไปที่อื่นตามข่าว อย่างไรก็ตาม ผู้มีอำนาจควรเปิดให้พรรคการเมืองพบปะประชาชนเพื่อทำและนำเสนอนโยบายได้แล้ว ไม่มีเหตุที่ต้องกังวล 
    ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดระดมสมองพลังคนรุ่นใหม่  เพื่อนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาประกอบเป็นนโยบายของพรรค โดยมีบรรดาแกนนำพรรคเข้าร่วม อาทิ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรค,  นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค, นายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรค, นายอิทธิพล คุณปลื้ม ว่าที่ ผอ.พรรค, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรค, นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. สมาชิกพรรค, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ สมาชิกพรรค พปชร. เป็นต้น
    นายอุตตมกล่าวเปิดงานพร้อมต้อนรับคนรุ่นใหม่ของพรรคตอนหนึ่งว่า 8 วันที่เราได้รวมตัวกันแสดงเจตจำนงร่วมกันในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตนดีใจที่เราได้มาพบกัน เรามีความจริงจัง มุ่งมั่น โดยเราจะร่วมงานกันแบบถาวร จะทำงานต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประเทศ จะได้มากหรือน้อยไม่ใช่ประเด็น ขอให้ออกมาร่วมกันคิด จะได้อย่างหวังหรือผิดหวังไม่ใช่ประเด็น แต่ขอให้ออกมาทำ  
    "1 สาย 1 พลัง เราไม่มีสายอื่น ความคิดมีหลากหลายได้ เรานำมาแชร์ร่วมกัน ไม่ต้องห่วง ผม 3 คนมีใจเต็มร้อย ดังนั้นจึงขอใจพวกท่านเช่นกัน" ว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว    
    จากนั้นได้เวิร์กช็อปแบ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ประมาณกว่า 60 คน ที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นว่าคนรุ่นใหม่คิดอย่างไรกับนโยบายประเทศ เพื่อนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาประกอบเป็นนโยบายของพรรค โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมมี 68 คน ที่น่าใจ อาทิ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานฝ่ายบริหารสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ อาจารย์ในมหาวิทยาลัย 
    ต่อมานายกอบศักดิ์สรุปภายหลังการเวิร์กช็อปว่า แนวคิดคนรุ่นใหม่มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำความคิดของคนรุ่นใหม่มากำหนดเป็นนโยบายของพรรคต่อไป ทั้งนี้ เราจะมีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนกับคนรุ่นใหม่เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ตนมั่นใจว่าผู้ที่มาร่วมงานวันนี้จะเป็นสมาชิกพรรคและมีบทบาทในการช่วยกำหนดนโยบายของพรรค พปชร. ซึ่งผู้ที่มาถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติ เช่น เอสเอ็มอี สหกรณ์ สภาเกษตร เป็นต้น
    นายอุตตมให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มสามมิตรจะเข้าร่วมกับ พปชร.ว่า เป็นการพูดจากันมาตลอดหลายฝ่าย และรู้จักกันมา แต่ยังไม่มีการตกลงอะไรกัน เพราะพรรค พปชร.ยังไม่จดทะเบียนกับ กกต. จึงยังไม่ได้ตัดสินใจ 
     เมื่อถามถึงข่าวว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย จะมาร่วมกับพรรค พปชร. นายอุตตมกล่าวว่า "จริงเหรอ ยังไม่ได้คุยกับผม แต่ก็ยินดีเพราะผมรู้จักนายมิ่งขวัญมานาน ถ้าให้ความสนใจก็ยินดี เหมือนที่ทุกฝ่ายทุกพรรคให้ความสนใจ สามารถที่จะมาพูดคุยกันได้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ทราบข่าว" 
    เมื่อถามว่า มีกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ถึงเวลาที่เหมาะสมหรือยัง นายอุตตมกล่าวว่า จริงเหรอ ดังตรงไหน แต่ตนว่ายังไม่ค่อยดังนะ แต่ไม่เป็นไร ถึงเวลาเหมาะสมเดี๋ยวรู้เอง ไม่ต้องคาดเดา เพราะตนยังติดตามการทำงานอยู่ แต่วันนี้ใครทำอะไรให้ประเทศทำในลักษณะไหน ขอให้พวกเราติดตามดูกัน 
เตือน พปชร.ลงสมัครไม่ได้
     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่รัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันจะไปร่วมงานกับพรรคการเมือง มีเงื่อนไขอะไรที่จำเป็นต้องลาออกก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ว่า ไม่มี เมื่อถามว่าหากไม่ออกจากตำแหน่ง ก็สามารถอยู่ได้ยาวจนกว่าจะมีการเลือกตั้งเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่    
    ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วง 4 รัฐมนตรีที่ไปร่วมจดตั้งพรรคพลังประชารัฐ และเป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะขาดคุณสมบัติ พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 9 (3) ที่ระบุถึงคุณสมบัติต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง 4 รัฐมนตรี จะต้องตรวจสอบข้อกฎหมายให้รอบคอบ เพราะมาตรา 264 วรรค 3 กำหนดผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลถูกบังคับด้วยรัฐธรรมนูญประกอบมาตรา 263 วรรค 7 จะถูกห้ามลงสมัคร ส.ส.ไม่ได้ และยังลงไม่ได้ตาม พ.ร.บ.การเมือง มาตรา 9 (3) บุคคลต้องห้ามไม่ให้สิทธิเลือกตั้งชั่วคราวอีกด้วย เมื่อพิจารณาแล้ว 4 รัฐมนตรี ตามข้อกฎหมายห้ามไม่ให้ไปลงสมัครรับเลือกตั้งขาดคุณสมบัติ ในการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคของพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 9 (3) ประกอบมาตรา 98 (5) ที่อยู่ระหว่างการใช้ ถ้าปล่อยเวลาล่วงเลยไม่ลาออกก่อน จะเกิดปัญหากับพรรคประชารัฐจะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ 
    ที่สวนอาหารบางบัว บางเขน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ร่วมงานพบปะชาวชุมชนเขตจตุจักร เพื่อชี้แจงเหตุผลที่ต้องปฏิรูปประเทศ และรับฟังปัญหาของชาวชุมชนพื้นที่เขตจตุจักร โดยมีตัวแทนชาวชุมชนมาร่วมงาน 28 ชุมชน จากทั้งหมด 41 ชุมชน ประมาณ 200 คน
    นายสุเทพกล่าวว่า ขอเชิญพ่อแม่พี่น้องที่มีอุดมการณ์เดียวกันและสมัครใจที่จะร่วมตั้งพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ตนยินดีต้อนรับและพร้อมยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ทำงานการเมืองต่อไป โดยจะช่วยคนหนุ่มคนสาวในพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ทำงาน ขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยทำหน้าที่เป็นโค้ชช่วยเขา เพราะตนมีประสบการณ์ทำงานด้านการเมืองมา 36-37 ปี ขอบอกไว้เลยว่า พรรค รปช.จะได้เป็นรัฐบาล เหตุเพราะว่าถ้าพรรคไหนมีฐานเสียงประชาชนทั่วประเทศและมีจำนวน ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ จะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 
    นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า ทางพรรคยินดีร่วมกับทุกพรรคการเมืองที่ตั้งใจและมีแนวคิดเดียวกันในการปฏิรูปประเทศให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน แต่หากใครไม่เอาเรื่องการปฏิรูป เราก็ไม่ไปร่วมด้วย
    เมื่อถามถึงความคืบหน้าของ รปช. จะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี นายสุเทพกล่าวว่า ตอนนี้ต้องรอให้ได้รับอนุญาตพบประชาชน และประชุมสมัชชาเสียก่อนถึงจะคุยในรายละเอียดได้ ส่วนจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่นั้น ยังไม่ได้คุยกัน จึงยังตอบไม่ได้ แต่คิดว่าน่าจะมีคนอื่นเสนอแล้วหรือไม่ 
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า เพื่อให้การแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นไปอย่างถูกต้อง ขอฝากข้อควรพิจารณาให้ กกต.นำไปประกอบการทำงานดังนี้ 1.ให้เป็นไปตามหลักจำนวนราษฎร และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ตามที่กฎหมายบัญญัติอย่างเหมาะสม 2.ไม่เอื้อประโยชน์ให้นักการเมือง พรรคการเมืองใด เป็นการเฉพาะ 3.ไม่ทำให้นักการเมือง พรรคการเมืองใด เสียประโยชน์ เป็นการเฉพาะ 4.คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม
    "ในช่วงที่ผ่านมีข่าวสารปรากฏโดยทั่วไปจำนวนมากว่าการดูด ส.ส. นอกจากมีข้อตกลงแลกเปลี่ยนเรื่องอามิสสินจ้าง ตำแหน่งหน้าที่แล้ว ยังมีเรื่องการช่วยแบ่งเขตเลือกตั้งให้เกิดประโยชน์กับนักการเมืองที่ถูกดูดไปด้วย กกต.จึงควรแบ่งเขตเลือกตั้งด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ให้ถูกครหานินทาว่ามีการแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการดูด ส.ส.ของพรรคการเมืองบางพรรค" นายองอาจกล่าว 
    ที่โรงแรมหรรษา เจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. พบประชาชนที่มาให้การต้อนรับพร้อมด้วยอดีต ส.ส.พรรคจาก จ.นครศรีธรรมราช ระนอง พัทลุง ปัตตานี นราธิวาส กรุงเทพฯ และ จ.สงขลา ประมาณ 2,000 คน เพื่อชี้แจงการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.แบบใหม่ โดยมีประชาชนจำนวนมากมอบดอกไม้ ชูป้ายสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมขอถ่ายรูปคู่
      นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อหัวหน้าพรรคเท่านั้น แต่ตนทำหน้าที่เป็นผู้นำพรรคไปสู่ชัยชนะ บอกได้ว่าพรรคยืนอยู่ตรงไหน การเมืองแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทำอย่างไรให้หลุดพ้นความขัดแย้งแบ่งแยก ทำอย่างไรให้เป็นผู้นำที่ตอบโจทย์ได้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการหัวหน้าพรรคต้องเป็นหลักให้บ้านเมือง ชัยชนะมาสู่พรรค ไม่ใช่ติดหล่มอยู่กับผู้สืบทอดอำนาจนายทักษิณและผู้มีอำนาจ  
    "เลิกคิดอยู่ข้างทหารหรือฝ่ายใด ให้คิดถึงประชาชน อยู่กับเศรษฐกิจให้ได้ ผมได้เตรียมแนวทางไว้แล้ว ที่จะทำให้ผู้มีอาชีพยางพารา ปาล์มน้ำมัน ประมงอยู่ได้ พรรคคู่แข่งไม่สามารถบริหารจัดการได้ พรรค ปชป.จึงเป็นหลักของประเทศ หัวหน้าพรรคเป็นผู้บริหารประเทศ สามารถนำประเทศสู่ความเป็นมหานครในภูมิภาค ผมสัญญาว่าผมขอทำสิ่งเหล่านี้ให้สำเร็จ ในขณะนี้บ้านเมืองกำลังอยู่บนทางหลายแพร่ง ปชป.ต้องเป็นหลักของชาติบ้านเมือง เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่การเลือกตั้ง  การเลือกตั้งที่ไม่ถูกเลือกข้าง แต่ไม่เอาทุจริต ผู้สืบทอดอำนาจไม่เอา มาเอาแนวทางของเรา มาตั้งหลักสร้างพรรค สร้างประเทศไทยร่วมกัน” นายอภิสิทธิ์กล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"