“ซานตาเฟ่ สเต็ก” ขอขึ้นราคา 3-5% รับค่าแรงขึ้น


เพิ่มเพื่อน    

 

นายสุรชัย ชาญอนุเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เรสทัวรองท์จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสเต๊กภายใต้แบรนด์ "ซานตาเฟ่ สเต็ก" เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ เน้นบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปี 2561 มีเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น เพราะค่าแรงพนักงานคิดเป็น 23% ของโอเปอเรชั่นคอส วัตถุดิบ 40% ค่าเช่าพื้นที่กว่า 20% และอื่นๆ อีก 5% ทำให้บริษัทต้องปรับแผนงานให้สอดรับกับสถานการณ์ เพื่อผลักดันยอดขายปีนี้แตะ 2,000 ล้านบาท จากปี 2560 ปิดยอดไป 1,650 ล้านบาท

สำหรับหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทยังคงผลกำไร 7-8% รวมถึงสร้างยอดขายให้เติบโตได้นั้น อย่างแรกคงเป็นการปรับขึ้นราคาอาหาร 3-5% ซึ่งเดิมทีเตรียมปรับขึ้นก่อนจะมีเรื่องขึ้นค่าแรงอยู่แล้ว เนื่องจากปีที่ผ่านมา 2560 บริษัทคงราคาอาหารไว้เช่นเดิมมาตลอด ขณะเดียวกันจากนี้ขนาดของร้านอาหารก็จะเล็กลงเหลือ 120-140 ตารางเมตร ถือเป็นการรลดต้นทุนได้ทางหนึ่ง จากอดีตการเปิดสาขาใหม่จะต้องมีขนาด 120-200 ตารางเมตร

“โดยปกติเรามีพนักงาน 3,000 คน ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 20 ล้านบาทต่อเดือน แน่นอนกว่าการปรับขึ้นค่าแรงมีผลกระทบต่อต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 5% หรือคิดเป็น 1 ล้านบาทต่อเดือนที่ต้องจ่ายเพิ่ม ส่วนตัวเห็นว่าธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องจากต้องใช้คนจำนวนมากและอัตราการเปลี่ยนงานก็สูง” นายสุรชัย กล่าว

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สร้างความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ คงเป็นเรื่องการแข่งขัน ซึ่งหากเทียบกับในอดีตแล้วพบว่าจำนวนร้านอาหารเพิ่มขึ้นมาก จากเมื่อก่อนตามศูนย์การค้ามีไม่ถึง 10 ร้าน ปัจจุบันมีมากกว่า 70-80 ร้าน โดยการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่วยังมีผลให้กำไรลดลง โดยสัก 2-3 ปีก่อนยังได้ 10%

 นายสุรชัย กล่าวว่า แม้จะมีเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น บวกกับการแข่งขันที่รุนแรงมาก แต่บริษัทมองว่าร้านอาหารประเภทสเต็กยังมีศักยภาพ จึงเตรียมงบประมาณ 100 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่อีก 20 สาขา มีทั้งบริษัทลงทุนเองและรูปแบบแฟรนไชส์ พร้อมกับเพิ่มงบการตลาดเป็น 100 ล้านบาก จากปี 2560 ใช้ 80 ล้านบาท เพื่อทำโปรโมชั่นใหญ่ 6 ครั้งตลอดปีกระตุ้นยอดขายอีกด้วย  

อย่างไรก็ดี  บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาพาร์ทเนอร์ขยายกิจการไปต่างประเทศ เบื้องต้นมองศักยภาพในกัมพูชา สปป. ลาว มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งประเทศที่มีโอกาสมากสุดคงเป็นเวียดนาม เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตเร็ว และกัมพูชาก็มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มองว่าอีก 3 ปีน่าจะเปิดได้ 5 สาขา

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"