ฮื่ออ์อ์อ์...น่าจะหนักไปทาง ไชคอฟสกี้ แม้จะไม่นุ่มนวล นิ่มๆ เนิบๆ แบบ โมสาร์ต, โชแปง ฯลฯ แต่การเปิดฉาก เปิดใจ และเปิดตัว ของผู้บัญชาการทหารบก เลขาธิการ คสช. และนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ อย่าง บิ๊กแดง เที่ยวนี้ ก็น่าจะออกไปในแนวประมาณ เปียโน คอนแชร์โต หมายเลข 1 อะไรทำนองนั้น คือแบบ แท็นแท็นแท็นแถ่น...แท็นแท็นแท็น....แถ่นน์น์น์น์...มีทั้งลูกหนัก ลูกเบา คละเคล้าผสมผสานกันไปตั้งแต่เริ่มต้น...
                            -------------------------------------------------------------
    คือโดยลักษณะอาการของ บิ๊กแดง นั้น...คงต้องยอมรับว่า น่าจะไม่ได้ออกไปทางหวานเจี๊ยบ หวานจ๋อย มาตั้งแต่แรก พร้อมจะ ตาย...เป็ง...ตาย โดยไม่มีวันคิดจะยอมลอดหว่างขาใครต่อใครโดยเด็ดขาด ยิ่งถ้าหากเอาสูตร ลูกไม้ย่อมมิหล่นไกลต้น เข้ามาจับด้วยแล้ว ฝ่ามือพิฆาต ของ บิ๊กจ๊อด หรือ พลเอก สุนทร คงสมพงษ์ ผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้า เป็นอะไรที่หนักหน่วง รุนแรง สั่นสะท้าน ซักเพียงไหน ย่อมน่าจะถูกถ่ายทอดผ่านกระบวนการส่งมอบยีน และดีเอ็นเอ ของ บิ๊กแดง มาพอสมควร ดังนั้น...ไม่ว่าจะคิดอ่าน หรือลงมือปฏิบัติการในรูปหนึ่ง รูปใด ยังไงๆ...น่าจะไม่ได้ออกไปทาง เป๊าะๆ แป๊ะๆ เป็นอันขาด...
                              -------------------------------------------------------------
    สรุปแล้ว...ถ้าลองอ่านๆ ฟังๆ คำพูดคำจา ของผู้บัญชาการทหารบกรายใหม่ รายนี้ แบบให้ครบทุกวรรค ทุกตอน ทุกประโยค ทุกพยางค์ น่าจะเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์นั่นแหละ ล้วนแล้วแต่เป็นไปตาม หลักการ ไม่ว่าจะหลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือแม้แต่เศรษฐศาสตร์ ก็แล้วแต่ โดยเฉพาะถ้าหากมองกันในภาคปฏิบัติ ไม่ใช่ภาคทฤษฎีแบบเพ้อเจ้อกันไปเรื่อยๆ ระหว่างบทบาทของ ทหาร กับ การเมือง นั้น มันมี เส้นแบ่ง บางๆ อยู่ที่ ธรรมะ หรือความถูกต้อง ตามครรลอง คลองธรรม นั่นเอง เรียกว่า...ถ้าหากฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ไม่คิดจะละเมิดความถูกต้อง เป็นธรรม หรือการปฏิบัติตาม หน้าที่ ของแต่ละฝ่ายแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะอยู่ๆ กันไปได้ ไม่ต้องหวนกลับคืนไปสู่ วงจรอุบาทว์ แบบวนไป-วนมา อีกเช่นเดิม...
                            -----------------------------------------------------------------
    ด้วยเหตุเพราะ...สิ่งที่ถูกเรียกขานกันในนาม วงจรอุบาทว์ นั้น มันไม่ได้มีสัดส่วน องค์ประกอบ อยู่ที่ ทหาร เพียงลูกเดียวซะเมื่อไหร่ แต่ยังต้องอาศัย นักการเมือง เข้าไปเชื่อมต่อ เชื่อมโยง มันถึงจะวนไป-วนมากันได้อย่างเป็นวัฏจักร วงจร เป็นล้อเกวียนที่ไม่คิดจะเคลื่อนที่ไปไหนต่อไปไหน เอาแต่ติดหล่ม ติดโคลน อยู่ในปลัก ในหนอง ไม่สามารถ เดินหน้าประเทศไทย ไปสู่ขั้นตอน ไปสู่การยกระดับ ให้ทันเหตุ ทันการณ์ ทันท่วงทีกับความเป็นไปในโลกเขาได้ซะที...
                           -----------------------------------------------------------------
    การหลุดพ้น วงจรอุบาทว์ มันจึงต้องประกอบไปด้วยส่วนทั้งสอง คือทั้ง ทหาร และ นักการเมือง ที่พร้อมจะทำ หน้าที่ ตามภาระหน้าที่และบทบาทความรับผิดชอบของตัวเองแบบตรงไป-ตรงมา โดยถ้าหากฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่งไม่แสดงออกถึง กิริยา ที่หลุดไปจากอำนาจ หน้าที่ หรือไม่ได้ละเมิดอำนาจ หน้าที่ ตามความรับผิดชอบตัวเอง โอกาสที่มันจะเกิด ปฏิกิริยา ตอบโต้ มันก็คงไม่มี ยิ่งเป็นทหารยุคใหม่ๆ แล้ว...ไม่ว่าจะด้วยหลักสูตรการศึกษา ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อย จปร. ระหว่างเรียน หรือหลังจากจบการเรียน การสอนเรียบร้อยแล้ว ความเปลี่ยนแปลงของโลก ของเทคโนโลยี ฯลฯ ล้วนมีส่วนไม่มากก็น้อย ที่ทำให้ทหารยุคนี้ คงไม่ได้เหมือนกับทหารยุคก่อนๆ มากมายซักเท่าไหร่...
                            ---------------------------------------------------------------
        ดังนั้น...โอกาสที่จะฮึดๆ ฮัดๆ ถือปืน แบกปูน ไปโบกตึก แบบง่ายๆ สบายๆ ยังไงคงลำบากอยู่แล้วแน่ๆ นอกเสียจากมันเกิด เงื่อนไข หรือ เหตุปัจจัย อะไรบางอย่าง ที่ทำให้กล้าฮึด กล้าหือ กันอย่างเป็นระบบ แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้ความเป็นพันเอก พันโท พลตรี ไปจนถึงพลเอกอัตราจอมพล ก็ล้วนแล้วแต่ต้องอยู่ภายใต้ จอมทัพไทย ที่มี ทศพิธราชธรรม เป็นเครื่องควบคุม กำกับ การทำอะไรต่อมิอะไรจึงคงไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ แบบเด็กเล่นหนังสติ๊ก อะไรทำนองนั้น กว่า เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย มันจะถึงพร้อมแบบครบถ้วน สมบูรณ์ ร้อยเปอร์เซ็นต์ คงต้องผ่านการคิดหน้า คิดหลัง คิดแล้ว คิดอีก ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยตลบ...
                           -----------------------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...เพียงแค่ไม่ก่อให้เกิด หรือไม่เปิดโอกาสให้เกิด เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ในลักษณะที่ว่า การ รัฐประหาร ที่ใครต่อใครกลัวๆ โดยเฉพาะ นักการเมือง ทั้งหลาย ที่แค่ได้ยินคำนี้ อุจจาระก็ขึ้นไปกองอยู่บนหัวกันเป็นรายๆ ก็คงไม่ต้องเสียเวลาไปกลัว ว่ามันจะเกิด-ไม่เกิด ในโอกาสข้างหน้าต่อไป ยิ่งมี รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถูกออกแบบ ดีไซน์ เอาไว้แล้วล่วงหน้า แบบชนิดแทบครบถ้วน สมบูรณ์ ครอบคลุมไปในแทบทุกเม็ด ทุกองคาพยพ ยิ่งแทบไม่ต้องเสียเวลาให้ทหารถือปืน แบกปูน ไปโบกตึกเอาเลยแม้แต่น้อย แค่อาศัยตัวบทกฎหมาย ในแต่ละวรรค แต่ละมาตรา แค่นี้ก็...เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนอนุบาล โดยไม่ต้องไปพึ่งพาโรงเรียนนายร้อย จปร.เอาเลยก็ยังได้...
                         -------------------------------------------------------------------
    ส่วนที่น่าคิด น่าสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น...จึงน่าอยู่ที่คำพูด คำจา อีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือของ บิ๊กแดง ท่านนั่นแหละ ที่ไม่ว่า นักการเมือง หรือแม้แต่ ทหาร ด้วยกันเอง อาจต้องฟังแล้ว ฟังอีก ฟังแล้วต้องถอดรูท ถอดสมการ ออกมาให้ชัดๆ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ นักการเมือง หรือ ทหารการเมือง รายใดฟังกันไม่ถนัดชัดเจน โอกาสหงายท้องตึง หรือหลับกลางอากาศ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...แท็นแท็น...แท็นแถ่นน์น์น์...แท็นแท็น...แท็นแถ่นน์น์น์ จึงเป็นไป...ด้วยประการฉะนี้...แล...
                        --------------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Thomas Hardy... “You can do anything with bayonets except sit on them.- ท่านจะใช้ดาบทำอะไรได้ทุกอย่าง ยกเว้นแต่ใช้นั่ง...”
                      -----------------------------