'พปชร.'อ้าแขนจับมือทุกฝ่าย!


เพิ่มเพื่อน    


     "อุตตม" ยอมรับ พปชร.มีแนวคิดเสนอชื่อ "ประยุทธ์" เป็นนายกฯ เพียงชื่อเดียว แต่รอเป็นพรรคสมบูรณ์ก่อนถึงจะพูดคุยกัน "สนธิรัตน์" ฟันธงเลือกตั้งได้รัฐบาลผสม แบไต๋พร้อมจับมือกับทุกพรรค "สุเทพ" ลุยขอนแก่นปลุกคนอีสานร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ "นิธิ" ควัก 1 หมื่นบริจาคให้อนาคตใหม่ เพจแดงตีปี๊บ "  ทักษิณ" เลกเชอร์การเมืองไทยที่สวีเดน 6 พ.ย. "ปวิน" ขึ้นเวทีด้วย "เพื่อแม้ว" บี้ผู้นำเหล่าทัพโชว์วิสัยทัศน์แก้ปัญหาประเทศ 10 ข้อ
    เมื่อวันอาทิตย์ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรค พปชร. ระบุว่า พรรค พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯ เพียงชื่อเดียวว่า ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดวันนี้เราไม่ได้มาเพื่อพูดเรื่องการเมือง และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีคนพูดกันนานแล้ว และยังอีกไกลมาก เมื่อถึงเวลา เราจะมาหารือร่วมกัน แต่วันนี้พรรคยังไม่เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราก็จะมาพูดคุยกัน
    เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์ชื่อพรรคพลังประชารัฐที่คล้ายกับนโยบายของรัฐบาล นายอุตตมกล่าวว่า ไม่สามารถห้ามใครได้ แต่เชื่อว่าคนไทยจะสามารถตัดสินได้เอง คนพูดมีสิทธิ์พูด ส่วนคนฟังก็มีสิทธิ์ฟังเช่นกัน ส่วนการดำเนินการของพรรคพลังประชารัฐ ในตอนนี้ก็ให้ผู้มีอุดมการณ์จัดการกันไป 
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะว่าที่เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงการเสนอชื่อนายกฯ  ส่วนกระแสข่าวที่เกิดขึ้นก็ต้องไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่าคิดเห็นอย่างไร พร้อมร่วมด้วยหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่การหารือหรือเทียบเชิญใดๆ ทั้งนี้ การเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะผู้นำประเทศต้องเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน มีความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ ไม่ใช่ใครจะมาเป็นก็ได้ และต้องถามความเห็นประชาชนด้วย แต่ถ้าเทียบแล้วไม่มีใครเหมาะสม ก็อาจจะเสนอชื่อนายอุตตม สาวนายน ว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร. แต่ยืนยันว่าไม่มีการเสนอชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ
    เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของพรรคว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เป็นพรรคที่สมบูรณ์ หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว พรรคก็จะเร่งประชุมโดยเร็วที่สุด  ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ และเน้นการทำงานให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ
    "เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้รัฐบาลผสม ซึ่งพรรคพลังประชารัฐพร้อมจับมือทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อชาติ หรือพรรคเพื่อไทย แต่ต้องดูว่าพรรคอื่นๆ จะมาจับมือด้วยหรือไม่ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐสร้างขึ้นมาเพื่อก้าวข้ามความเป็นพรรคเป็นพวก และหวังว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะสร้างความสามัคคี แต่ทุกฝ่ายต้องหยุดใช้วาทกรรม ก้าวข้ามความขัดแย้ง และไม่ว่าผลการเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไร ผมพร้อมยอมรับ แต่สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ทำพรรคและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนคนที่จะมาร่วมงานนั้น ขออย่าเรียกว่าถูกดูดมา แต่อาจเป็นเพราะองค์ประกอบของพรรคมีความสมบูรณ์" นายสนธิรัตน์กล่าว
    ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังเดินทางกลับจากประเทศเบลเยียม ร่วมประชุมผู้นำสหภาพยุโรป-อาเซียน เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา  ในเช้าวันนี้ซึ่งเป็นวันหยุดอีกวัน ก่อนเริ่มงานเช้าวันจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ก็โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กทักทายประชาชน โดยระบุว่า “อรุณสวัสดิ์ พี่น้องประชาชนที่รักทุกคน มีความสุขในวันอาทิตย์กับครอบครัวนะครับ #ความสุขมีอยู่รอบตัว”
ปลุกคนอีสานเปลี่ยน ปท.
     ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ประชุมร่วมคณะผู้ร่วมก่อตั้งและแกนนำพรรค รปช.ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและแนวทางการดำเนินงานของพรรคในพื้นที่ภาคอีสาน มีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน โดยนายสุเทพกล่าวว่า มาอีสานวันนี้ไม่ได้มาหาเสียง ยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาจะมีการประชุมสมัชชาครั้งใหญ่ เพื่อให้สมาชิกพรรคนั้นมีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรค เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค และที่สำคัญคือการเลือกผู้แทน ในเขตเลือกตั้งของตนเอง ซึ่งถือเป็นพรรคการเมืองแรกของไทยที่ทำในลักษณะเช่นนี้ เพราะการเมืองเป็นการดำเนินงานตามระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกในด้านต่างๆ อย่างแท้จริง ไม่ใช่การเมืองจอมปลอมหรือประชาธิปไตยจอมปลอมอย่างเช่นในยุคสมัยต่างๆ ที่ทำกันมา
     "ขอให้คนอีสานนั้นหนักแน่น ให้ระวังช่วงเดือน ธ.ค.และ ม.ค.จะมีหลายพรรคการเมืองหรือกลุ่มบุคคลที่มาทำให้คนอีสานนั้นไขว้เขวจนเลิกล้มอุดมการณ์ในการทำงานเพื่อประเทศชาติ จากประสบการณ์เป็น ส.ส.มานานกว่า 37 ปี วันนี้แรงศรัทธาของคนอีสานที่มีต่อพรรครปช.นั้นดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งถึงเวลาที่คนอีสานจะมาร่วมกันเปลี่ยนประเทศ ร่วมสร้างอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศ" นายสุเทพกล่าว 
     ที่ จ.นราธิวาส พล.ท.พงศกร รอดชมภู และ อ.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ กรรมการสัดส่วนภูมิภาคภาคใต้ และ อ.นิรมาน สุไลมาน กรรมการบริหารพรรค เข้าร่วมการเปิดศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ จ.นราธิวาส และเดินทางพร้อมทีมงานขบวนคาราวานรับสมัครสมาชิกพรรคทั่วจังหวัดนราธิวาส ทั้งในอำเภอตากใบ บาเจาะ สุไหงโก-ลก ยี่งอ และสุคิริน    
     นายเจนวิทย์กล่าวว่า ขณะนี้พรรคอนาคตใหม่ออกคาราวานรับสมาชิกมาแล้วทุกภูมิภาค ทั้งที่นครศรีธรรมราช ระยอง พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น และวันนี้ทั้งที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.นราธิวาส นอกจากนี้ยังเปิดรับสมัครผู้สนใจลงสมัคร ส.ส.ของพรรคในแต่ละเขตบนเว็บไซต์ จนถึงวันที่ 17-18 พ.ย. เพื่อจะให้สมาชิกของพรรคเลือกผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 8-9 ธันวาคมต่อไป
     ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ได้เปิดศูนย์ประสานงานพรรคเช่นกัน โดยบรรยากาศการรับสมัครสมาชิกที่เชียงใหม่ในวันนี้เป็นไปอย่างอบอุ่นและคึกคัก  ส่วนขบวนคาราวาน ได้เดินทางไปพบประชาชนชาวเชียงใหม่ ประชาสัมพันธ์รับสมัครสมาชิกพรรคที่ชุมชนร่ำเปิง และกาดรวมโชค โดยได้รับความสนใจจากประชาชนสอบถามถึงรายละเอียดในการสมัครสมาชิกพรรคอย่างมาก 
    โดย ศ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการชื่อดัง พร้อมภรรยา เดินทางมาร่วมงานเปิดศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ สาขาเชียงใหม่ และตั้งใจว่าจะสมัครสมาชิกพรรค แต่เมื่อได้ทราบว่าพรรคอนาคตใหม่ได้ตัดสินใจที่จะเปิดรับบริจาคเงินแล้ว ศ.นิธิและภรรยาจึงได้บริจาคให้กับทางพรรคเป็นจำนวน  10,000 บาท แทนการสมัครสมาชิกในวันนี้ พร้อมเขียนข้อความให้กำลังใจว่า “ด้วยความหวังว่าลูกหลานจะได้มีชีวิตในประเทศและสังคมที่มีความเป็นธรรม”
ตีปี๊บ"แม้ว"จ้อที่สวีเดน
    วันเดียวกัน เพจของกลุ่มคนเสื้อแดงได้มีการรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง โดยที่น่าจับตาที่สุดคือกรณี นายทักษิณจะเดินทางไปบรรยายเรื่องการเมืองไทย ที่มหาวิทยาลัยในสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในวันที่ 6 พ.ย.นี้
    ขณะที่นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการเสื้อแดง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Pavin Chachavalpongpun” ระบุว่า แจ้งอีกทีครับ มหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม สวีเดน ได้เชิญ ดร.ทักษิณ ชินวัตร มาบรรยายเรื่องการเมืองไทย การเลือกตั้งและอนาคตประชาธิปไตยของไทย และได้เชิญผมมาเป็น discussant ของงานด้วย จะมีขึ้นวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ พบกับที่สตอกโฮล์มครับ
     “ขอแจ้งข่าวสำคัญครับ ผมจะขึ้นเวทีร่วมกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม โดยคุณทักษิณจะมาเลกเชอร์ในหัวข้อการเลือกตั้งและอนาคตของประชาธิปไตย และผมทำหน้าที่ผู้วิพากษ์คุณทักษิณ งานนี้จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน ณ มหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม คุณทักษิณไม่ได้เลกเชอร์ในสถาบันการศึกษาต่างชาติมานานพอควร นี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ยินคุณทักษิณพูดเรื่องการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย และอนาคตของไทย เรียนเชิญ” นายปวินกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก
     ส่วนเฟซบุ๊ก กรุงเทพ กรุงเทพ รายงานว่า คนไทยในสวีเดน หรือที่อยู่ในประเทศใกล้เคียงจะมางานบรรยายของนายกฯ ทักษิณ ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 เวลา 16.00-17.30 น. ติดต่อผ่าน ดร.อีวา ฮันสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียศึกษามหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม งานนี้เธอเป็นผู้ประสานงานและเป็นผู้ดำเนินรายการ
     เพจดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ดร.อีวาศึกษาและสนใจ การเป็นประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเงื่อนไขของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยและเวียดนาม
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ว่า นายทักษิณไม่คิดที่จะหวนกลับยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ในฐานะคนไทย อะไรที่มีความเห็นมีประโยชน์ก็ต้องห่วงใยประเทศชาติ ความรักความห่วงใยไม่ได้ผิด และไม่ได้เป็นปัญหา ส่วนการเลือกตัวผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคทางนายทักษิณก็ไม่มีส่วนเลือกกรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนการเลือกหัวหน้าพรรคทุกพรรคทำเหมือนกัน แต่บางพรรคไปหาเสียงเลือกหัวหน้าพรรคได้แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ เราเข้าใจดีว่าพรรคเราผ่านการยุบพรรคมา 2 รอบ ก็ต้องระวัง ฉะนั้นจะมาพูดว่าการเลือกเพราะคนเดียวชี้ มันไม่ใช่
    ส่วนกรณีนายทักษิณคาดการเลือกตั้งครั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยจะได้ 200 ที่นั่ง คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าเท่าที่อ่าน นายทักษิณไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายว่าพรรคนั้นพรรคนี้จะได้เท่าไหร่ เพียงแต่แสดงความเห็นในฐานะที่อยู่ภายนอก แล้วมองขึ้นมาว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ประชาธิปไตยคืนมาก็เลยเห็นว่าพรรคที่อยู่ในซีกประชาธิปไตย น่าจะได้ตัวเลขเกิน 200 ที่นั่ง
    นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายทักษิณระบุให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยรวมเสียง ส.ส.ในรัฐสภาให้เกิน 300 ที่นั่ง ว่า ส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองไหนได้คะแนนเสียงเกิน 250 ที่นั่งจากระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ เพราะจากการลงพื้นที่ของตนในหลายพื้นที่ที่เคยเป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร สมการของนายทักษิณ จะเป็นไปได้หรือไม่อย่างไร รวมถึงการใช้คำว่าสืบทอดอำนาจนั้น ตนมองว่าเป็นการใช้วาทกรรม ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ นายกฯ ก็ยังไม่ได้พูดว่าจะสืบทอดอำนาจตรงไหน และท่านจะอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองหรือไม่ก็ยังไม่มีใครทราบ 
    นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ระบุว่า ไม่แปลกใจจากนี้ไปบทบาทของคุณทักษิณจะถี่ขึ้น เข้มข้นขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับพรรคการเมืองที่เขาบงการอยู่ และเอาเข้าจริงๆ กกต.ต้องตรวจสอบเหมือนกันว่าคุณทักษิณกำลังหาเสียงให้กับพรรคการเมืองใดอยู่หรือเปล่านอกเหนือจากการตรวจสอบความผิดกรณีคนนอกเข้ามาบงการพรรค คุณทักษิณพยายามสร้างเส้นแบ่ง สร้างขั้วสร้างค่ายทางการเมืองด้วยคำว่าประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกันพรรคที่ตัวเองสั่งการอยู่กลับยังไม่เห็นความพยายามที่จะปฏิรูปพรรค เช่น การเลือกหัวหน้าพรรค ที่คนในพรรคไม่ได้มีส่วนร่วมการปฏิเสธการทำไพรมารีโหวต การสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยในพรรค และความเป็นเจ้าจองพรรค ถ้าประชาชนจะจำแนกว่าพรรคใดเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่แค่โวหารนั้น ก็ต้องดูกลไกในพรรคได้ รองรับการมีส่วนร่วมและความเป็นเจ้าของพรรคของสมาชิกหรือไม่ แค่นี้ก็พอจะแยกได้ว่าพรรคใดกันแน่ที่ควรอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง
โยนโจทย์ 10 ข้อให้ทหารแก้
     นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณี ผบ.ทบ.ไม่ยืนยันจะไม่มีการรัฐประหารว่าเป็นการพูดกันไปเรื่อย ไม่มีใครเขาอยากทำว่า ตอนที่พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. พูดยืนยันหลายครั้งว่าจะไม่มีการรัฐประหาร แต่ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ก็ทำการรัฐประหารและอยู่ในอำนาจมายาวถึงวันนี้ อีกทั้งยังพยายามวางกติกาให้ได้เปรียบคนอื่นเพื่อต่อท่ออำนาจในอนาคต การที่ ผบ.ทบ. ออกมาพูดเปิดทางว่าหากไม่มีการก่อจลาจลก็จะไม่มีการรัฐประหารนั้น อยากถามว่าความวุ่นวายที่ผ่านมารัฐบาลประกาศกฎหมายพิเศษให้อำนาจทหารเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาความวุ่นวาย แทนที่จะใช้อำนาจพิเศษนั้นแก้ไขปัญหากลับไม่ทำ แต่เลือกวิธียึดอำนาจ แล้วการพูดเปิดทางเช่นนี้จะไม่ให้สังคมวิตกได้อย่างไร และเหตุที่สังคมเขากังวลกัน ก็เป็นเพราะทุกครั้งที่มีการรัฐประหารประเทศก้าวถอยหลังประชาชนเดือดร้อนทุกครั้ง ในเมื่อวันนี้นานาประเทศยึดมั่นระบบประชาธิปไตย ขอให้ ผบ.ทบ.เลิกคิดเรื่องการยึดอำนาจที่ขวางกระแสโลกได้แล้ว
    นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ผบ.เหล่าทัพไม่ยืนยันว่าจะไม่ปฏิวัติอีกถ้าบ้านเมืองมีความวุ่นวายว่า เมื่อท่านอุตส่าห์ออกมาแสดงความเห็นบางเรื่องไปแล้ว ก็อยากเชิญชวนผู้นำเหล่าทัพได้แสดงภาวะผู้นำให้วิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาประเทศสัก 10 ข้อ ดังนี้ 1.กองทัพจะใช้จ่ายงบประมาณที่เพิ่มขึ้นปีละหลายแสนล้านให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไรโดยไม่มีข้อครหา 2.การแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม 3.ข้อครหาการทุจริตที่ตรวจสอบไม่ได้ในรัฐบาลนี้ 4.ปัญหาข้อกล่าวหาการทุจริตโครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลก่อนที่อ้างว่าเอกสารหายลอยน้ำไปแล้ว 5.ปัญหาความยากจนของคนในชาติและปํญหาปากท้องพี่น้องประชาชนในปัจจุบัน 6.ปัญหาการค้าการลงทุน 7.ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ข้าว ยาง อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม และอื่นๆ 8.ปัญหายาเสพติดที่ทะลักเข้าตามแนวชายแดนทั้งยาบ้ายาไอซ์ 9.ปัญหาโรฮีนจา 10.ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ 
     "ทั้งหมดนี้เป็นโอกาสของผู้นำเหล่าทัพไทยจะได้แสดงภาวะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ให้สาธารณชนคนไทยทั้งประเทศและต่างประเทศได้เห็นเชิงประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม เพราะอย่างไรคนไทยก็ต้องอยู่ในสภาวะสงบราบคาบเช่นนี้ต่อไป และมีแน้วโน้มว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเเสนนาน จะได้เข้าใจกันมีทัศนคติที่ดีต่อกัน ไม่ต้องมาทะเลาะเบาะแว้งกันอีกต่อไป เพราะเราเป็นไทยด้วยกัน" นายพายัพกล่าว
    นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลโพลเรื่อง ลักษณะต้นแบบผู้นำประเทศที่ดี จำนวน 1,061 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคม  2561 พบว่า ลักษณะต้นแบบผู้นำประเทศที่ดีในสายตาประชาชน อันดับแรก หรือร้อยละ 25.8 ระบุทำให้เศรษฐกิจดี รองลงมาคือ ร้อยละ 21.6 ทำงานเร็ว แก้ปัญหาได้ตรงจุด เช่น ทำให้ประชาชนมีกินไม่ขัดสน มีความปลอดภัย ไร้อาชญากรรม ลดยาเสพติด มีการศึกษาดี สุขภาพแข็งแรง และบ้านเมืองเจริญ เป็นต้น ร้อยละ 21.3 ระบุซื่อสัตย์สุจริต, ร้อยละ 20.2 ระบุเข้าถึงประชาชน ดูแลคนรากหญ้า และร้อยละ 11.1 ระบุอื่นๆ ได้แก่ เด็ดขาด ฉะฉาน มีความเป็นผู้นำ มีอุดมการณ์ สุขุมรอบคอบ ฉลาดรอบรู้ บริหารงานเก่ง ฯลฯ
    ลักษณะที่นักการเมืองกำลังมุ่งนำเสนอตัวตนมากที่สุด พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 21.3 ระบุแสดงตนว่า ซื่อสัตย์สุจริต รองลงมาร้อยละ 21.0 ระบุทำบ้านเมืองสงบสุข, ร้อยละ 20.7 ระบุทำให้เศรษฐกิจดี และร้อยละ 20.1 ระบุเด็ดขาด ฉะฉาน มีความเป็นผู้นำ และร้อยละ 16.9 ระบุอื่นๆ ได้แก่ บริหารงานเก่ง แสดงอำนาจน่าเกรงขาม มีอุดมการณ์ เข้าถึงประชาชน ฉลาดเก่งรอบรู้ ฯลฯ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"