'จตุพร'ดีดลูกคิดเตือนเพื่อไทยเลือกตั้งได้ส.ส.ไม่ถึงครึ่ง-อาจไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์สักคน!


เพิ่มเพื่อน    

22 ต.ค.61 -  ที่ร้านกาแฟ พีซ คอฟฟี่ แอนด์ไลบรารี่ อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 5 มีกิจกรรมต่อลมหายใจให้พีซทีวี(วานนี้) โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวช่วงหนึ่งว่า...รัฐธรรมนูญ ปี 2560 นั้น มุ่งจัดการพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดปรากฏการณ์ได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาเกินกว่าครึ่งอีกต่อไป โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง ส.ส.แบบระบบบัตรใบเดียวนั้น การเลือกตั้งเมื่อ ปี 2554 ยกตัวอย่างพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ในระบบเขต 204 เขต จากจำนวนเขตทั้งหมด 375 เขต ได้ ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ 61 ที่นั่ง จากจำนวน 125 ที่นั่ง เพราะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เขต 375 และแบบบัญชีรายชื่ออีก 125 ตามแนวคิดของคณะกรรมการชุดนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์

"ดังนั้น หากนำคะแนนเดียวกันนี้ มาคิดตามหลักรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ตามระบบบัตรใบเดียว พรรคการเมืองที่จะได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะมาด้วยการนำยอดผู้มาใช้สิทธิ์หารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ คือ 500 คน ซึ่งในปี 2554 เฉลี่ยแล้ว ส.ส. 1 คน จะต้องมีคะแนน 7 หมื่นคะแนน"

นายจตุพร กล่าวว่าดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทยได้ 204 เขต เอาคะแนนรวมกันแล้ว นำ 7 หมื่นไปหาร จะได้ประมาณ 187 ถึง 190 ที่นั่ง ทำให้ไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะคะแนนต่ำกว่า 204 คน ส.ส.เวลาที่เขาจะชนะกันคือ 3 หมื่น 5 พัน 4 หมื่น 5 หมื่นคะแนน แต่ตามระบบใหม่นั้น จะนำเขตที่แพ้ไปรวมให้กับเขตที่ชนะครบ 7 หมื่นคะแนนก่อน

"ปรากฏว่า คะแนนพรรคเพื่อไทย เมื่อนำคะแนนของเขตแพ้ไปเติมให้กับเขตที่ชนะ จะได้ไม่ถึง 204 ด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อได้ 204 เขตแล้ว จึงไม่เหลือบัญชีรายชื่อแม้แต่ตำแหน่งเดียว ซึ่งเดิมทีมีการคิดกันแต่เป็นการคิดที่ผิด ฝ่ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ วางตัวบุคคลใน กปปส.ไปร่วม 5 พรรคการเมือง เพราะเข้าใจแบบของรัฐธรรมนูญปี 2560 ร่วมกันแพ้ แยกกันจึงจะชนะ แล้วไปรวมกันตอนปลาย แต่ตอนต้นต้องแยกกันเข้า หากร่วมกันเข้าคะแนนในเขตแพ้จะเป็นคะแนนที่เสียเปล่า เพราะต้องนำไปรวมให้กับเขตที่ชนะหรือที่เรียกว่าคะแนนตกน้ำ"

ประธานนปช. กล่าวว่าดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ทำไมคนสำคัญสำคัญในเวที กปปส. ถึงแยกไปอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในพลังประชารัฐ และมาอยู่ในพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่นายสุเทพเป็นแกนหลัก สายพลังงานเรื่องปิโตรเลียม ไปอยู่ที่พรรคพลังธรรมใหม่ และสายศาสนาไปอยู่กับนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป เสมือนการรุก 5 ทิศทางและมีความเข้าใจตรงกัน จึงไม่มีใครออกมาพูดว่าใครจะไปแย่งคะแนนให้กับใคร

"ดังนั้น วันนี้หลายคนคิดไม่ทัน และมีความเข้าใจว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ประเด็นต่อมา แล้ว นปช.จะทำอย่างไร ทุกฝ่ายต่างทราบดีว่าในแผ่นดินรัชกาลที่ 10 นั้น จะมีการชุมนุมแบบเดิมอีกต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนเวทีไปสู้กันในสภา ส่วนตัวเคยยืนยันมาแล้วว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีก ทั้งยังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี แต่ผมก็รู้ว่าปลายทาง หากยังเดินกันแบบเดิมคะแนนเสียงก็จะไม่ถึงครึ่ง"นายจตุพร กล่าวและว่า ดังนั้น เราต้องดึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุดออกไปจากสมอง เพราะทั้งเนื้อหาสาระและวิธีการนับคะแนนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หากเรามีเป้าหมายคือชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย เราต้องเข้าใจว่าเขาออกแบบมาเพื่อเล่นงานฝ่ายประชาธิปไตย ดังนั้นจะต้องวางแผนและแก้ไขไม่ให้ถูกจัดการได้ง่าย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"