25 ต.ค.61-นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษานปช. ได้กล่าวในการทำ Facebook Live ในประเด็น ใคร ‘ครอบงำ’ ใคร ระหว่าง กกต.กับเพื่อไทย ว่าใครครอบงำกกต. ใครครอบงำเพื่อไทย และบทบาทของกกต.ที่ทำต่อพรรคการเมืองต่าง ๆ โดยเฉพาะเพื่อไทยเป็นไปตามการสั่งการและการครอบงำของใคร?

เรื่องนี้เป็นปรากฎการณ์ที่จะออกมาเป็นลำดับ ปรากฎการณ์แรกคือการล็อกกฎหมายพรรคการเมือง ทำให้พรรคการเมืองขยับไม่ได้ ปรากฎการณ์เหล่านี้เกิดจากความไม่พร้อมของคสช.ที่จะให้มีการเลือกตั้งเพื่อเกิดรัฐบาลใหม่นั่นเอง เมื่อยังไม่พร้อมท่านก็ใช้ ม.44 ล็อกได้ แล้วท่านก็คลายล็อกเล็กน้อย

ในขณะที่ฝ่ายที่ไม่ได้สนับสนุนคสช.ก็มีการใช้กติกาบังคับที่ค่อนข้างเข้มงวด ยกตัวอย่างเช่นอนาคตใหม่ กกต.ก็น่าจะได้รับคำเตือนมาหรืออย่างไร เพราะหลังจากอนาคตใหม่เขารับบริจาคไปแล้ว กกต.ก็มาเตือนทางโทรศัพท์

แต่กรณีเพื่อไทย เลขาธิการกกต.ออกมาพูดเมื่อวานนี้ชัดเจนว่าอาจจะถึงขั้นยุบพรรค จะต้องมาตรวจสอบ ขณะเดียวกันประชาธิปัตย์คุณวิรัตน์ กัลยาศิริ ก็ออกมาตีคล้องกลองสนับสนุนเต็มที่ อ้างว่ามีการครอบงำ

นางธิดากล่าวต่อไปว่า เมื่อกกต.ส่งเสียงประมาณว่า ‘ขู่’ มายังเพื่อไทยว่าอาจจะถึงความผิดขั้น ‘ยุบพรรค’ นี่เป็นปรากฎการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่จะมีการเลือกตั้งนั้นเราอยู่ท่ามกลาง ม.44 กกต.ในฐานะ ‘องค์กรอิสระ’ เป็นอิสระจริงหรือเปล่า? เป็นองค์กรอิสระที่อยู่ในอาณัติคสช. ซึ่งก็ตั้งพรรคขึ้นมาแข่ง และแน่นอนก็ปรารถนาที่จะได้เสียงส.ส.เป็นจำนวนมาก

ดังนั้นท่านเขียนกติกา เขียนรัฐธรรมนูญ-ประกาศ-คำสั่ง ก็ไม่พอ ท่านยังสามารถที่จะควบคุมกำกับองค์กรอิสระให้ทำหน้าที่ในการจัดการพรรคคู่แข่งหรือพรรคที่มองว่าเป็นปฏิปักษ์ เพียงเขาบอกว่าจะได้ 300 เสียงท่านก็อาจจะตกใจหรือเปล่า ก็เลยหลุดพรรคเขา พรรคเรา ออกมา เป็นต้น

การควบคุม การบงการ ให้กกต.จัดการนั้นมันอยู่ในที่สาธารณะ ทุกคนก็ได้ยินหมด และอันนี้ก็ชัดเจนว่ากกต.พอได้ฟังคำเตือนปั๊บก็เด้งรับเลย วันเดียวก็ ‘ขู่’ เลย แต่ในขณะที่ดร.ทักษิณ ชินวัตร แสดงความคิดเห็นตามสิทธิ์ เพราะว่าใคร ๆ ก็วิเคราะห์ได้ในฐานะเป็นคนไทย และเวลาที่พูดออกมาในที่สาธารณะ ใคร ๆ ก็สามารถเอาคำพูดนั้นไปใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ หรือแม้กระทั่งแนะนำส่วนตัว เพราะว่าเขามีสิทธิ์จะพูด คนก็มีสิทธิ์จะฟัง แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ซึ่งกกต.ก็ต้องไปพิสูจน์ว่าเพื่อไทยถูก ‘ครอบงำ’ หรือ ‘ถูกสั่ง’ โดยดร.ทักษิณหรือเปล่า? และต้องพิสูจน์ด้วยว่า การ ‘ครอบงำ’ นั้นมันเป็นการ ‘ครอบงำ’ ที่ทำให้เป็นการปฏิบัติอย่างไม่มีเงื่อนไขหรือเปล่า?

คำถามก็คือโครงสร้างของพรรคเขามีไหม?กรรมการบริหารเขามีไหม?แล้วเขาปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เฉกเช่นพรรคการเมืองทั่วไปหรือเปล่า? อันนั้นยังต้องพิสูจน์

แต่ของกกต.ไม่ต้องพิสูจน์เลย เพราะว่าของกกต.ปรากฎชัดเจนก็คือท่านพูดวันซืน พอเมื่อวานกกต.ก็เด้งรับทันที ก็บอกเลยว่าจะยุบ จะตรวจสอบพรรคเพื่อไทย

นางธิดากล่าวว่า ประชาชนก็ต้องตรวจสอบกกต.ด้วย ดิฉันว่าไม่ใช่ ‘ครอบงำ’ แต่เรียกว่าอยู่ใน 'อาณัติ' เลยมากกว่า และก็ถูกบังคับโดยปริยายว่าให้ปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะท่านเป็นกกต.ที่มาจากคสช. ดำรงอยู่ได้ด้วยคสช.

แต่ท่านอาจจะลืมไปว่าตำแหน่งกกต.นั้นเป็นองค์กรอิสระที่มีลักษณะเป็นสากล แล้วมันจะต้องปฏิบัติการด้วยความเที่ยงธรรม และได้รับความเชื่อถือในหมู่ประชาชนและในชาวโลก นอกจากนั้นเงินเดือนของท่านก็เป็นเงินเดือนจากภาษีประชาชน

ในกรณีที่กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่ของกกต.เฉกเช่นกกต.ทั้งหลายในประเทศต่าง ๆ ตามที่ควรจะเป็นแล้ว ดิฉันก็ไม่รู้ว่าแล้วท่านจะดำรงอยู่ด้วยศักดิ์ศรีในฐานะกกต.ได้อย่างไร? จริงอยู่เราเห็นใจว่าท่านเป็นกกต.ในยุคคสช. และนี่คือผลพวงของการเลือกตั้งภายใต้อำนาจการทำรัฐประหารและรัฏฐาธิปัตย์ กระทั่งกกต.ก็ต้องขานรับคำสั่ง ดูกฎหมายแล้วไม่พอ ยังต้องมีสั่งเป็นรายวัน รายชั่วโมงอีก

ในขณะที่กกต.เตือนพรรคเพื่อไทย ประชาชนก็ต้องการจะเตือนกกต.ด้วยว่าคุณทำหน้าที่กกต.เพื่อจัดการให้มีการเลือกตั้งอย่างเที่ยงธรรมหรือเปล่า?

ท่านเตือนพรรคเพื่อไทยในฐานะอะไร? ในฐานะกกต. หรือในฐานะผู้รับคำสั่งจากคสช.  และปฏิบัติหน้าที่กกต.แต่ในนาม

ท่านก็ต้องประกาศออกมาเลยว่าผมเป็นกกต.แบบไหน? เพราะเมื่อท่านเตือนเพื่อไทยว่าคุณอยู่ในอาณัติ อยู่ในการครอบงำของคนนอกพรรคหรือเปล่า? ประชาชนและในสากล รวมทั้งกกต.ประเทศอื่นเขาก็จะมองท่านและตั้งคำถามกับท่าน ว่าท่านเป็นกกต.ที่ถูก ‘ครอบงำ’ ถูกสั่งการโดยองค์กรที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์

ท่านจะเป็นกกต.ที่ชอบธรรม เที่ยงธรรม และสู้หน้าประชาชนได้อย่างไร?