'ธาริต' ให้การปฏิเสธคดี 'สมคิด บุญถนอม' ฟ้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบคดีอัลรูไวรี


เพิ่มเพื่อน    

29 ต.ค. 61 - ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดสอบคำให้การเเละกำหนดวันนัดพิจารณา คดี อท(ผ)61/2559 ที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์  อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษและรองโฆษกดีเอสไอ และ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือเกียรติกรณ์ แก้วผลึก เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สร้างหลักฐานการคุ้มครองพยานตามมาตรการพิเศษ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และแจ้งความอันเป็นเท็จต่อศาล

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า นายธาริตซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีเอสไอในขณะนั้นกับพวก ได้มีคำสั่งให้มีการนำ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือเกียรติกรณ์ แก้วผลึก พยานโจทก์ในคดีการหายตัวไปของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ที่ศาลอาญาให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยสายการบิน ey402 ทั้งที่ พ.ต.ท.สุวิชชัยดังกล่าวนั้น เป็นจำเลยที่ศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีร่วมฆ่าเชื้อพระวงศ์ลาว ซึ่งศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศไว้ แต่ภายหลังจำเลยกลับมายื่นคำร้องขออนุญาตศาลอาญาให้ส่งประเด็นไปสืบต่างประเทศ โดยอ้างว่าพบพยานดังกล่าวหลบหนีหมายจับไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์อนุญาตส่งประเด็นไปสืบต่างประเทศ ทั้งที่ความจริงแล้วตอนนั้นพยานโจทก์ปากดังกล่าวพำนักอยู่ในไทย แต่อัยการโจทก์ไม่สามารถนำตัวมาเบิกความที่ศาลอาญาโดยเปิดเผยได้ เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิชชัย เป็นจำเลยหลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี

นอกจากนี้ นายธาริตกับพวกได้ร่วมมือกับนางอินทรานี สุมาวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 2 ซึ่งทำหน้าที่รายงานความคืบหน้าการส่งประเด็นไปสืบพยานต่างประเทศตามคำสั่งศาลอาญาในขณะนั้น เป็นผู้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ พ.ต.ท.สุวิชชัย และเจ้าหน้าที่ดีเอสไออีกสองคนเดินทางไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อดำเนินการสืบพยานลับหลังจำเลยในคดีการหายตัวไปของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี ด้วยช่องทาง พ.ร.บ.ร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาฯ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะความจริงแล้ว การสืบพยานต่างประเทศด้วย พ.ร.บ.ดังกล่าว จะต้องเป็นกรณีที่พยานมีภูมิลำเนาต่างประเทศ มิใช่เกิดจากจำเลยกับพวกร่วมกันนำพยานเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไว้ก่อน เพื่อให้เข้าเงื่อนไขการส่งประเด็นไปสืบ แต่กลับไปแจ้งเท็จต่อศาลว่าพบพยานดังกล่าวหลบหนีหมายจับที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต่อมาศาลอาญาได้อนุญาตให้ส่งประเด็นไปสืบตามคำร้องของอัยการโจทก์ ส่วนกรณีที่คัดค้านว่าพยานปากดังกล่าวไปต่างประเทศจากกระทำของพวกจำเลยนั้น ให้ไปว่ากล่าวในอีกคดี ต่อมานายธาริตกับพวกยังได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจทก์ทั้งสอง โดยกล่าวหาว่าโจทก์ทั้งสองร่วมกันข่มขู่คุกคามพยานให้หวาดกลัว ซึ่งศาลได้ไต่สวนคำร้องและยกคำร้องไป

จากนั้นโจทก์ได้ตรวจสอบพบว่า จำเลยทั้งสามในฐานะตัวการและผู้สนับสนุนร่วมกันสร้างพยานหลักฐานการคุ้มครองพยานมาตรการพิเศษ โดยอ้างว่าโดนโจทก์ข่มขู่พยาน เพื่อเป็นข้ออ้างแก้ตัว กรณีโดนโจทก์ร้องคัดค้านการนำพยานปาก พ.ต.ท.สุวิชชัย เดินทางออกนอกประเทศ ว่าเป็นการคุ้มครองพยานเพื่อนำไปสืบพยานที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอ้างเป็นหลักฐานแจ้งความเท็จต่อศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวแก่โจทก์ทั้งสอง จึงเท่ากับจำเลยมีเจตนาพิเศษกลั่นแกล้งเพื่อให้โจทก์ถูกศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวในขณะนั้น หากศาลเชื่อตามคำร้องเท็จของจำเลย

คดีนี้มีการยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 2557 มีการไต่สวนมูลฟ้องและศาลอาญาคดีทุจริตฯ ประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2561 

ในวันนี้ พล.ต.ท.สมคิด โจทก์ และนายธนพงศ์ จูสนิท ทนายความเดินทางมาศาล ส่วนนายธาริต, พ.ต.ต.วรนันท์ จำเลยก็เดินทางมาศาลพร้อมทนายความเช่นเดียวกัน 

ส่วน พ.ต.ท.สุวิชชัย จำเลยที่ 3 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ศาลเห็นว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.สุวิชชัย นำตัวมาพิจารณาคดีภายในอายุความ 10 ปี และให้จำหน่ายคดีเฉพาะของ พ.ต.ท.สุวิชชัย จำเลยที่ 3 ไว้ชั่วคราว เมื่อจับได้แล้วให้นำมาพิจารณาใหม่เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 3

ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยที่ 1-2 ฟังพร้อมทนายความ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี โดยทนายโจทก์แถลงว่าประสงค์จะนำพยานบุคคลเข้าสืบจำนวน 15 ปาก พร้อมพยานเอกสารบางส่วนที่อยู่ระหว่างรวบรวม และยังไม่ได้ยื่นระบุบัญชีพยาน ส่วนฝ่ายจำเลยทั้งสองประสงค์จะนำพยานเข้าสืบทั้งพยานบุคคลและเอกสารรวม 55 อันดับ โดยแยกเป็นพยานบุคคล 13 ลำดับ ส่วนพยานเอกสารอยู่ระหว่างตรวจสอบ

ศาลเห็นว่าเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินกระบวนพิจารณา ให้คู่ความดำเนินการเรื่องเอกสารให้เสร็จสิ้นก่อนวันนัดหน้า โดยให้ระบุพยานที่จะนำเข้าสืบว่าเกี่ยวข้องกับประเด็นใดในคดี จึงให้เลื่อนไปนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 25 ก.พ. 2562 เวลา 10.00 น.

ส่วนที่นายธาริต จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง เนื่องจากมีบ้านพักอยู่ จ.นครราชสีมา และมีปัญหาสุขภาพ ไม่สะดวกเดินทางมาฟังการพิจารณาคดีทุกนัด พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยอ้างปัญหาสุขภาพไม่สะดวกเดินทางมา คดีมีอัตราโทษสูงไม่เกิน 10 ปี จำเลยที่ 1 มีทนายความแล้วจึงอนุญาต ส่วนที่จำเลยทั้งสองขอให้ศาลวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอายุความคดีแจ้งความเท็จฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ที่อ้างว่านับตั้งแต่เกิดเหตุจนศาลมีคำสั่งคดีมีมูล คดีขาดอายุความแล้ว ศาลเห็นสมควรวินิจฉัยพร้อมกับคำพิพากษา

 

ต่อมา พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ที่ศาลรับฟ้องคดีนี้ ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ในประเด็นที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคุ้มครองพยานอย่างที่จำเลยเคยให้สัมภาษณ์ ที่ศาลประทับรับฟ้องในคดีนี้จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์เบื้องต้นให้เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยทั้งสองไม่ถูกต้อง มีมูลจนศาลรับฟ้องพิจารณา ซึ่งตนใช้เวลานานถึง 4 ปี

นายธนพงศ์ จูสนิท ทนายความของ พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ในวันนี้ที่เป็นวันสอบคำให้การจำเลย โดยเมื่อจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ตามขั้นตอนก็จะต้องยื่นประกันตัวต่อไป ทราบว่านายธาริตกับ พ.ต.ต.วรนันท์ จำเลยได้ยื่นประกันตัวล่วงหน้าต่อศาลไปก่อนหน้านี้แล้วโดยใช้หลักเกณฑ์พนักงานของรัฐ โดยมี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอเซ็นรับรองให้ ในวงเงินประกันคนละ 250,000 บาท เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้โจทก์มีการฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สร้างหลักฐานการคุ้มครองพยานตามมาตรการพิเศษ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และแจ้งความอันเป็นเท็จต่อศาล  ซึ่งศาลได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องจำเลยในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและแจ้งความเท็จต่อศาล ส่วนข้อหาอื่นเช่น หลักฐานการคุ้มครองพยานอันเป็นเท็จจะอยู่ในกระบวนการพิจารณาที่จะต้องนำสืบต่อไป ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย เพราะจะเป็นการลึกลงไปในชั้นเนื้อหาที่พิจารณาคดี.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"