บิ๊กตู่ชำแหละวาทกรรมด้านศก.


เพิ่มเพื่อน    

 

"บิ๊กตู่" ชำแหละ 4 วาทกรรมด่ารัฐบาล  คนจนมากขึ้น, ไม่มีที่ดินของตนเอง, รัฐบาลเอื้อนายทุน,ไร้การปฏิรูป ชี้โลกเปลี่ยนแต่คนไทยไม่ยอมปรับ ย่ำอยู่กับที่ บางคนทำธุรกิจผิดกฎหมายจึงหากินต่อไม่ได้ บางรายใช้บัตรเครดิตหลายใบ หมุนไม่ทันก็โทษคนอื่น ลั่นต้องหยุดวงจร ไม่อยากโม้รัฐบาลมีผลงานเยอะ ในภาพรวมมีการปฏิรูปแล้ว

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”   เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่ามีการใช้วาทกรรมในแง่ลบกับบ้านเมือง อาทิ บางคนก็ใช้คำพูดว่า คนจนมากขึ้นๆ หมดตัวแล้ว จริงหรือไม่ ความจริงคืออะไร ก็ช่วยกันหาคำตอบ ตั้งคำถามกับตนเองด้วย 
    "ถ้าเราไม่มีเงิน หรือเงินไม่พอใช้ ไม่พอเที่ยว ไม่พอใช้จ่ายซื้อของแพง เราจะต้องพิจารณาแล้วว่าเราจะทำอย่างไร เพราะความต้องการของมนุษย์ของคนนี่ขีดจำกัดยากนะครับ เพราะฉะนั้นเราต้องพิจารณาว่าเราประกอบอาชีพอะไรอยู่ เราได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้างหรือยัง จากอดีตที่เคยทำมา แล้วได้เงิน วันนี้ก็มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเศรษฐกิจระดับบน ระดับกลาง ระดับล่าง เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งหมด ทั้งในประเทศ นอกประเทศด้วย" 
    นายกฯ กล่าวว่า เราจะต้องมีการรวมกลุ่ม มีการเรียนรู้ มีการพัฒนาตนเอง หาวิธีการใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ ถ้าเราทำตามเดิม ขณะที่โลกเปลี่ยน เราไม่ปรับ สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เราจะเป็นอย่างไรต่อไป ลองคิดเอาเอง สำหรับพี่น้องเกษตรกร ที่ผลิตผลบางชนิดช่วงนี้ราคาตกต่ำ รัฐบาลทราบดี ก็พยายามเต็มที่ เราก็ต้องส่งออกเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือเกินที่จะใช้ภายในประเทศ บริโภคภายในประเทศ
    "ความหมายก็คือ เราต้องพึ่งพาราคาตลาดนอกประเทศมาพิจารณาด้วย ดังนั้นในเรื่องของดีมานด์-ซัพพลาย เรื่องของความต้องการกับการผลิตนั้นเป็นสิ่งสำคัญนะครับ เราก็พยายามจะทำความเข้าใจ แสวงหาความร่วมมือมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร ขจัดปัญหาการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อีกเรื่องหนึ่งคือ บางคน เดิมอาจจะเคยหาเงินจากธุรกิจหรือธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย มันเคยทำได้ แต่วันนี้ทำไม่ได้ เพราะมันมีกฎหมายกำหนดไว้ อย่างที่บอก เราต้องสร้างโอกาสให้เกิดความเท่าเทียมกันทุกคน เราอย่าปล่อยปละละเลยกันไปเลย บางคนเสียประโยชน์มาก บางคนได้ประโยชน์ถ้าทำแบบเดิม วันนี้เราต้องแก้ไข อย่าไปทำอีกเลย แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเอง อย่าคิดว่าเพราะว่ารัฐบาลนี้ทำให้ทำมาหากินได้ยากขึ้น กฎหมายทั้งนั้นเราต้องรักษาตั้งแต่ที่เรียกว่าไข้หวัดธรรมดา เราอย่าให้มันกลายเป็นอาการป่วยเรื้อรัง เป็นโรคติดเชื้อต่อไป 
ต้องหยุดวงจร
    "เราต้องหยุดวงจรเหล่านี้ ในวันนี้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับเราก็ทุจริตอยู่เหมือนกัน ทำทุจริตน่ะนะแล้วก็มีรายได้ขึ้นมา มันก็ไม่ใช่ ทุจริตนี่อาจจะไม่มากมายนัก เพราะมันผิดกฎหมาย บางอย่างก็ขายของผิดที่บ้าง อะไรบ้าง ทำนองนี้ รัฐบาลก็พยายามจะปลดล็อกหาวิธีการที่เหมาะสม ต้องใช้เวลานะครับ ก็อดทนกันสักนิดนึงนะ"
    นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการใช้บัตรเครดิต บางคนก็มีหลายใบ ก็รู้ว่าจำเป็น แต่ท่านลองดูสิว่าการใช้ไปแล้วน่ะมันง่าย พอใช้น่ะมันง่าย พอจะหาเงินชำระมันหาไม่ได้ พอหาไม่ได้ก็กดดันตัวเอง แล้วก็โทษคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ บางทีมันก็ไม่ใช่  ต้องไปดูทั้งหมด อันนี้คือเรื่องของตัวเอง
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วาทกรรมที่ 2 คือเรื่องของการเอื้อประโยชน์ ดูแลแต่เศรษฐกิจรายใหญ่ ร่ำรวย มีเงินทอน ขอเรียนว่ามันมีหลายกลไก มีการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเรื่องของการจัดทำโครงการ การทำสัญญา การจัดทำทีโออาร์ การประกาศเข้ามาประมูลอะไรต่างๆ มันมีกฎหมายทุกตัว มีหน่วยงานตรวจสอบมากมาย เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดกันไปโดยไม่รู้จริง มันก็ทำให้เกิดความเสียหาย ไอ้ที่มันดีแล้วมันก็เลยไม่ดีไปด้วย ไอ้ที่ไม่ดีมันอาจจะมีอยู่บ้าง ทุจริตก็ต้องดำเนินการต่อไป วันนี้เราก็ลงโทษไปเยอะพอสมควร  
    "ผมกล่าวไปแล้ว หลายครั้งแล้วนะครับ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศด้วย แล้วก็มีผลการประเมินโดยองค์กรระหว่างประเทศที่เราเห็นว่าดีขึ้นมาโดยลำดับนะครับ อย่าให้ต่ำลง"
    นายกฯ กล่าวว่า วาทกรรมที่ 3 ไม่มีที่ดิน ที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นต้องไปดูซิว่าบางคนเคยมีที่ดิน แต่ถูกสัญญาเอารัดเอาเปรียบ รัฐก็เร่งออกกฎหมายขายฝาก เพื่อขจัดจุดอ่อน ช่องว่างกฎหมายในอดีต รวมทั้งลดเงื่อนไขหนี้นอกระบบที่เป็นสาเหตุให้พี่น้องเกษตรกรต้องสูญเสียที่ดินทำกิน ต้องมาเช่าที่ดินเก่าของตนทำกิน
    เขากล่าวว่า บางคนก็ไม่เคยมีที่ดินเป็นของตนเอง  ไม่ว่าจะเป็นที่ดินทำกินหรืออยู่อาศัย รัฐบาลนี้ก็สร้างกลไกการทำงาน เช่น คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ธนาคารที่ดิน เพื่อจะกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม บางคนก็มีลูกหลานเยอะ ภาระครอบครัวก็มาก รัฐบาลก็พยายามอย่างยิ่ง จะเข้าไปดูแลให้ทั่วถึง รวมทั้งในเรื่องของการจัดหาที่อยู่อาศัยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อจะลดความเหลื่อมล้ำ
ไม่อยากจะโฆษณา
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วาทกรรมสุดท้าย ก็อาจจะมีคนพูดว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ปฏิรูปอะไรเพื่อใครเลย ก็ไม่อยากจะโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์มากนัก ทุกคนน่าจะพอทราบอยู่แล้วบ้าง ก็ต้องไปดูว่าใครได้อะไร ใครยังไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้จะต้องแก้ไขอะไร ปรับปรุงตัวเองอย่างไร รัฐบาลพยายามดูอย่างเต็มที่นะครับ ในหลายๆ มิติด้วยกัน
    ท่านติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่องหรือไม่ บางเรื่องท่านไม่รู้เลยว่ารัฐบาลเขาทำอย่างนี้อย่างนั้นไปแล้ว มีคนได้ประโยชน์ไปแล้ว เพราะท่านไม่ติดตาม เพราะฉะนั้นช่องทางที่ท่านติดตามข่าวสารที่เชื่อถือได้อยู่ตรงไหน
    นายกฯ อธิบายว่า ในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรดิน-น้ำของประเทศ ให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มีที่ดินทำกิน มีแหล่งน้ำไว้กินไว้ใช้ ไว้ปลูกพืช ตลอดทั้งปี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เช่น ทางราง ที่เราแทบจะไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมมาเป็นเวลากว่า 100 ปีมาแล้วที่เป็นรูปธรรม วันนี้เราเร่งสร้างรถไฟทางคู่ให้เป็นทางเลือกในการเดินทางของผู้มีรายได้น้อย  ช่วยลดการจราจรโดยเฉพาะช่วงเทศกาล ลดอุบัติเหตุได้ด้วย ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของประเทศอีกทางหนึ่ง 
    ที่สำคัญของทุกการปฏิรูปคือ การที่เราจะต้องแก้กฎหมายเดิม ออกกฎหมายใหม่ให้เป็นสากล สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน ซึ่งต้องผ่านการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนไปด้วย ตามมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญ 
    พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU), การบินพลเรือน (ICAO), การค้ามนุษย์ และการค้างาช้าง (CITES) ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายขายฝาก, กฎหมายไม้มีค่า ภาษีที่ดิน เหล่านี้เป็นต้น จะส่งผลกระทบกับเราทุกคน ในอนาคตในทางที่ดีขึ้น ก็เป็นธรรมดาที่ความสนใจของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ก็จะติดตามข่าวสารในสิ่งที่กระทบกับสิทธิของตนเองเป็นหลัก
    "ไม่ได้หมายความว่าบ้านเมืองของเรายังไม่มีการปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงเลย ต้องมองในภาพรวมไปด้วย ก็ขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลบ้าง ให้กำลังใจบ้างนะ   เราต้องดูแลคนทั้งประเทศและทุกมิติ ทุกปัญหานะครับ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เลวร้ายหมด
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ออกมาประกาศต่อหน้าซีอีโอ บริษัทต่างประเทศกว่า 400 คน ในงาน Forbes Global CEO conference ว่านายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหน้าตาคล้ายคนเดิม เพราะอาจจะยิ่งทำลายความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่ำอยู่แล้วให้ยิ่งต่ำลงไปอีก เพราะตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่านักลงทุนต่างประเทศไม่มีความมั่นใจในรัฐบาลนี้ 
    เขากล่าวว่า 4 ปีกว่าที่ผ่านมาไทยโตได้ต่ำมากเฉลี่ยเพียง 2% กว่าเท่านั้น เพิ่งจะมาฟื้นได้ปีนี้ที่ 4% กว่า ซึ่งก็ยังโตต่ำที่สุดในอาเซียน อีกทั้งมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยจะทรุดลงต่ออีกแล้ว จากการส่งออกที่ติดลบในเดือนกันยายนที่ 5.2% และมีแนวโน้มที่การส่งออกจะติดลบต่อถึงสิ้นปีจนถึงต้นปีหน้า ประกอบกับการที่ปริมาณนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน
       ดังนั้น จึงอยากขอให้ประชาชนได้ช่วยพิจารณาว่า รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้สร้างไว้หลายด้าน ทั้งการลงทุน การส่งออก การท่องเที่ยว ที่ลดลงหนัก การกระจายรายได้ที่รวยกระจุก จนกระจาย อีกทั้งการบริหารจัดการที่มีปัญหามาโดยตลอด หากเป็นรัฐบาลชุดเดิมคงไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้และเศรษฐกิจอาจทรุดหนักลงอีก
    นายนัจมุดดีน อูมา โฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวถึงโครงการไทยนิยมยั่งยืนว่า ไม่ได้ทำให้ประชาชนคลายความทุกข์ลง เพราะภาคใต้เกษตรคือรายได้หลัก และผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำลงจริงๆ ดังนั้นไม่ว่าโครงการจะลงมาอย่างไร ก็ไม่สามารถพบสิ่งที่ชาวบ้านเขาเดือดร้อนได้เลย การทำงานตรงนี้ต้องอาศัยคนที่มีความเป็นมืออาชีพมากจริงๆ วันนี้มีแต่แย่ลง ตอนที่เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศว่า 3 เดือนราคายางจะดีขึ้น แต่นี่ก็เลยเวลานั้นมาแล้วยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"