'เพื่อไทย' จะกลับมา ชนะเลือกตั้ง


เพิ่มเพื่อน    

'เพื่อไทย' จะชนะเลือกตั้ง

ในศึก 'เอา-ไม่เอาแบบ คสช.'

        พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะชนะการเลือกตั้งอีกครั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า ขณะนี้มีการจัดทัพใหญ่เลือกกรรมการบริหารพรรคไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นหัวหน้าพรรค และภูมิธรรม เวชยชัย เป็นเลขาธิการพรรค

ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขุนพลการเมืองคนสำคัญของทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่สมัยทักษิณยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม จากนั้นก็มาร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยและอยู่กับพรรคเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดย ภูมิธรรม-เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้พูดถึงความสัมพันธ์ทางการเมืองของนายทักษิณกับพรรคเพื่อไทย หลังมีการจับตามองกันมากว่าพรรคเพื่อไทยอาจถูกยุบในอนาคต ขณะเดียวกันก็แสดงความเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแน่นอน แต่ยังไม่สามารถบอกตัวเลขที่แน่ชัดว่าจะได้ ส.ส.ประมาณกี่คน พร้อมกับประเมินว่าการเลือกตั้งดังกล่าว จะเป็นการเลือกตั้งภายใต้บรรยากาศที่เป็นการต่อสู้กันว่า "จะเอาแบบ คสช.หรือจะไม่เอาแบบ คสช." คือหากพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ก็ให้เลือกฝ่ายรัฐบาล แต่หากไม่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ ต้องการได้รัฐบาลประชาธิปไตย ก็ให้เลือกฝ่ายเพื่อไทย 

        ภูมิธรรม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของเพื่อไทยก่อนเข้าสู่ศึกเลือกตั้ง หลังเขาประกาศ นักรบเพื่อไทยพร้อมแล้ว กลางที่ประชุมใหญ่พรรคหลังได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทยว่า วันนี้ บรรยากาศของนักการเมืองในพรรคการเมืองต่างๆ ผมคิดว่าเขาได้ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนมากพอสมควร วันนี้เขาอยากให้ระบบการเมืองมันเปิด เพราะจะทำให้การแก้ปัญหาสังคมเกิดขึ้นได้ง่ายและดีที่สุด เมื่อชีวิตประชาชนกำลังยากลำบาก เขาก็อยากอาสาตัวเองไปแก้ปัญหา ที่การทำก็ต้องมีการเปิดระบบให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น วันนี้บรรยากาศของสังคมเรียกร้องประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง

        สำหรับเรื่องจำนวน ส.ส.ที่คาดว่าจะได้รับหลังเลือกตั้ง ต้องรอดูหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นว่าเราจะมีส.ส.ได้ประมาณเท่าใด เพราะว่าตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้เต็มที่ หากเขาเปิดโอกาสให้เราไปสัมผัสประชาชน โดยได้รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน เราก็น่าจะประเมินออกมาได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมาก

...แต่ที่ประเมินเบื้องต้นในขณะนี้ คือมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนอยากให้เรากลับมาแก้ปัญหาที่เขารู้สึกว่ามันบั่นทอนและสร้างผลกระเทือนต่อชีวิตของเขา เกือบห้าปีที่ผ่านมาของรัฐบาลรัฐประหาร  มันยังไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาประชาชน ประชาชนยังรู้สึกว่าสังคมมีปัญหามากมาย และการแก้ปัญหาให้ดีขึ้นเขาเชื่อว่ารัฐบาลประชาธิปไตยน่าจะดีที่สุด และเราเคยเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่เคยมีผลงานพิสูจน์ให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการมองและแก้ปัญหา และเรามีบุคลากรที่มีนักบริหารมืออาชีพไม่น้อยที่จะมาบริหารทรัพยากรในบรรยากาศที่ประเทศเกิดวิกฤตการณ์ ผมก็เชื่อว่าประชาชนเชื่อมั่นเรา

“ขณะนี้ถ้าประเมินโดยส่วนตัว ผมก็คิดว่าเรามีความเป็นไปได้ที่เราน่าจะได้เป็นพรรคที่ได้อันดับหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เป็นความคาดหวังจากเฉพาะแค่ตัวผมเอง แต่ทุกๆ ฝ่ายก็เห็นว่าความเป็นพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย ที่ประสบความสำเร็จในการนำนโยบายมาแก้ปัญหาของประชาชน แล้วได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตลอดมาในการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา เราประสบชัยชนะที่ได้เสียง ส.ส.มาอันดับหนึ่งเป็นเสียงข้างมากของสภา ฉะนั้นเราก็ยังเชื่อว่าเราจะสามารถเป็นพรรคที่ได้เป็นอันดับหนึ่งที่จะชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้าอย่างแน่นอน

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปว่า ส่วนพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.หลังการเลือกตั้งมากขนาดไหน จะเพียงพอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงหลายอย่าง เพราะมีการดีไซน์รัฐธรรมนูญที่จะทำให้การเลือกตั้งแล้วได้พรรคเดียวเบ็ดเสร็จไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่าย แต่กระแสจากความนิยมและกระแสความไม่พอใจรัฐบาลมีมาก ดังนั้นอันนี้ก็ประมาทไม่ได้ เห็นได้จากยอดวิวมิวสิกวิดีโอ ประเทศกูมี ที่ไปถึงสิบกว่าล้านวิว ก็แสดงว่าเขารู้สึกว่าประเทศมีปัญหาอย่างที่เนื้อเพลงบอก หรือรู้สึกอย่างที่เพลงบอก ที่แสดงความรู้สึกอึดอัดในเรื่องราวต่างๆ ที่สะท้อนว่าสังคมนี้มีปัญหาหลายเรื่อง แล้วพอรัฐบาลมีปฏิกิริยาเหมือนกับว่าไม่ถูกไม่ควร ปฏิกิริยาของสังคมยิ่งอยากเข้าไปดู จนมียอดวิวถึงร่วม 18 ล้าน (ในวันสัมภาษณ์) ที่สะท้อนให้เห็นว่าคนจำนวนไม่น้อยกำลังรู้สึกว่าเพลงนี้บอกว่าสังคมประเทศนี้มีปัญหาแล้วระบายออกมา มันทำให้คนเขาสนใจอยากดู

เมื่อถามย้ำว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นภาพสะท้อนคนไม่พอใจรัฐบาล คสช.ได้หรือไม่  ภูมิธรรม ออกตัวว่า ผมยังไม่อาจกล้าสรุปว่าเป็นปรากฏการณ์ที่คนไม่พอใจรัฐบาล คสช. แต่อย่างน้อยที่สุดเป็นภาพสะท้อนว่าคนไม่พอใจกับสภาพที่เขาต้องเผชิญ เขารู้สึกคับข้องใจกับประเทศที่มีอาชญากรรมมากมาย เขากำลังบอกว่าเขากำลังเผชิญเรื่องคอร์รัปชัน ตรงนั้นก็เกิดตรงนี้ก็เกิด เขากำลังบอกว่าระบบอธิบายปัญหาในสังคมมันไม่มีตรรกะ ไม่เป็นเหตุเป็นผล เป็นการอธิบายที่เขารู้สึกว่าคนรุ่นเขา มันไม่ใช่  ไม่เป็นจริงอย่างที่เขาว่า เมื่อเขาเห็นต่างแบบนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยก็ต้องฟังและนำกลับมาทบทวน แต่เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันไม่ได้มาด้วยกลไกแบบประชาธิปไตย ความเข้าใจต่อเสียงสะท้อนของสังคมจึงเกิดความไม่เข้าใจ

-เชื่อมั่นหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง?

ผมคิดว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะเป็นคำตอบ เราเชื่อว่าเรายังอยู่ในความนิยมของประชาชน เราเชื่อว่าประสบการณ์ที่เราเคยมีอยู่ ประชาชนเขาเชื่อว่าเราเป็นพรรคที่มีศักยภาพในการคิดค้นนโยบายมาตอบโจทย์และแก้ปัญหาของเขาได้ เราเชื่อว่าประชาชนรู้ว่าเพื่อไทยคิดไปข้างหน้า มองเห็นอนาคตที่เปลี่ยนแปลงแล้วนำสิ่งเหล่านั้นมากำหนดเป็นนโยบาย

 ดังนั้นบนพื้นฐานที่มีอยู่และเราพิสูจน์ตัวเราเองมา ประชาชนจะยังให้ความไว้วางใจเราอยู่ ยิ่งถ้าสภาพสังคมปัจจุบันไม่ตอบโจทย์ประชาชน ถ้าประชาชนยังรู้สึกว่าชีวิตเขาแย่ แล้วเขาคิดว่าการมีรัฐบาลที่ไม่มีอุปสรรคอะไรมากีดกั้นการบริหารประเทศในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถตอบโจทย์เขาได้ ผมคิดว่าเขาโหยหารัฐบาลแบบประชาธิปไตยที่เคยทำงานและตอบโจทย์พวกเขาได้เป็นอย่างดี  สมมุติฐานแบบนี้จึงทำให้ผมเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างมาก ส่วนจะมากแค่ไหน จะเกินครึ่งหนึ่งอย่างไร ผมคิดว่าต้องรอดูผลการเลือกตั้ง

เมื่อถามความเห็นว่า บัตรเลือกตั้งใบเดียวที่มีการมองกันว่าอาจทำให้เพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยหรือได้ลดลง จะวิเคราะห์อย่างไร ภูมิธรรม-เลขาธิการพรรคเพื่อไทย วิเคราะห์เรื่องนี้ไว้ว่า ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับความไว้วางใจจากการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวมากขึ้น เพราะว่าถ้าดูคะแนนของเพื่อไทยในอดีตที่ผ่านมา จะพบว่าคะแนนของพรรค คะแนนปาร์ตี้ลิสต์จะสูงกว่าคะแนนตัวบุคคลของผู้สมัครอยู่เสมอในทุกเขตเลือกตั้ง อันนี้โดยเฉลี่ยส่วนใหญ่ ฉะนั้นผมเชื่อว่าคะแนนนิยมต่อพรรคเป็นพื้นฐานความนิยมในตัวบุคคลที่เป็นเรื่องตามมา เมื่อเป็นบัตรใบเดียวก็ทำให้เมื่อก่อนหน้านี้ที่คนมีโอกาส ที่ยังไงก็ไม่ทิ้งพรรค แต่ส่วนตัวบุคคลที่ยังมีความสัมพันธ์กัน เขาก็อาจแบ่งการตัดสินใจไปได้

...คะแนนครั้งนี้ที่จะออกมา คะแนนบุคคลจะเป็นรองคะแนนพรรค เพราะคะแนนพรรคสำคัญ หากเขาชอบพรรคเขาก็จะคิดว่าพรรคคือคำตอบของเขา พรรคกับบุคคลแตกต่างกันคือ ตัวบุคคลเป็นเรื่องความสัมพันธ์ตัวบุคคล ก็รู้สึกชื่นชมยินดีได้ แต่พรรคคือเขาเชื่อว่าพรรคมีศักยภาพ มีบุคลากรที่มีคุณภาพ

ดังนั้นโอกาสที่เขาจะตัดสินใจเลือก จะเลือกพรรคมากกว่าตัวบุคคล เมื่อเป็นเช่นนี้พรรคเพื่อไทยที่อยู่ในแถวหน้าๆ ของสังคมไทย เป็นพรรคอันดับหนึ่งที่มีฐานคะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุด ผมก็คิดว่าการเลือกตั้งที่ใช้บัตรใบเดียว จะเป็นการเลือกตั้งที่ให้ความสำคัญกับพรรค เมื่อให้ความสำคัญกับพรรค

ผมก็เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับความนิยมมาเป็นอันดับสูง ส่วนคะแนนนิยมมากจะไปแชร์ปาร์ตี้ลิสต์หรือพื้นที่ อันนี้ขึ้นอยู่กับระบบการเลือกตั้งที่ต้องไปดูผลจากการเลือกตั้งแต่ละพื้นที่ มันขึ้นอยู่กับผลการคำนวณคณิตศาสตร์ทางการเมือง ถ้าโดยรวมการเลือกตั้งแบบนี้ พรรคจะมีน้ำหนักในการตัดสินใจของคนที่มีมากกว่าตัวบุคคล

-แคมเปญที่จะชูตอนช่วงเลือกตั้งเป็นเรื่องใด ประชาธิปไตย ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา คสช. หรือเรื่องการเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก?

ปัญหาสำคัญวันนี้ของประชาชนทั้งประเทศ คือความรู้สึกว่าตัวเองขาดโอกาส หรือชีวิตทางเศรษฐกิจของตัวเองไม่ดีเพียงพอ ส่วนเรื่องประชาธิปไตยจริงๆ มันแยกกันไม่ออก เพราะความเป็นประชาธิปไตยในสังคมจะมีความหมายเมื่อความเป็นประชาธิปไตยนั้นเป็นเครื่องมือที่จะหาทางออกให้กับทางรอดทางเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จในการทำนโยบาย ที่ผ่านมาที่ไปแก้ปัญหาประชาชนเป็นการทำงานภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยจะเปิดโอกาสให้การระดมความเห็นในการแก้ไขวิกฤติทางสังคมมีความกว้างขวาง

การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกตั้งที่จะเอาแบบรัฐบาลปัจจุบันหรือจะเอาแบบรัฐบาลใหม่ที่เป็นรัฐบาลแบบประชาธิปไตย จะเอาการบริหารงานแบบอำนาจนิยมที่เป็นอยู่ หรือจะเอาแบบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ จะเอารัฐบาลที่บริหารโดยข้าราชการประจำหรือฝ่ายทหารซึ่งไม่ได้มีประสบการณ์การบริหารประเทศมากเท่าใด หรือจะเอารัฐบาลที่บริหารประเทศโดยมืออาชีพ

“ผมคิดว่างวดหน้าจะเป็นการเลือกระหว่างจะเอาแบบรัฐบาล คสช.ที่อยู่ในอำนาจมา 4-5 ปี  ที่บริหารแบบนี้ เป็นอำนาจนิยมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือจะเอารัฐบาลแบบประชาธิปไตย แบบสมัยเพื่อไทย ก็คือสู้กันว่าจะเอาแบบ คสช.หรือจะไม่เอาแบบ คสช. หากคิดว่าห้าปีที่อยู่กับคสช.มามีความสุข เขาก็คงเลือกแบบรัฐบาล คสช. แต่หากคิดว่าห้าปีที่ผ่านมา อยู่กับรัฐบาลคสช.มา ไม่มีความสุข ชีวิตแย่ คนก็อยากเปลี่ยนแปลง หาสิ่งใหม่ๆ  ผมเชื่อว่าคนอยากเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากให้ผมประเมินบรรยากาศก็คงประเมินแบบนี้”

ถามว่าแต่บางพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือแกนนำพรรคภูมิใจไทยบางคน ก็บอกว่าจะไม่เอาพรรคเข้าไปอยู่ในการแบ่งขั้วการเมืองสองฝ่ายแบบที่บอกตอนหาเสียง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ตอบว่า ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะเสนออย่างอื่นได้ ก็มีแต่ว่าใครประเมินประชาชนตรงกว่ากัน ถ้าอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนเป็นแบบนี้ ผมเสนอแบบนี้ ผมก็ถูกใจประชาชน ประชาชนก็เลือกผม

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังตอบข้อซักถามกรณีอดีต ส.ส.อีสานซักถามในที่ประชุมภาคอีสานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พรรคเพื่อไทยมีการตั้งพรรคเครือข่ายอย่างพรรคเพื่อธรรม เพื่อชาติ ที่กำลังทำให้ประชาชนในพื้นที่สับสนว่า ไม่ขอพูดถึงพรรคการเมืองอื่น แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย เราเป็นพรรคที่มีความเข้มแข็ง เรามีจุดยืนและอุดมการณ์ของเรา เราเชื่อมั่นในประสบการณ์ผลงานของพรรคที่ทำงานกับประชาชน ผมได้บอกกับสมาชิกพรรคของเราว่า ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องวอกแวก เดินหน้าในพรรคเพื่อไทยที่คุณสังกัดอยู่ ให้สวมเสื้อพรรคเพื่อไทยแล้วเดินหน้าไปพบประชาชน แล้วให้ประชาชนตัดสิน  พรรคเพื่อไทยไม่มีเหตุผลต้องไปโยงกับพรรคอื่น เพื่อไทยมีเกียรติภูมิของตัวเอง มีผลงานที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับของประชาชนจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องไปว่อกแว่ก

-คนก็มองว่าคุณทักษิณมีบทบาทในเพื่อไทย ยิ่งกฎหมายพรรคการเมืองสามารถเอาผิดคนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้วมาแทรกแซงพรรคได้?

ตัวท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคลากรทางการเมือง แล้วท่านก็มีบทบาทโดดเด่นอยู่บนเวทีของโลก โดยในความเป็นจริงประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมีมากกว่าประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย  วัฒนธรรมการเมืองของโลกก็เห็นว่าการแสดงความเห็นของคนด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ไปให้ร้ายใคร จึงเป็นการแสดงความเห็นโดยบริสุทธิ์ เขาสามารถวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นได้ การแสดงความเห็นของท่านทักษิณก็สามารถทำได้ ส่วนพรรคเพื่อไทยเองก็ระมัดระวัง แม้ว่าจะมีข้อกฎหมายจำนวนมากที่เราไม่เห็นด้วย และยังมีปัญหาการตีความซึ่งจะนำไปสู่ความไม่ชัดเจนในการปฏิบัติ ทำให้ระบบประชาธิปไตยมีผลกระทบกระเทือน เราก็ยังยึดถือกฎหมาย เราจึงมีความระมัดระวังตรงนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะมาบอกว่าเพื่อไทยเราถูกครอบงำจากบุคคลภายนอกพรรคหรือใครก็ตาม เราจึงเห็นว่าเราไม่ได้มีปัญหาที่จะถูกยุบพรรค

-คนก็ยังวิจารณ์ว่าเพื่อไทยคือพรรคของคุณทักษิณ พรรคชินวัตร จนถูกมองว่าเป็นแบรนด์พรรค?

พรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นโดยที่ท่านทักษิณมีส่วนเป็น founder เป็นความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ท่านทักษิณและบุคลากรอีกจำนวนหนึ่งมีความคิดคล้ายๆ กัน คือความคิดที่อยากเห็นสังคมไทยเป็นประชาธิปไตย แล้วใช้เครื่องมือประชาธิปไตยแก้ปัญหาประชาชน

ท่านทักษิณและบุคลากรของเพื่อไทยล้วนมีปรัชญาความคิดที่เหมือนกันจึงมาตั้งพรรค เราไม่อาจลบอดีตและประวัติศาสตร์ของเราได้ ตรงกันข้ามเรายังภาคภูมิใจกับอดีตและประวัติศาสตร์ของเราด้วยซ้ำ ความเกี่ยวพันตรงนี้ แล้วบอกและมองว่าท่านทักษิณมีส่วนเป็นคนของพรรคนี้ก็เป็นจริง เพราะท่านมีส่วนเป็น founder ก่อตั้งพรรคขึ้นมา มาถึงวันนี้ท่านได้เปลี่ยนสถานะ ไม่ได้อยู่ประเทศไทยแล้ว  แล้วเราก็ทำงานการเมืองต่อไปโดยยังยึดมั่นปรัชญาความคิดอย่างที่เรายึดถือ ในเมื่อเรามั่นใจ ยึดถือตรงนี้เป็นแนวทาง ท่านจะกล่าวหาว่าเราเป็นอะไร เป็นของใคร ก็เป็นเรื่องของท่านนั้นๆ จะมองเข้ามา แต่สำหรับเราประชาชนคือสิ่งสำคัญที่สุดของเรา แต่จะวิจารณ์อย่างไรก็วิจารณ์กันไป แต่สิ่งที่เราภาคภูมิใจคือเราเป็นพรรคที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ถามย้ำว่ายังเชื่อไหมว่ายังมีความพยายามจะยุบพรรคเพื่อไทยอยู่ ภูมิธรรม ตอบว่า ผมไม่สามารถจะไปพูดแบบนั้นได้ แต่ว่าที่ผ่านมาการยุบพรรคเราเหตุผลมันน้อยเกินไป อย่างเช่นตอนยุบครั้งแรกไทยรักไทยด้วยข้อกล่าวหาว่าเราไปจ้างพรรคเล็ก มีการยุบพรรค ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 111 คน แต่หลังจากนั้นมา 5 ปี คดีถูกยกฟ้องหาผู้ผิดไม่ได้ แสดงว่าไทยรักไทยถูกยุบฟรี กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ฟรี จากประสบการณ์ของเราทั้งสองครั้ง ทำให้เราก็รู้สึกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะการใช้ดุลยพินิจสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจจะมีความแตกต่างกันไป.

 

สเปก 3 ชื่อแคนดิเดตนายกฯ?

เราเป็นพรรคของมวลชน

       ภูมิธรรม-เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงทิศทางของพรรคเพื่อไทยต่อจากนี้ โดยลำดับแรกได้พูดถึงการเข้ามาบริหารงานพรรคของกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันว่า ทิศทางพรรคถึงตอนนี้ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการให้ทำกิจกรรมการเมืองได้มากน้อยแค่ไหน สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ ให้เราสามารถรับสมัครสมาชิกพรรคได้ หลังก่อนหน้านี้ที่มีการทำให้เกิดกระบวนการรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง ผลการรีเซตดังกล่าวทำให้พรรคเพื่อไทยเหลือสมาชิกพรรคค่อนข้างน้อย โดยหายไปร่วมหลักหมื่น-แสนคน โดยเดิมสมัยเป็นพรรคไทยรักไทยเรามีสมาชิกพรรคร่วม 14 ล้านคน ต่อมาเมื่อเราถูกยุบพรรคไทยรักไทย ก็เหลือประมาณไม่ถึงสิบล้าน ส่วนในยุคเพื่อไทยก็เป็นหลักแสน ก็เหลือสมาชิกอยู่ไม่มาก

พรรคก็รู้สึกว่าการมีสมาชิกพรรคเหลืออยู่มาก ก็จะยิ่งเป็นปัญหา เพราะเราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์การเมืองต่อไปจะเป็นอย่างไร ในช่วงที่มีการรัฐประหาร พรรคไม่ได้ขยายฐานสมาชิก เพราะทำกิจกรรมการเมืองอะไรไม่ได้ เช่น รับเงินบริจาค หาสมาชิกไม่ได้ ก็ลำบากไปหมด ก็ทำให้เหลือสมาชิกไม่ถึงหมื่นคน จากยอดล่าสุดเมื่อ 30 เมษายน 2561 จึงมีความจำเป็นต้องหาสมาชิกพรรค เพราะจากเดิมที่กฎหมายพรรคการเมืองให้ทำไพรมารีโหวต แต่เมื่อมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ยกเลิก แล้วให้ใช้ระบบตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ที่จะต้องไปหาสมาชิกให้ได้อย่างน้อย 100 คนใน 1 จังหวัด ก็ประมาณ 7,700 คน แต่ทางพรรคจะทำให้ได้จังหวัดละ 150 คน เพราะเราก็ไม่ทราบว่าสมาชิกแต่ละคน คุณสมบติต่างๆ จะครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ เพราะคุณสมบัติของสมาชิกพรรคการเมือง คุณสมบัติสูงพอๆ กับผู้ลงสมัคร ส.ส.

...เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ก็ให้ได้จังหวัดละอย่างน้อย 150 คน เผื่อว่าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไร ก็จะได้เข้าองค์ประกอบสมาชิกพรรคที่จะเลือกตัวแทนสาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคประจำจังหวัดได้

...จากนั้นก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราได้เรียกร้องมาตลอดให้ คสช.ปลดล็อกเพื่อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทำหน้าที่ในฐานะสถาบันทางการเมืองอย่างถูกต้อง เพราะขณะนี้กำลังใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว ที่ก็เหมือนกับกำลังเข้าสู่สภาวะปกติที่จะเรียกความเชื่อมั่นของสังคมกลับคืนมา เพราะตอนนี้หลายเรื่อง คสช.ยังคุมอยู่ เลยทำให้พรรคก็ยังวางเรื่องต่างๆ เช่น ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ก็ยังทำไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

-ในฐานะเลขาธิการพรรค จะบอกกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่าทำไม หัวหน้าพรรคต้องเป็น พล.ต.ท.วิโรจน์?

กรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการก่อนหน้านี้ ก็คือกรรมการบริหารพรรคที่เคยได้เลือกจากสมาชิกพรรค ให้ทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรคมาตั้งแต่ปี 2555 เพียงแต่ว่ามีรัฐประหารเกิดขึ้น ทำให้กรรมการบริหารพรรคยุติบทบาทไป อีกทั้งต่อมา หัวหน้าพรรค (จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ) ลาออกไป ทำให้กรรมการบริหารพรรคทั้งหมดต้องพ้นไป อีกทั้งอยู่ในช่วงรัฐประหาร ที่ไม่เปิดโอกาสให้มีการเลือกกรรมการชุดใหม่เข้ามา ก็ทำให้กรรมการบริหารพรรคชุดปี 2555 ก็รักษาการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แล้วเมื่อมีการเลือกกรรมการชุดก่อนหน้านี้เข้ามาทำหน้าที่ต่อไปก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะแต่ละคนก็เป็นบุคลากรคุณภาพที่จะสานงานต่างๆ ต่อไปได้ โดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองขณะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนของการเมืองไทยและพรรคเพื่อไทยด้วย ดังนั้นการที่ทางที่ประชุมใหญ่เมื่อ 28 ต.ค. สมาชิกได้เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดก่อนหน้านี้เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ และเพิ่มเติมรายชื่อบางตำแหน่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

...หัวหน้าพรรค ท่าน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ก็เคยเป็นถึงอดีตรองนายกฯ อดีต รมช.มหาดไทย ส่วนรองหัวหน้าพรรคต่างๆ เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็เคยเป็นถึงอดีตรองนายกฯ อดีต รมว.คลัง อดีต รมว.พาณิชย์ ท่านปลอดประสพ สุรัสวดี ก็เคยเป็นอดีตรองนายกฯ อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อดีตปลัด ก.ทรัพยากรฯ อดีตอธิบดีเกือบทุกกรมในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณเกรียง กัลป์ตินันท์ ก็อดีต ส.ส.หลายสมัย มีประสบการณ์การเมืองมาต่อเนื่อง ส่วนคนที่เข้ามาใหม่อยางท่าน พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ ก็เป็นอดีตจเรตำรวจ ถือว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

...ส่วนผม ก็อยู่กับไทยรักไทยมาตั้งแต่ต้น ก็เข้าใจกลไกการทำงานและวัฒนธรรมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เพราะอยู่กับพรรคมาต่อเนื่องตลอด ส่วนรองเลขาธิการพรรค ส่วนใหญ่ก็เป็นรองเลขาฯ ชุดเดิมหมด ไม่ว่าจะเป็นดนุพร ปุณณกันต์ น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ และท่านธวัชชัย สุทธิบงกช ส่วนรองเลขาธิการพรรคที่เข้ามาใหม่ก็มี ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ก็จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ เคยสอนหนังสืออยู่ในต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกา แล้วมารับราชการ ต่อมาสนใจอยากมาทำงานการเมือง ก็มาอาสา มาเป็นผู้ช่วยทำงานการเมืองให้กับผม ก็ทำงานในพรรคมาร่วม 4 ปี

ดังนั้นกรรมการบริหารพรรคก็มีส่วนผสม ทั้งคนที่เคยทำงานในพรรคมาตลอด และคนใหม่อย่างโฆษกพรรค คุณลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ก็มีประสบการณ์เป็นทั้งอดีตรัฐมนตรี อดีตคนทำงานสื่อ นอกจากนี้ กรรมการบริหารพรรคที่เข้ามาใหม่คือ ท่านพิทยา พุกกะมาน ก็เป็นอดีตเอกอัครราชทูต ขณะที่ นายปรีชา ธนานันท์ ก็เป็นอดีตรองประธานศาลฎีกา

การเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันเข้ามา ก็เป็นการเลือกจากคนที่มีประสบการณ์เดิมที่สมาชิกเคยไว้วางใจ เคยเห็นเป็นตัวจริง แต่เขายังไม่เคยได้ทำหน้าที่แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย เพราะถูกการเมืองตัดตอนเวลาไป การที่เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมเข้ามา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับในศักยภาพ ความสามารถ กรรมการบริหารพรรคชุดนี้จะทำหน้าที่บริหารจัดการพรรคไปได้อย่างดีที่สุดและเป็นชุดที่น่าจะเหมาะสมที่สุดกับการทำหน้าที่ในปัจจุบันให้เดินหน้าต่อไป

ถามถึงเสียงวิจารณ์ ว่ารายชื่อทั้งหมดเป็นไปตามโผที่มีมาตลอด มีการมองกันว่า เป็นการตั้งเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แจงว่า ผมก็ยังไม่เห็นว่ากรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจะมาตอบโจทย์แก้ไขความขัดแย้งอะไร เพราะกรรมการชุดนี้มาก่อนที่จะมีข่าวเรื่องความขัดแย้ง ก็แสดงว่ามีความเหมาะสมอยู่ และตอนเข้ามาก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ ยังไม่ได้ใช้ศักยภาพให้เต็มที่ และช่วงรักษาการเกือบ 5 ปี ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะ คสช.ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง

หัวใจสำคัญคือกรรมการชุดนี้เป็นชุดที่มีคุณภาพและได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจในการนำพาพรรค อีกทั้งกรรมการชุดรักษาการก็ถูกเลือกเข้ามาในยามที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลด้วยซ้ำไป ก็ทำหน้าที่ต่อเนื่องมาในช่วงประเทศมีวิกฤติการเมือง ซึ่งกรรมการก็สามารถรับมือกับวิกฤติการเมืองได้ดี จึงไม่ได้เป็นอย่างที่บางคนตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกต เพราะเราเลือกกรรมการบริหารพรรคที่มีคุณภาพ ทำงานได้ต่อเนื่อง ในขณะนี้การมีความขัดแย้งใดๆ ในสังคมของพรรคเราก็ยังเป็นเรื่องที่คนภายนอกมอง ผมเอง ผมอยู่ข้างใน ผมยังไม่ได้รู้สึกว่าสังคมของพรรคเพื่อไทยมีความขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้น

 ความเห็นต่างทางการเมืองมีทุกพรรค ไม่ใช่มีเฉพาะพรรคเพื่อไทย อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็มีกลุ่มคนที่เห็นไปอีกอย่าง พรรคเพื่อไทยก็มี ความเห็นต่างในพรรคการเมืองจึงไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่ความเห็นต่างในพรรคการเมืองคือมุมมองที่ต่างกันในการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแง่มุมที่ไม่เหมือนกัน แล้วในพรรคก็เป็นประชาธิปไตย ผมจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ในพรรคเราไม่ได้มีความขัดแย้งที่มากมายรุนแรงอะไร

-บทบาทกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะในช่วงศึกเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร มีข่าวว่าจะทำแบบเซฟตี้โซน คือจะไม่ให้ลง ส.ส.เขต จะให้ลงปาร์ตี้ลิสต์หมด เพื่อป้องกันการถูกเอาผิดยุบพรรค?

เรื่องเซฟตี้โซนก็มีการพูดกันไป แต่เรื่องยังไม่เคยออกมาจากปากกรรมการบริหารพรรคเรา การพูดเรื่องเซฟตี้โซน คงพูดจากความหวั่นวิตกจากการที่สังคม อันนี้คือสังคมไม่ได้หมายถึงเพื่อไทย คือสังคมไทยอาจวิตกว่า จากที่รัฐธรรมนูญมีเงื่อนไขที่หลายคนวิจารณ์ว่าแทนที่จะเอื้อให้พรรคการเมืองได้แสดงบทบาทได้เต็มที่ แต่ รธน.กลับไปสร้างข้อจำกัด-เงื่อนไขให้กับพรรคการเมืองค่อนข้างมาก พรรคการเมืองจะทำอะไร ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ต้องดูว่าจะมีข้อกฎหมายพิเศษที่จะนำไปสู่การมีปัญหาได้ ฉะนั้น ความไม่ปกติมันไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง แต่อยู่ที่ระบบที่ถูกดีไซน์ขึ้นมาเพื่อให้มันมีปัญหา เช่น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ผิดไปจากนี้ ไม่ทำตาม สามารถล้มรัฐบาลได้ หรือการดำเนินการเรื่องการให้คนนอกมาครอบงำพรรคการเมือง ที่ไม่ได้เขียนให้แน่ชัดว่า ที่บอกว่าครอบงำคือแค่ไหน ใครมีอิทธิพลต่อพรรค สามารถครอบงำแล้วจะมาให้ยุบพรรคได้ หากเราบอกว่าเราชื่นชมรัฐบุรุษของต่างประเทศของโลก แล้วเราจะนำแนวคิดต่างๆ เหล่านั้นมาใช้เป็นธงนำในการบริหารประเทศ หากมาดูตามข้อกฎหมายแบบนี้คือครอบงำหรือไม่ ก็เป็นปัญหา ผมคิดว่ามันเกิดจากการออกแบบ รธน.ที่ไม่ปกติแล้วสร้างกฎเกณฑ์กติกาที่มองทุกอย่างคือปัญหาไปหมด ไม่มีการวางกติกาที่เป็นประชาธิปไตย

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้แจงเรื่องบทบาทของกรรมการบริหารพรรคกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยที่มี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานว่า กรรมการบริหารพรรคมีภารกิจหลายเรื่อง เช่น ภารกิจด้านนโยบายพรรค การทำกิจกรรมทางการเมือง การกำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมือง และตอนนี้ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จึงมีภารกิจในการสร้างกองอำนวยการเลือกตั้งเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง แต่เมื่อพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งยังไม่ประกาศใช้ การตั้งกองอำนวยการเลือกตั้งจึงยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่พรรคก็ต้องมีการเตรียมการ เพราะตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์พิเศษ

การตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขึ้นมาก็เป็นการมอบภารกิจความไว้วางใจให้คุณหญิงสุดารัตน์ ที่จะมีบทบาทในการกำหนดยุทธศาสตร์การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ ให้มารับผิดชอบการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นว่าจะวางไปอย่างไร แต่ภารกิจของพรรคการเมืองยังมีอีกหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องการเลือกตั้งอย่างเดียว จึงต้องแยกบทบาทการทำงาน คุณหญิงสุดารัตน์ก็ทำหน้าที่ในเรื่องกรรมการด้านการเตรียมการเลือกตั้ง การวางยุทธศาสตร์ว่าจะชนะการเลือกตั้งอย่างไร ที่จะมีการทำงานในรูปของกรรมการ แต่ประธานก็ทำหน้าที่เหมือนผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ คอยประสานงานและดึงเอาทรัพยากรทุกอย่างของพรรคมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ภูมิธรรม-ที่เป็นกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยที่มีด้วยกัน 11 คน กล่าวถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาส่งคนลงเลือกตั้งของเพื่อไทยทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ว่า ผมก็เชื่อว่าทุกพรรคการเมือง เวลาเลือกตัวแทนที่จะส่งไปลงสมัคร ส.ส. ก็ต้องเลือกคนที่ตอบโจทย์ประชาชนที่สุด พรรคก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน เข้าใจปัญหาของประชาชน การเสนอคนของเรา ถ้าเสนอคนลง ส.ส.เขตทั้ง 350 เขต ก็ต้องเป็นคนที่มีคุณภาพ ถึงลูกถึงคน เข้ากับประชาชนในเขตเลือกตั้งได้ เป็นตัวแทนพรรคไประดมความเห็นรับฟังปัญหาประชาชนได้ เป็นสะพานเชื่อมระหว่างพรรคกับประชาชน

ส่วนปาร์ตี้ลิสต์ก็ต้องเป็นคนที่มีความรู้ในวิชาชีพต่างๆ มีทักษะความสามารถที่จะแปลงปัญหา ความต้องการต่างๆ มาทำนโยบาย และก็ต้องเป็นนักบริหารมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์การบริหาร ผมคิดว่าคนของพรรคเพื่อไทยเรามีความรู้ความเข้าใจด้านต่างๆ ครบถ้วน หน้าที่ของกรรมการในการคัดสรรผู้สมัครต่างๆ ก็จะคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติตามที่บอก 

ส่วนหากพื้นที่เลือกตั้งใด มีผู้ขอลงสมัครกันหลายคน เช่น ภาคอีสาน เหนือ การพิจารณาจะเป็นอย่างไร ภูมิธรรม บอกว่า หากเป็นอดีต ส.ส.เพื่อไทยมาก่อนก็ถือว่าเขามีแต้มต่อ เพราะการที่เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของเพื่อไทยมาแล้วในอดีต ก็แสดงว่าได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกของพรรคมาแล้วระดับหนึ่ง และการที่เขาไปลงสมัครจนได้รับเลือกเป็น ส.ส.ก็ถือเป็นแต้มต่ออีกแต้มหนึ่ง เพราะแสดงว่าเขาก็มีอะไรดีพอสมควรจนประชาชนเลือกเข้าไปเป็น ส.ส.

...ในความเป็นจริงก็ต้องดูว่า หากเป็นอดีต ส.ส.แล้วยังทำหน้าที่ได้ ไม่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม ก็ควรเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส.ของเรา หากเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้มีเสียงสะท้อนจากประชาชนว่าไม่อยากต้อนรับ พรรคก็จะเลือกคนเหล่านั้นเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส.ของเพื่อไทย แต่ถ้าที่ใดมีความซ้ำซ้อน มีการทับซ้อน มีคนอยากลงหลายคนในพื้นที่เดียวกัน ก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบกลุ่มวิชาชีพต่างๆ วิธีคิดต่างๆ ว่าคิดอย่างไร แต่หากสุดท้ายตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีการทำโพลเพื่อให้ประชาชนตัดสินว่าใครที่จะตอบโจทย์ประชาชนได้มากที่สุด

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงเรื่องรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 3 รายชื่อของเพื่อไทยที่จะประกาศตอนหาเสียงด้วยว่า ยังไม่ใช่เวลาตอบตอนนี้ เพราะกฎหมายให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อได้ในช่วงมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ส.ส.ออกมาแล้ว วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องไปเลือก เพราะการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นช่วงไหนก็ยังไม่ทราบ แต่ก็เดาว่าถ้าเกิด การเลือกตั้งเกิดขึ้นช่วง 24 ก.พ.2562 พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งก็จะออกมาช่วงกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป เมื่อถึงเวลาใกล้ๆ การคิดกันของสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพื่อเลือกตัวแทนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ก็อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงนั้น

จุดสำคัญอยู่ที่ว่า ในขณะนั้นสังคมไทยเรามีปัญหาอะไร เราต้องการผู้นำแบบไหน เราต้องการผู้นำที่เป็นนักกฎหมาย หรือว่าเราต้องการผู้นำที่เป็นนักบริหาร นักวิชาการ หรือผู้นำที่มีลักษณะสัมพันธ์กับมวลชน ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเลือกคนที่มีคุณสมบัติแบบไหนที่จะเหมาะสมที่สุดที่จะมาทำหน้าที่เป็นรัฐบาล

-ใน 3 ชื่ออาจจะมีลักษณะหลากหลาย เช่น นักกฎหมาย คนที่เก่งเรื่องเศรษฐกิจ หรือว่าทั้ง 3 คนจะเป็นแบบเดียวกันหมด?

ก็แล้วแต่สภาพสังคมขณะนั้นว่าเรียกร้องต้องการอะไร ถ้าสังคมบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย มีแต่เรื่องเศรษฐกิจเรื่องเดียว เราก็อาจต้องส่ง ก็ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาในขณะนั้นของสังคมไทยอยู่ที่ตรงไหนตามที่เราได้วิเคราะห์ ขณะเดียวกันก็ฟังเสียงประชาชนว่ามองอย่างไร อยากได้ผู้นำแบบไหนมาบริหารประเทศ เราก็มีหน้าที่จะนำเสนอบุคลากรที่เหมาะสมกับสถานการณ์ให้ประชาชนได้เลือก

ตั้งคำถาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถึงเสียงวิจารณ์ว่า พรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคใหญ่ ควรมีพัฒนาการไปสู่การเป็นพรรคของมวลชนได้แล้ว โดยเขายืนยันว่าเพื่อไทยเป็นพรรคของมวลชนอยู่แล้ว หากเราไม่มีฐานมวลชนสนับสนุน เราก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้มาถึงวันนี้ ส่วนองคาพยพและกลไกภายในพรรคที่จะทำให้ประชาชนมาร่วมกับพรรคมากขึ้น มันจะค่อยเป็นค่อยไปตามพัฒนาการ มันไม่ได้มีปัญหาที่ตัวพรรคเพื่อไทย แต่มันมีปัญหาที่กลไกของระบบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมืองที่ไม่เอื้อให้มันเกิดขึ้น

 เราเป็นพรรคเดียวที่เคยมีสมาชิกถึง 14 ล้านคน จะมีพรรคไหนที่มีสมาชิกพรรคมากเหมือนเพื่อไทย เราเป็นพรรคที่มีกลไกการทำนโยบายที่ใช้กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน เราจึงเป็นพรรคที่มีฐานมวลชนอยู่แล้ว เพียงแต่เราเป็นพรรคที่ไม่ได้มีโอกาสทำงานต่อเนื่องตลอด ถูกยุบพรรคมากที่สุด 2 ครั้งแล้ว ครั้งที่ 3 ก็ปล่อยข่าวลือกันเต็มไปหมด เราจึงเป็นพรรคที่มีฐานเป็นพรรคมวลชน ที่มีมวลชนสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา

-เพื่อไทยจะพัฒนาการพรรคไปถึงวันที่สมาชิกพรรคมีโอกาสร่วมออกเสียงเลือกหัวหน้าพรรคผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อไทยจะไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่?

เพื่อไทยไปถึงจุดนั้นได้แน่นอน ขออย่างเดียวอย่ามาเที่ยวคิดกลวิธีที่พิสดารมายุบพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคการเมืองต้องการความต่อเนื่องแล้วก็จะมีพัฒนาการความต่อเนื่อง ความเป็นสถาบันพรรคการเมืองต้องการความต่อเนื่องและการมีส่วนร่วมของประชาชน หากรัฐประหารแล้วมาตัดตอนประชาชน มันก็ขาดความต่อเนื่อง ความไม่ต่อเนื่องมันไม่ได้เกิดจากตัวพรรคเพื่อไทย แต่เพราะผู้มีอำนาจในยุคใดยุคหนึ่งได้กระทำการใช้อำนาจนอกระบบมาตัดตอนระบบการเมืองไม่ให้มีพัฒนาการที่ต่อเนื่อง.

 

งวดหน้าจะเป็นการเลือกระหว่างจะเอาแบบรัฐบาล คสช.ที่อยู่ในอำนาจมา 4-5 ปี ที่บริหารแบบนี้ เป็นอำนาจนิยมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือจะเอารัฐบาลแบบประชาธิปไตย แบบสมัยเพื่อไทย ก็คือสู้กันว่าจะเอาแบบ คสช.หรือจะไม่เอาแบบ คสช.

 

พรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นโดยที่ท่านทักษิณมีส่วนเป็น founder เป็นความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้...เราไม่อาจลบอดีตและประวัติศาสตร์ของเราได้ ตรงกันข้ามเรายังภาคภูมิใจกับอดีตและประวัติศาสตร์ของเราด้วยซ้ำ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"