ปัญหาของการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย


เพิ่มเพื่อน    

        อ่านบทกลอนชื่อว่า เสริมมงคล ของ เฉินซัน ในคอลัมน์ถูกทุกข้อ ของ ไทยโพสต์ ฉบับวันวานแล้ว...ต้องเรียกว่าแทบหงายหลังตกเตียง ตกเก้าอี้ อะไรมันจะแสบเสียว แสบสัน ไปได้ถึงปานนั้น ใครที่เอาแต่อ่าน ไทยโพสต์ ออนไลน์ ไม่ได้มีโอกาสอ่านบทกลอนในหน้ากระดาษชิ้นเยี่ยม ชิ้นนี้ คงต้องรีบขวนขวายไปหามาอ่านโดยพลัน...

                                  -----------------------------------------------

        คือจริงๆ อย่างที่ เฉินซัน เขาได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ตั้งแต่วรรคแรก ท่อนแรก ของบทกลอนชิ้นนี้นั่นแหละว่า...ร้านชื่อดีมีชัยก็ไม่เข้า-ดันเลือกร้านยายเป้ากระเด้าหม้อ การเปิดตัว เปิดผ้าม่านกั้ง ของคุณ เจ๊สุดาหน่อย ในฐานะประธานยุทธส่ง ยุทธศาสตร์อะไรก็ไม่รู้ของพรรคเผาไทยเขา ที่จังหวัดโคราชเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มาถึงจังหวะนี้...เลยทำท่าว่าน่าจะตะกุก ตะกัก กระฉึ่ก กระฉั่ก อยู่พอสมควร ชนิดถึงกับถูกหน้าหนึ่ง ไทยโพสต์ เขาเอาไปพาดหัวตัวเบ้อเล่ง ประมาณว่า ทิ้ง พ.ท.-หนีเจ๊หน่อย เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                   -----------------------------------------------

        ก็เอาเป็นว่า...จะจริง-ไม่จริง ทิ้ง-ไม่ทิ้ง คงต้องไปสำรวจ ตรวจสอบ กันเอาเองก็แล้วกัน แต่มาถึง ณ ขณะนี้ คงต้องยอมรับว่ายุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ประเภท แตกแบงก์พันให้กลายเป็นแบงก์ร้อย เพื่อรับมือกับกลไกรัฐธรรมนูญ ที่อาจารย์ มีชัย ท่านออกแบบ ดีไซน์ เอาไว้ดักรอพวกเขี้ยวลากดิน เกล็ดแตกลายงา มีปีก มีหาง กันโดยเฉพาะ ไปๆ-มาๆ...มันจะเวิร์ก-ไม่เวิร์ก นำไปสู่ความวิลิศมาหรา หรือนำไปสู่ความวินาศ วอดวาย ก็ยังมิอาจสรุปได้...

                                   ------------------------------------------------

        คือถึงแม้การ แตก ในลักษณะนี้...มันอาจช่วยให้เกิดการเพิ่มจำนวน ส.ส.สัดส่วน ที่ถูก ปิดปลาย เอาไว้แบบ 2 ชั้น 3 ชั้น หรือทำให้การคิดคำนวณ เทียบบัญญัติไตรยางศ์ 70,000 เสียง ต่อ 1 เก้าอี้ ส.ส.สัดส่วน เกิดรูเปิด หรือรูโหว่ ขึ้นมาได้มั่ง ชนิดเมื่อนำเอา เผา ต่างๆ มาคิดรวมกันเบ็ดเสร็จเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว จำนวน พวกของเราด้วยกันทั้งนั้น มันอาจเพิ่มระดับขึ้นไปเป็น 200 หรือ 200 ขึ้นได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แต่ก็อย่างว่า...ในบรรดาพรรคต่างๆ หรือเผาต่างๆ นั้น มันก็มักมีรอยแยก รอยแตก ของมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อดันไปแตก ไปแยก แม้แต่ในทาง ยุทธศาสตร์ ก็เถอะ สุดท้าย...อาจต้องหันไปเคี้ยวกระยาสารท ชนิดเมื่อยปาก เมื่อยกราม กันไปมิใช่น้อย...

                                   ------------------------------------------------

        คือเผลอๆ...มันอาจกลายเป็นการแตก การแยก ระดับหวนกลับมา ต่อกันไม่ติด เอาเลยก็เป็นได้ ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติออกไปทางเขี้ยวติดสปริงไฮดรอลิก เกล็ดลายพร้อยพอๆ กับชามกระเบื้องราชวงศ์ถังด้วยแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่มีสิทธิ์ก้าวย่างเข้ามาในรัฐสภาได้อย่างเต็มเท้า เต็มตีน ราคาค่าตัวที่เคยตกลงกันเอาไว้ก่อน ย่อมต้องสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ เรียกว่า...พอๆ กับนักฟุตบอลฝีเท้าดี ที่ได้รับรางวัล บันลงดอร์ เรียบร้อยแล้วอะไรประมาณนั้น บรรดาสโมสรต้นสังกัดจะจ่ายค่าเตะในแต่ละสัปดาห์แบบเดิมๆ คงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...

                                    -------------------------------------------------

        แล้วลองคิดสิว่า...ถ้าหากไม่ใช่นักเตะแบบประเภทมืออาชีพ แบบโรนัลด้ง โรนัลโด้ เมสซ่ง เมสซี อะไรประเภทนั้น แต่เป็นประเภทเตะด้วย ถีบด้วย พร้อมจะออกหมัด-เท้า-เข่า-ศอก แถมเอาหัวโขกแถมท้ายก็ยังมี เช่นประเภท โรนัลเหลิม งี้ หรือ โรนัลอ๋อย งี้ ไปจนถึง โรนัล (อธิบดี) ปลอก หรือนักซื้อตู้เย็น อย่าง สมชาย ลมโชย นักยิงตู้เย็น ยุทธ ตู้เย็น ฯลฯ เป็นต้น แต่ละคน แต่ละราย ล้วน เอาเรื่อง ไปด้วยกันทั้งสิ้น โอกาสจะโอนอ่อน ผ่อนตาม ยอมให้ เจ๊เป้ากระเด้าหม้อ ไปได้เรื่อยๆ มันน่าจะลำบากมิใช่น้อย อะไรที่เคยเป็นรอยแยก รอยแตก ย่อมมีแต่ยิ่งฉีก ยิ่งแหก ชนิดต่อยังไงก็ต่อไม่ติดเอาเลยก็ไม่แน่...

                                --------------------------------------------------

        อันนี้นี่แหละ...ที่อาจารย์ มีชัย ท่านอาจวางกับดักรอเอาไว้แบบ 2 ชั้น 3 ชั้น หรือ 4 ชั้น 5 ชั้น จนอาจส่งผลให้ เผา ต่างๆ ต้องหันมา เผากันเอง กันจนได้ กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ในการ แตกแบงก์พันให้กลายเป็นแบงก์ร้อย จึงใช่ว่าจะได้ผลแบบสมประสงค์ปรารถนาดีเสมอไป โดยเฉพาะถ้าหากอาศัยตัวยืนอย่างคุณ เจ๊สุดาหน่อย เป็นแกนกลางด้วยแล้ว โอกาสจะกลายมาเป็นการ เผากันเอง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเท่านั้น ส่วนจะด้วยอุปนิสัย ใจคอ ความคิด ความอ่าน หรือด้วยเหตุเพราะอะไรต่อมิอะไร คงต้องไปหาข้อสรุปกันเอาเอง...

                                 ----------------------------------------------------

        ส่วนพรรคอื่นๆ นั้น...ก็คงไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง กันไปซักเท่าไหร่นัก คือคงต้องคอยระมัดระวังรอยแตก รอยแยก ภายในพรรคตัวเองเอาไว้ให้ดี ต่างไปจาก พรรคทหาร ที่ออกจะมีวัฒนธรรมขององค์กรในอีกแบบ อีกลักษณะ สามารถสั่งหันซ้าย หันขวา โดยไม่ถึงกับมีใครคิดมาก หรือเก็บมาคิด ให้ต้องเป็นเรื่อง เป็นราว มากมายซักเท่าไหร่ ยิ่งถ้าหากเป็นพรรค วุฒิสมาชิก ด้วยแล้ว ไม่ว่าหัวแถวหันไปในแนวไหน หางแถวอีก 250 ราย ก็น่าจะหันตาม โดยไม่ต้องเสียเวลาตั้งคำถามว่าใครเป็นลูกกู หรือใครเป็นพ่อกู แบบ ลูกเหลิม หรือ พ่อเหลิม เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                -----------------------------------------------------

        ก็เอาเป็นว่า...ค่อยๆ คิด ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ แก้กันไปเป็นเปลาะนั่นแหละ ทำไงได้...ในเมื่อนักร่างรัฐธรรมนูญที่น่าจะมากที่สุดในโลกอย่าง อาจารย์ มีชัย ท่านวางกับดักเอาไว้เช่นนี้ และนี่ก็ไม่ใช่กับดัก กลไกเพียงอย่างเดียว ที่จะต้องฝ่าข้ามไปให้ได้เท่านั้น ยังมีอีกหลายเม็ด หลายดอก ที่วางรอเอาไว้ข้างหน้า แบบชนิดเหนือฟ้า-ยังมีฟ้า เหนือนภา-ยังมีอากาศ เหนือกระดาษ-ยังมีซาลาเปา ซึ่งน่าจะอีกไม่นานก็คงรู้เอง...นั่นแล...

                             ------------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Frederick B. Wilcox ... “People who emphatically protest that they are putting all their cards on the table usually put them there face down.- ผู้ที่ยืนยันอย่างแข็งขัน ว่าเขาได้วางไพ่ไว้บนโต๊ะหมดแล้ว มักวางด้วยการคว่ำหน้าไพ่เอาไว้...”

                              ------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"