นพดล แนะอีก 3 เดือนกว่าจะเลือกตั้ง รัฐบาลควรแก้ปัญหาหาปากท้อง ไม่ควรริเริ่มโครงการที่ต้องใช้งบประมาณมาก แต่ควรรอรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศกล่าวถึงการที่รัฐบาลจะดำเนินนโยบาย “หนึ่งตำบล หนึ่งโรงเรียนคุณภาพ”ว่า ขณะนี้เหลือเพียงสามเดือนเศษก็จะมีการเลือกตั้งแล้ว และรัฐบาลอยู่มาเกือบ 5 ปี มีปัจจัยเอื้อในการทำงาน มีความต่อเนื่องของนโยบายและคนทำงาน มีอำนาจตามมาตรา 44 ตนก็นึกว่าโรงเรียนคงมีคุณภาพทั่วประเทศไปหมดแล้ว แต่ถ้ายังไม่หมด ทำไมพึ่งคิดนโยบายนี้  

ถ้านโบยายนี้ดีควรทำมานานแล้วใช่หรือไม่ หลายคนสงสัยว่าทั้งประเทศมีโรงเรียนจำนวนประมาณ 32,800 โรง  และประเทศมี 7000 กว่า ตำบล ดังนั้นจะทำให้โรงเรียน 7000 กว่าโรงมีคุณภาพส่วนโรงเรียนอีกประมาณ 20,000 กว่าโรงจะทำอย่างไร อยากให้รัฐบาลจัดความเร่งด่วนงานด้านการศึกษาให้ดีเพราะเหลือเวลาอีก 3 เดือนเศษก็จะเลือกตั้ง ดังนั้นรัฐบาลนี้ควรทำงานที่เร่งด่วนให้สำเร็จ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ส่วนงานด้านการศึกษานั้น แผนปฏิรูปการศึกษาและร่างกฎหมายการศึกษาแห่งชาติน่าจะเป็นเรื่องที่พอผลักดันได้ ส่วนปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำและโอกาสทางการศึกษา ปัญหาคุณภาพการศึกษาทุกมิติ ปัญหาการผลิตแรงงานที่มีทักษะ การสร้างขีดความสามารถของประเทศด้านการศึกษา ล้วนต้องใช้เวลา และรัฐบาลคงไม่สามารถทำได้ทัน ตนจึงเรียกร้องให้ปลดล็อคการเมืองให้พรรคเสนอนโยบายหาเสียงได้ เพราะรัฐบาลอาจได้ฟังนโยบายดีๆจากพรรคต่างๆแล้วนำไปปฏิบัติในช่วงเวลาที่เหลือ อย่างไรก็ตามไม่ควรริเริ่มนโยบายที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากหรืองบผูกพันและควรรอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเพราะจะทราบความต้องการของประชาชนในระหว่างการรณรงค์หาเสียงแล้วนำมาร่างเป็นนโยบายแก้ปัญหาในด้านต่างๆต่อไป