ก็เป็นอันเรียบโร้ยย์ย์ย์ ลงตัว ไปแล้วอีกพรรค...นั่นคือ ประชาธิกัด ที่เสียงส่วนใหญ่ยังคงยืนหยัด ไม่คิดจะ เปลี่ยนม้ากลางลำธาร ให้ต้องยุ่งยาก มากความ จนเกินเหตุ อดีตนายกฯ สุดหล่อที่อาจออกไปทาง หล่อไม่สุด อยู่บ้างในช่วงหลังๆ (เพราะแก่แล้ว) ก็เลยยังคง นอนมา ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยไม่ถึงกับต้องให้ พระ ท่านเดินสวดนำหน้าแต่อย่างใด...
--------------------------------------------------
นอกจากการยืนหยัด ยืนยัน ไม่คิดจะ เปลี่ยนม้ากลางลำธาร แล้ว การยืนหยัดในอีกรูปลักษณะหนึ่งของ ประชาธิกัด เขา ก็คือการไม่คิดจะ แตกแบงก์พันไปเป็นแบงก์ร้อย เหมือนอย่างพรรคอื่นๆ เช่นพรรค เผาไทย เป็นต้น ที่ช่วงระหว่างนี้ต้องดัดแปลงสภาพตัวเอง จนกลายเป็น เผา อะไรต่อมิอะไร ชนิดจำกันแทบไม่หวาด-ไม่ไหว มีทั้งเผาธรรม เผาชาติ ไปจนถึงเผาทักษิณชินวัตร (ทษช.)โน่นเลย ฯลฯ เล่นเอาใครต่อใครมึนซ์ซซ์ไปหมด แม้กระทั่งคนในพรรคเดียวกัน ดังนั้น...ยิ่งถ้าหากเป็นชาวบ้าน-ชาวช่องด้วยแล้ว...จะไปเหลืออะไร!!!
----------------------------------------------------
แต่อันที่จริงแล้ว...การที่ ประชาธิกัด เขาไม่ แตกแบงก์พันไปเป็นแบงก์ร้อย นั่นก็ใช่ว่าโดยรูปร่าง ลักษณะ ของความเป็นแบงก์พันยังคงอยู่ครบ ไปทุกสัด ทุกส่วน ก็หาไม่ เพราะถ้าดูจากจำนวนเสียงของคู่แข่ง คู่ชิง ตำแหน่ง หัวหน้าพรรค ที่ทิ้งกันในแบบไม่ถึงกับจะ ขาด ซักเท่าไหร่ ในความเป็นแบงก์พันของประชาธิกัด ก็น่าจะมีความเป็นแบงก์ร้อย ซุกซ่อนอยู่อีกหลายใบ เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงกับต้องแตก ต้องแลก กันในช่วงนี้ ยังสามารถอาศัยการ ทอนกันไป-ทอนกันมา ภายในพรรค ดำรงรูปลักษณะของความเป็นแบงก์พันให้สืบเนื่องต่อไป จนกว่าถึงช่วงที่ต้องตัดสินใจว่าจะ เซ็นสลักหลัง ให้ใครขึ้นมาเป็นนายกฯ นั่นแหละ ที่การทอนกันไป-ทอนกันมา มันอาจไม่ เวิร์ก ซักเท่าไหร่ ส่วนจะต้องแตกแบงก์ แลกแบงก์ ในช่วงนั้นหรือไม่ อย่างไร อันนั้น...คงต้องตามไปดูกันอีกที...
------------------------------------------------------
เพราะอันที่จริง...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรค รวมพลังประชาชาติไทย ที่คุณลุงกำนัน เทพเทือก ท่านกำลังปล้ำผีลุก-ปลุกผีนั่งอยู่ในช่วงระหว่างนี้ ก็น่าจะมีลักษณะความเป็น แบงก์ร้อย ของพรรคประชาธิกัดอยู่กลายๆ นั่นแหละ ยิ่งถ้าดูจากจำนวนเสียงนับเป็นหมื่นๆ ที่หันไปเทให้กับ สุดกล้า อย่าง หมอวรงค์ ในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในเที่ยวนี้ ก็ยิ่งทำให้ภาพของความเป็นแบงก์ร้อยในแบงก์พันของประชาธิกัด ออกจะเป็นอะไรที่ชัดเจนมิใช่น้อย แม้ว่ายังไม่ถึงกับต้องแตก ต้องแลก กันในช่วงนี้...
-----------------------------------------------------------
สรุปรวมความแล้ว...ก็คงต้องยอมรับว่า โดยสีสัน บรรยากาศ ของการกลับเข้าสู่วงจรประชาธิปไตย หรือการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ออกจะเป็นอะไรที่สลับซับซ้อน ชุลมุน ชุลเก กันพอสมควร ไม่ได้ออกไปทางเรียบๆ ง่ายๆ โปร่งแสง โปร่งใส มากมายซักเท่าไหร่ ซึ่งจะด้วยเหตุผลกลใด อันนั้น...คงต้องไปคิดๆ นึกๆ กันเอาเอง เพราะที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ...ภายใต้ความซับซ้อน ชุลมุน ชุลเก เช่นนี้ มันจะมีโอกาสนำไปสู่สิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อสังคมประเทศชาติ มาก-น้อยขนาดไหน อันนี้นี่แหละ...ที่น่าเก็บมาคิดยิ่งกว่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่รักและห่วงใยชาติบ้านเมืองทั้งหลาย...
--------------------------------------------------------
คือถ้าหากมันต้องปวดหัว ปวดกบาล ต้องยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่ะ กันตั้งแต่เริ่มต้น...มันก็เลยทำให้อดห่วง อดกังวล ขึ้นมาไม่ได้ ว่าในช่วงกลาง ช่วงปลาย มันจะหนักหนา สาหัส ไปถึงขั้นไหนกันแน่!!! เพราะโดยความสุข ความสงบ ของชาติบ้านเมืองนั้น มันคงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ถึงกับต้องมีอะไรสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มากมายซักเท่าไหร่ หรือยิ่งเรียบๆ-ง่ายๆ เท่าไหร่ ยิ่ง เข้าท่า ยิ่งขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุเพราะความเรียบๆ-ง่ายๆ มันก็คือสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่เรียกว่า ครรลองแห่งธรรมชาติ หรือ ครรลอง-คลองธรรม นั่นเอง...
---------------------------------------------------------
ไม่เช่นนั้น...ปรมาจารย์ เหลาจื๊อ ท่านคงไม่ชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ตั้งแต่นับพันๆ ปีที่แล้วประมาณว่า ละทิ้งเล่ห์เหลี่ยมฉ้อฉลเสีย จะเป็นประโยชน์ต่อราษฎรร้อยเท่า เลิกเสแสร้ง ราษฎรก็จะคืนนิสัยกตัญญูและความกรุณาที่เคยมีอยู่ เลิกล้มกลอุบาย ก็จะไม่มีใครคิดโจรกรรม สิ่งหลอกลวงทั้ง 3 สิ่ง จะนำมาใช้ในการปกครองมิได้ การที่จะให้ราษฎรทำตามคำสั่ง ต้องแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของตน รักษาความเป็นธรรมชาติแบบเรียบๆ ง่ายๆ ไม่เห็นแก่ตัว และตัดความโลภของตนออกเสีย... อะไรประมาณนั้น...
----------------------------------------------------
ดังนั้น...จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ที่ทำให้การหวนกลับเข้าสู่วงจรประชาธิปไตยเที่ยวนี้ มันออกจะหนักไปทางซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ผู้ที่จะขึ้นมาบริหารชาติบ้านเมืองในขั้นตอนสุดท้าย หรือหลังจากการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ไม่ว่าจะมาจากพรรคใด แบงก์ใด มาจากขีดความสามารถในการรวบรวมเศษเหรียญ เศษสตางค์ ได้ครบหมด ก็พึงต้องระลึกถึงสิ่งที่ว่านี้เอาไว้ให้ดี เพราะสิ่งที่เรียกว่า ความชอบธรรมทางการเมือง นั้น แม้ไม่อาจนำมาคิดคำนวณเป็นจำนวนเสียง จำนวนเก้าอี้ ได้แบบจะจะ จังๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว...อาจมีน้ำหนักซะยิ่งกว่าจำนวนเสียง จำนวนเก้าอี้ ในรัฐสภา ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า...
-----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Paul Dickson ... Integrity is like oxygen. The higher you go, the less there is of it. - ความซื่อสัตย์ มั่นคงนั้น เปรียบได้กับก๊าซออกซิเจน ท่านยิ่งขึ้นไปอยู่สูงเท่าใด ก็ยิ่งมีน้อยลงยิ่งขึ้นเท่านั้น...
--------------------------------------------------------
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |
