คณะรักษาความไม่สงบตลอดชาติ!         


เพิ่มเพื่อน    

                                                                                    

              “ผมถามคนทั้งประเทศจะเอาอย่างไร พูดมา ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าเลือกตั้งแล้วจะไม่มีคนปฏิวัติอีก หรือจะไม่มีคนใช้อำนาจที่ผิดไม่มีธรรมาภิบาลอีก จนบ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ถ้าท่านมั่นใจผมก็มั่นใจ  แล้วจริงๆท่านรับประกันได้หรือไม่ เพราะถ้าถึงวันนั้นผมก็ไม่อยู่แล้ว  มั่นใจไหมเล่ามาถามผมคนเดียวอยู่ได้

            ผมถามคนไทยทั้งประเทศว่าจะเอาอย่างไร  จะให้ประเทศมันล้มเหลวอย่างเดิมหรือเปล่า ก็ไปว่ากันมา ถ้าเห็นสิ่งที่ผมทำเป็นประโยชน์ท่านก็ต้องไปคิดช่วยผม ว่าจะเกิดได้อย่างไร วิธีไหนผมไม่รู้ ไปหามา”พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา...25 พฤษภาคม 2558

                คำถามข้างต้นนี้สะท้อนความเข้าใจถูกต้องในข้อแรกว่า  ทุกวันนี้ คสช.เข้ามาทำให้ “เหตุการณ์”ความไม่สงบมันหายไปเท่านั้น   แต่ลึกลงไปแล้ว “สถานการณ์” ความไม่สงบนั้นยังคงดำรงอยู่  และตัวท่านผู้นำเองก็ยังจนปัญญาไม่รู้จะป้องกันแก้ไขได้อย่างไร ถามคนไทยทั้งประเทศมา 2 ปีแล้ว ก็ไม่ได้คำตอบ  จนคิดว่า เลือกตั้งแล้วจะต้องอยู่ต่อ  อยู่ต่อทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรจัดการอย่างไรกับ“สถานการณ์”ความไม่สงบนี้ จนในบั้นปลายท่านก็จะตกที่นั่งกลายเป็น “คณะรักษาความไม่สงบตลอดชาติ” ( คสตช.) ไปในที่สุด

                ลักษณะเด่นอันเป็นตัวตนสำคัญของ คสตช.ก็คือความไม่ยอมเข้าใจว่า สถานการณ์ความไม่สงบของประชาธิปไตยไทยในช่วงทศวรรษหลังนี้ เกิดขึ้นจากความเติบใหญ่ของ “ระบอบเผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” ที่เรียกกันตามชื่อของผู้ให้กำเนิดว่า “ระบอบทักษิณ”

                ในทางความคิดนั้น ระบอบนี้ถือเอา “การเมือง”เป็นการประกอบการ ตั้งหลักเห็นสิทธิเสรีภาพทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญเป็นสินทรัพย์ที่ต้องแปรเป็นทุนมาตั้งแต่ต้น  จึงลงทุนตั้งพรรคการเมืองในปี 2543 เท่าที่ตรวจพบกระแสเป็นเงินนับสี่พันล้านบาท  มีนายทุนอื่นและผู้กว้างขวางทั่วหัวระแหงเข้าร่วม ร่วมกันเสนอประชาชนให้สมทบทุน เพื่อได้ประโยชน์ประชานิยมตอบแทน

                ครั้นชนะเลือกตั้งครั้งแรกก็ซื้อกิจการพรรคอื่นเพิ่มอีกจนได้อำนาจเด็ดขาด แล้วลงมือถอนทุนหากำไรจากอำนาจรัฐหลายกรรมหลายวาระรัฐเสียหายเป็นแสนล้าน  จนมาต้องคดีในช่วง คมช.โดนศาลฎีกาพิพากษายึดกำไรขายหุ้นบริษัทโทรคมนาคมคืนหลวงไปกว่าสองหมื่นล้าน  ทั้งหมดนี้ชัดเจนยิ่งว่า ระบอบนี้ได้ทำให้การเลือกตั้งกลายเป็นขบวนการคอร์รัปชันหมู่ในทุกระดับและทั้งประเทศไปเสียแล้ว  ส่วนการยุบสภาแต่ละครั้งก็คือการออกหุ้นกู้ ระดมทุนใหม่เท่านั้นนั่นเอง  สถาบันทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญไทยในระบอบนี้ทั้งพรรคการเมืองและการเลือกตั้งจึงถูกแปรเป็นวิสาหกิจคอร์รัปชั่นไปเสียทั้งสิ้น

                ในส่วนความเคลื่อนไหวนั้น ระบอบนี้ได้ทำการเมืองให้กลายเป็นระบบอุปถัมภ์ขนาดใหญ่ แบ่งผู้คนให้แตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ครั้นเมื่ออำนาจหลุดมือก็ดึงนักจัดตั้งมวลชนมาร่วมอัดฉีดความเกลียดชังอำมาตย์ หลอมชาวบ้านให้กลายเป็นขบวนการมวลชนดุร้ายทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง  มีเซลล์แพร่กระจายไปทั่วทั้งอีสาน เหนือ และกรุงเทพปริมณฑล มีพร้อมทั้งข่ายวิทยุชุมชนและทีวีการเมืองอัดฉีดหล่อเลี้ยงความเกลียดชัง เข้าถึงสาวกได้ทุกพื้นที่  ทั้งหมดนี้คือการใช้สิทธิรวมตัวและสื่อสารถึงกัน โดยผิดครรลองรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น

                ในส่วนตัวระบบของระบอบนี้ก็ถือเอาหีบเลือกตั้งเป็นกฎหมายสูงสุด  ใครเสียงมากกว่าก็เอาไปหมดทั้งอำนาจและผลประโยชน์   ฝ่ายค้านไม่มีสิทธิใดๆ ทั้งในสภาและนอกสภา ออกเดินหาเสียงก็ถูกข่มเหงรังแก จังหวัดที่ฝ่านค้านยังยึดพื้นที่ไว้ได้ ก็ขาดไร้งบประมาณและการอุดหนุนใดๆ  ทำกันอย่างนี้จนร้อนระอุแตกแยกกันได้ทั้งแผ่นดิน มาระเบิดเป็นกระแสขับไล่กันทั้งประเทศ เมื่อหน้าด้านตรากฎหมายนิรโทษกรรมคอร์รัปชันของนายใหญ่  ได้ชุมนุมไล่กันยืดเยื้อกว่า 200 วัน มีคนไทยผู้ร่วมประท้วงถูกยิงถูกขว้างระเบิดตายไปกว่า 30 คน เจ็บถึงพิการติดตัวเกือบ 300 ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการข่มเหงด้วยเสียงข้างมากในหีบเลือกตั้ง แล้วปลุกปั่นให้แตกแยกเกลียดชังทั้งสิ้น

                ที่กล่าวมาทั้ง ความคิด ความเคลื่อนไหว และระบบ ของระบอบเผด็จการพรรคการเมืองนายทุนนี้ล้วนเป็น “การใช้สิทธิเสรีภาพโดยผิดครรลองรัฐธรรมนูญ” ทั้งนั้น ประเทศไหนมีเลือกตั้ง แล้วเปิดให้เอาไปใช้เมื่อใดครั้งใดก็ล้วนแต่ต้องชิบหายแตกแยกทั้งสิ้น พบเห็นเมื่อใดก็ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าหาใช่ความแตกแยกที่ฝังอยู่ในสังคมเช่นเชื้อชาติ ศาสนาแต่อย่างใดไม่ จะได้ไม่ต้องมาฟูมฟายหาทางปรองดองกันมั่วๆอีก

                ถามว่าหลังจาก กปปส.ได้ใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญสลัดระบอบนี้ให้หลุดจากอำนาจไปได้ระดับหนึ่งแล้ว   ในสามปีที่ผ่านมา คสช.ได้ทำอะไรไปบ้างที่จะแก้ไขป้องกันไม่ให้ระบอบนี้เข้าสิงสู่การเมืองไทยอีก  ถ้ายังไม่ได้ทำ ก็เชื่อแน่ได้เลยว่าวิกฤตจะต้องตามมาอีกแน่นอน ทั้งก่อนและระหว่างเลือกตั้ง (ถ้ามี)และหลังเลือกตั้ง  ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความสำเร็จของ “คณะรักษาความไม่สงบตลอดชาติ” ทั้งสิ้น.

แก้วสรร อติโพธิ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"