'ตู่'ตกผลึกยุคนี้ต้องไร้ม็อบ


เพิ่มเพื่อน    

    “ประวิตร” เมินสนใจแม้ว เชื่อไม่เจอ “ลุงตู่” ที่สิงคโปร์แน่ เพราะคนหนึ่งไปทำงานอีกคนไปเที่ยว “วิษณุ” เปิด 3 ปัจจัยชี้ชัดครอบงำหรือไม่ “คนเสื้อแดง” รับที่ต้องแห่ย้ายซบ “ทษช.” เพราะหวังมีที่ยืนในสภา “อ๋อย” โทษสัญญาณโทรศัพท์ทำ “ไก่” มั่วนิ่มตีขลุมลง ส.ส.เขต 1 แปดริ้ว “จตุพร” ลั่นไม่ได้เปลี่ยนไป แค่ตกผลึกยุครัชกาลที่ 10 ต้องไม่มีม็อบ เลยชงแนวปรองดอง “พปชร.” สุดคึกคัก ส.ส.เขี้ยวลากดินสารพัดค่ายแห่ซบ โอ่กวาดยก 4 จังหวัดอีสาน “ใต้” พรรคเก่าแก่มีหนาว 18 พ.ย.ประชุมใหญ่ “สามมิตร” ขนอีก 50 ชีวิตเข้าร่วม 
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางมาประเทศสิงคโปร์ว่า ไม่ทราบ ไปถามเขา ไม่รู้ว่าเคลื่อนไหวคึกคักยังไง คิดกันไปเอง ส่วนที่อดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมเดินทางไปพบจะเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ ก็ไม่ทราบ แต่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติงานที่สิงคโปร์นั้น คงไม่บังเอิญเจอกับนายทักษิณแน่นอน เพราะคนหนึ่งไปทำงาน และอีกคนหนึ่งไปเที่ยว
    เมื่อถามต่อถึงผลสำรวจคะแนนนิยมประชาชนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พท.มีคะแนนสูสีกันนั้น พล.อ.ประวิตรตอบอีกครั้งว่า ไม่ทราบ แต่คนนิยมลุงตู่ ส่วนลุงตู่จะสังกัดพลังประชารัฐหรือไม่ ยังไม่รู้ 
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการตีความที่สมาชิก พท.ไปพบนายทักษิณว่า ไม่ตีความอะไรทั้งนั้น บางอย่างไม่ควรจะไปมีความเห็นอะไร ส่วนกรณีพรรคการเมืองแตกพรรคออกไปตั้งพรรคใหม่  เพื่อแบ่งพื้นที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.จะเข้าข่ายฮั้วการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ไม่มีกฎหมายไหนระบุว่าผิด เพียงแต่ว่าแตกพรรคออกไปแล้วอย่าให้ใครมาครอบงำ เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ผู้ใดที่ไปครอบงำพรรคอื่นถือว่ามีความผิด ซึ่งผู้ใดไม่ได้หมายถึงนาย ก. นาย ข. แต่หมายถึงพรรค X ไปครอบงำพรรค Y ก็ผิดกฎหมายด้วย 
    เมื่อถามว่า กรณีของนายทักษิณที่มีข่าวว่ามาจัดตัวผู้สมัคร ส.ส. ถือว่าครอบงำพรรคหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรขนาดไหน กฎหมายบอกว่าห้ามครอบงำ ก็ต้องระวังการกระทำที่จะเข้าข่ายการครอบงำ ต้องระวังกันเอง ซึ่งอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และต่อไปก็จะอยู่ที่ศาลด้วย เพราะบางเรื่องไม่ได้จบที่ กกต.
    “การจะครอบงำหรือไม่ต้องดู 3 อย่าง คือ 1.การกระทำว่าทำอะไร ขนาดไหน 2.ดูเจตนา และ 3.ดูว่าการกระทำนั้นมีข้อยกเว้นอะไรอยู่ที่ไหนหรือเปล่า ซึ่งอาจมีข้อยกเว้นว่าอยู่ที่อื่นก็ทำได้ แต่ถ้าองค์ประกอบครบ คือ การกระทำ มีเจตนา และไม่มีข้อยกเว้นให้อำนาจไปทำ แต่บางอย่างมีอำนาจก็เลยเป็นข้อยกเว้น เช่น เรื่องของสุจริต เสรีภาพ การหาเสียงพลเมืองดี แต่ถ้าไม่มีเจอ 3 ข้อก็ผิด อย่าไปพูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าไปขู่เขา แต่ผมไม่อยากพูดมาก เพราะไม่ได้ไปด้วย” นายวิษณุกล่าว
“ปู-แม้ว”อยู่ยูเครน
    นายวิษณุยังตอบคำถามถึงการหาเสียงของบางพรรคที่สุ่มเสี่ยงในการผิดกฎหมาย จะมีการเอาผิดย้อนหลังได้หรือไม่ ว่าไม่ตอบ วันนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะก่อนหน้านี้ได้เตือนกันแล้ว และไม่ควรจะเตือนอะไรอีกแล้ว ต้องระมัดระวังเอง แต่ละพรรคก็มีนักกฎหมายทั้งนั้น และหลายพรรคก็มีประสบการณ์ในการเลือกตั้ง ซึ่งหากมีปัญหาสงสัยอะไรก็ต้องไปถาม กกต. แต่หากเตือนได้ก็อยากจะเตือนให้ระมัดระวัง มีอะไรเกิดขึ้นเขาไม่ได้ฟ้องร้องกันวันนี้พรุ่งนี้ เขาจะจดเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน และก็เคยทำกันมาแล้ว ดังนั้นถ้าไม่เตือนเขาก็รู้ 
    เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ตีความข้อ 33 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งระบุถึงสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการว่าคำว่า ได้แก่ เป็นการยกตัวอย่าง แต่ กกต.ระบุว่าไม่ใช่ รองนายกฯ กล่าวว่า ได้แก่ ในกฎหมาย หมายถึงการระบุที่จบอยู่แค่นั้น แต่ถ้าระบุว่าเช่นนั้นมีอีก เมื่อถามอีกว่ามีข้อวิจารณ์ระเบียบนี้ไม่เหมาะกับยุค 4.0 เพราะหลายๆ อย่างทำให้พรรคไม่สามารถทำกิจกรรมได้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ขอไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร ซึ่งการหาเสียงโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์มันเขียนไว้ในกฎหมายว่าการหาเสียงโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ได้รวมถึงการหาสมาชิก ซึ่งการหาเสียงโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์จะทำได้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ กกต.กำหนด และ กกต.จะกำหนดได้ก็ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว และพระราชกฤษฎีกาจะออกได้ก็ต่อเมื่อพระราชบัญญัติมีผลใช้บังคับ ซึ่งทุกอย่างล็อกกันไว้หมดแล้ว ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าใครจะไปทำอะไร มองว่าไม่ใช่การหาเสียง เพราะถ้าเมื่อไหร่เป็นการหาเสียง ค่าใช้จ่ายบาทเดียวก็ต้องเริ่มนับ แต่กรณีที่ถูกต้องทั่วไปจะเริ่มนับได้เมื่อพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้  
    ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณ และข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า ยูเครน ถูกกล่าวขานว่าเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้านการเกษตร อุตสาหกรรมหนัก มีมรดกทางวัฒนธรรมเป็นลำดับแถวหน้า ประชาชนผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยระหว่างสงครามในอดีต แต่ประเทศนี้กลับมีเสน่ห์ในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเมืองเคียฟที่มาเยี่ยมชมกับพี่ชายครั้งนี้ มีวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจหลายแห่ง และได้พบกับหิมะวันแรกของปีนี้ด้วย 
    วันเดียวกันยังคงมีความเคลื่อนไหวในเรื่องการย้ายพรรคอย่างต่อเนื่อง โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำ พท. ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุได้พูดคุยกับตนเอง และได้ผมตกลงใจสมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดฉะเชิงเทรา และให้นางฐิติมา ฉายแสง น้องสาวหยุดพักการเมืองนั้นไม่เป็นความจริง โดยนางฐิติมาจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 1 ฉะเชิงเทราแน่นอน
    “ที่โทรศัพท์คุยกันวันนั้นที่ไก่พูดเป็นตุเป็นตะว่าผมตัดสินใจแล้วว่าจะสมัครเป็น ส.ส.ที่แปดริ้ว และให้น้องสาวผมหยุดพักการเมืองนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จะเป็นเพราะสัญญาณโทรศัพท์ไม่ดีหรือไก่เข้าใจผิด หรือจะมีวัตถุประสงค์อะไรก็ไม่ทราบ ถึงไก่จะให้ข้อมูลที่สับสนคลาดเคลื่อนไปก็ตาม ไก่กับผมก็ยังเป็นน้องเป็นพี่กันอยู่ดี” นายจาตุรนต์โพสต์
หวังมีที่ยืนในสภา
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พท.กล่าวว่า การย้ายพรรคของนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในตอนนี้ โดยเฉพาะนักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่และนักประชาธิปไตยที่ต่อสู้มานานนั้น ก็เพื่อให้ตัวเองมีที่ยืนในสภา โดยนอกจากคนที่ประกาศตัวร่วมพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ไปก่อนหน้านี้แล้ว อาจมีคนอื่นย้ายไปร่วมพรรคดังกล่าวอีก เช่น นายจาตุรนต์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ และ นพ.เหวง โตจิราการ ซึ่งสถานการณ์ที่เรียกว่าโกลาหลไม่ได้มาจากการซื้อหรือขายตัว แต่เป็นการย้ายพรรคเพื่อผลักดันประชาธิปไตยในประเทศไทย
    ขณะเดียวกัน ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) อำเภอเมืองฯ จ.นครราชสีมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) และคณะ ได้เดินทางมากราบและขอพรคุณย่าโม ก่อนให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.พ.ช.เป็นพรรคสำรองของพรรคเพื่อไทย ว่าในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะรัฐธรรมนูญห้ามเรื่องการจะเป็นนอมินี และคนตัดสินจริงๆ คือประชาชน ส่วน พ.พ.ช.จะเป็นนายกฯ หรือไม่ถ้าพรรคได้รับความไว้วางใจเป็นเสียงข้างมากนายสงครามก็เป็นนายกฯ    
    นายสงครามกล่าวว่า จุดยืนของพรรคไม่ต้องการให้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน จุดสำคัญทุกฝ่ายต้องคุยกันได้ แล้วต้องทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง เพื่อพี่น้องคนไทย ส่วนพื้นที่โคราช 14 เขตนั้น ตั้งใจจะได้กี่เขตนั้น จะ ส.ส.กี่คนก็ไม่เป็นไร แต่เพียงมาขอแบ่งจาก 14 คนเท่านั้น แค่ 2-3 คนก็ได้
    นายจตุพรให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การพูดคุยกับอดีตพระพุทธะอิสระ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้พูดคุยอย่างเจาะจง แต่เป็นการคุยในภาพรวมกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจเหมือนกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกหรือผิดทั้งหมด ทุกคนมีส่วนทำให้เกิดทั้งสิ้น แต่หนทางข้างหน้าเราต้องเอาเรื่องของชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องหลักมากกว่าเรื่องของตัวเอง
    “เราต้องเข้าใจแผ่นดินในยุคนี้ทุกฝ่ายต่างรู้ว่าแผ่นดินรัชกาลที่ 10 จะชุมนุมลักษณะเดิมอีกไม่ได้ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำหลายครั้ง ส่งผลให้องค์กรภาคประชาชนจะทำเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น อะไรเป็นทางที่สร้างความสงบสุข โดยเฉพาะความสามัคคีและความยุติธรรม ผมเชื่อว่าหากทุกฝ่ายนำเอาพระราชกระแสรับสั่งเป็นธงนำแล้ว ความสงบทางการเมืองจะเกิดขึ้น” นายจตุพรกล่าว
    นายจตุพรกล่าวย้ำว่า บางคนบอกว่าเปลี่ยนไปรึเปล่า ยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ด้วยสังขารและอิสรภาพ ลดน้อยถอยลงตลอด โดยเฉพาะแกนนำ พธม.และ นปช.ที่ป่วยและร่วงโรยเป็นจำนวนมาก เมื่อเวลาเหลือจำกัด อะไรที่สามารถแก้ปัญหาชาติได้ แม้ว่าเราต้องขัดใจกับพี่น้องเราบางคน ก็ต้องพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุด ที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ และตอนนี้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี แต่ในอนาคตหนทางยังคงยาวไกล และไม่รู้ว่าตอนนั้นจะคิดอะไร คงเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันใหม่ แต่ในตอนนี้มีความสุขกับบทบาทที่เป็นอยู่
โอ่กวาดยก 4 จังหวัด
    ส่วนที่อาคารปานศรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเปิดรับสมาชิกพรรคเป็นวันที่ 3 บรรยากาศยังคงคึกคัก มีอดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.ภาคอีสาน ทยอยนำทีมงานมาสมัครเป็นจำนวนมาก รวมถึงประชาชนทั่วไป อาทิ นายเอกราช ช่างเหลา อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่นำทีมงาน 8 จังหวัดภาคอีสาน, นายเวียง วรเชษฐ์ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย, นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล อดีต รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต, นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน, นายนิพนธ์ คนขยัน นายก อบจ.บึงกาฬ พร้อมครอบครัว
ต่อมานายเอกราชกล่าวว่า มั่นใจว่านโยบายของรัฐบาลนั้นตอบโจทย์การช่วยเหลือประชาชนตรงจุด และเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนาม พปชร.ภาคอีสาน พร้อมเปิดตัวในวันที่ 18 พ.ย.นี้ และมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคจะชนะยกจังหวัดใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น, บึงกาฬ, หนองคาย และหนองบัวลำภู ส่วนที่เหลือคาดว่าจะได้เกิน 50%
    “วันนี้ประชาชนในพื้นที่พร้อมที่จะขับเคลื่อนไปกับพรรค พปชร. เพราะเขาเชื่อและศรัทธาว่าการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วง 4 ปี ให้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ประเทศมีการพัฒนา มีความสงบ" นายเอกราชกล่าว
     นพ.วิชัยกล่าวว่า วันนี้การเมืองเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ประชาชนสามารถจับต้องสิ่งที่รัฐบาลทำ จึงเชื่อว่านโยบายของรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ จะตอบโจทย์ประชาชนรากหญ้าและชนชั้นกลาง การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงไม่น่าหนักใจอะไรกับพรรคคู่แข่ง เช่น พรรคเพื่อไทย เพราะไม่เชื่อว่าการแตกแบงก์พันจะสามารถฮั้วกันได้
     เวลาไล่เลี่ยกัน นายฉลอง เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.เช่นกัน โดยให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เข้าใจผู้ที่วิจารณ์ว่าฝ่ายนั้นเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ และมองว่า พปชร.เป็นเผด็จการ ต้องถามว่าเผด็จการตรงไหน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจ เพราะมีเหตุผลจากการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จนก่อให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งชอบสไตล์ พล.อ.ประยุทธ์ที่คล้ายกับตนเอง คือคิดอย่างไรพูดอย่างนั้น เป็นคนปากร้ายใจดี การมาสมัครครั้งนี้ตั้งใจจะลงสมัคร ส.ส.นนทบุรี และมั่นใจว่าจะพาว่าที่สมัคร ส.ส.ในนามของพรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งได้ทั้งหมด
    นายทวี สุระบาล อดีต ส.ส.ตรังหลายสมัยพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่สมัครสมาชิก พปชร. เมื่อวันที่ 13 พ.ย. กล่าวว่า จะลงสมัครแบบ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเชื่อว่านโยบายของพรรคจะทำให้พรรคนี้ได้ ส.ส.ภาคใต้เป็นกอบเป็นกำ เพราะกระแสความนิยมของพรรคเก่าแก่ของทั้ง 14 จังหวัดตกหมด โดยเฉพาะ จ.ตรัง 
มีรายงานจาก พปชร.แจ้งว่า ตามกำหนดการเดิมกลุ่มอดีต ส.ส.จันทบุรีของพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายธวัชชัย อนามพงษ์, นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา และนายแสนคม อนามพงษ์ จะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันที่ 15 พ.ย. แต่ล่าสุดทั้ง 3 คนจะมาสมัครสมาชิกในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 18 พ.ย.ที่โรงแรมแชงกรี-ลา โดยในวันที่ 16 พ.ย. นางวทันยา วงษ์โอภาสี หรือมาดามเดียร์ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุด อายุ 23 ปี จะเดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคด้วย
สามมิตรขน 50 ชีวิตซบ
    ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรจะเปิดตัวร่วมงานกับ พปชร.ในวันที่ 18 พ.ย. โดยจะพาสมาชิกเข้าร่วมงานกว่า 50 คน มีทั้งอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. อดีตนายก อบจ. และนักการเมืองรุ่นใหม่ประเภทดาวฤกษ์ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกฯ, นายภิญโญ นิโรจน์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท, นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี, นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล อดีต ส.ส.สุโขทัย และนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ นายก อบจ.สุโขทัย  
    “สมาชิกเดิมมี 70 คน แต่ที่เหลือไปเข้าร่วมงานกับ พปชร. 50 คนนั้น เนื่องจากที่ผ่านมามีเรื่องของพื้นที่ทับซ้อน เราจึงจำเป็นต้องคัดเอาคนที่ใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่มากที่สุด เพื่อจะได้มั่นใจว่าในการเลือกตั้งนั้นพรรคพลังประชารัฐจะได้รับชัยชนะ” นายธนกรกล่าว
     ส่วนที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อาคารไทยซัมมิท นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังได้เดินทางมาสมัครเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค โดยระบุว่า ที่ตัดสินใจมาทำงานการเมืองร่วมอุดมการณ์กับพรรคอนาคตใหม่ เป็นเพราะว่าชื่นชอบในวิสัยทัศน์ไทย 2 เท่า ในเรื่องคนเท่าเทียมกันของพรรค ซึ่งตรงกับอุดมการณ์ สิ่งที่ต้องการขับเคลื่อนนำเสนอสู่สังคมมาโดยตลอดผ่านผลงานภาพยนตร์
    "ความฝันของเราคือ การก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศได้สามารถมีปากเสียงในสังคมมากขึ้น เราต้องพาสังคมไปถึงจุดที่ว่าไม่มีการตีตรามนุษย์อีกต่อไป ว่าใครเป็นแบบไหน ไม่ต้องมาถาม มากำหนดกันว่าใครมีรสนิยมทางเพศแบบไหน แต่เราทุกคนคือมนุษย์เหมือนกัน คนเท่าเทียมกัน” นายธัญญ์วารินกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"