นายกเดินหน้าบัตรคนจน วิษณุอ้างออกก่อน‘พ.ร.ฎ.’


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" แจงแจกเงิน 500-1,000 หวังลดภาระครัวเรือน ประกาศไม่มีวันเลิกบัตรคนจน พท.ซัดใช้ภาษีประชาชนหาเสียงล่วงหน้า เอาเปรียบพรรคอื่น 4 รมต.พปชร.ส่อผลประโยชน์ทับซ้อน "วิษณุ" ปัดเอื้อใคร  อ้างออกก่อน พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง กกต.ทำขึงขังเข้าข่ายผิด กม.ดำเนินการแน่


    เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 07.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงพื้นที่ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร (กลุ่มกรุงเทพตะวันออก เขตบางกะปิ สะพานสูง คลองสามวา มีนบุรี) พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร


    โดยจุดแรก นายกฯ เดินทางมายังโรงเรียนวัดศรีบุญเรือง เขตบางกะปิ ยืนเข้าแถวเคารพธงชาติร่วมกับนักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชน มอบหมวกกันน็อกตัวแทนนักเรียน เพื่อรณรงค์สร้างวินัยจราจรและความปลอดภัยบนท้องถนน และกล่าวให้โอวาทและทักทายประชาชนว่า ถือโอกาสมาเยี่ยมเยียน มาดูปัญหาอุปสรรคการทำงานว่าควรจะต้องปรับแก้ตรงไหนบ้าง การที่นายกฯ ไปทุกจังหวัด เพื่อที่จะไปดูแลคนไทย ทั้งเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ วันนี้ประเทศไทยมีคน 67 ถึง 68 ล้านคน ซึ่งมีหลายศาสนาเชื้อชาติ แต่ก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องภาคภูมิใจ เหมือนเพลงชาติไทยที่เราร้องร่วมกัน ฟังเพลงนี้กันมาตั้งแต่เกิด ซึ่งทุกคนซึมซับหรือเปล่าว่าเนื้อเพลงเขียนว่าอย่างไร คนไทยต้องรักสามัคคี แกนหลักของประเทศคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐบาลก็ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน
    "รัฐบาลจะดำเนินการอะไรจะต้องคิดละเอียดรอบคอบ ระมัดระวังในข้อกฎหมาย รายได้ที่มีรัฐบาลก็ต้องนำมาลงทุนในด้านต่างๆ ด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยมีความสุขที่ดีขึ้น แต่ต้องอาศัยเวลา ถ้าทำมาก่อนหน้านี้ประเทศคงไปไกลแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งจะสตาร์ท ทำไมรัฐบาลจะไม่อยากให้พวกเรามีสตางค์ แต่มันต้องทำให้ถูกต้อง เงินที่ให้ 500 บาท 1,000 บาท เพื่อต้องการลดภาระให้กับประชาชน ซื้อของใช้ในครัวเรือน กะปิ น้ำปลา ร้านไหนที่มีเครื่องอ่านบัตรสวัสดิการก็สามารถซื้อได้หมด อย่าให้ใครไปบิดเบือนว่าไปซื้อของคนรวย เอื้อประโยชน์คนรวย ของที่เป็นขนาดใหญ่เอกชนเป็นผู้ผลิต รัฐบาลก็ไปขอความร่วมมือ ไม่ได้หมายความว่าจะเอาไปให้เขา ฉะนั้นใครมีอะไรจะขายก็เสนอมา แต่ต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสม อยากให้เข้าใจตรงนี้" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นายกฯ ก็ต้องมีคุณธรรม ซึ่งต้องรู้ว่าอะไรดี-ไม่ดี ทำในสิ่งที่ดี ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี ตนไม่ได้มาพูดโกหก เพราะโกหกไม่ได้ แต่บางทีอาจจะพูดไม่เข้าหูบ้าง เขาบอกว่าทำงานตรงนี้ต้องอดทน ตนก็อดทนที่สุด ขออภัยด้วยแล้วกัน งานที่ทำวันนี้จะสานต่อในวันหน้า โดยรัฐบาลที่เข้ามาใครจะเป็นต่อก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าเราไม่เริ่มไว้ ก็จะกลับไปที่เดิม 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้รับเรื่องร้องเรียนกว่า 4 ล้านเรื่อง ก็พยายามแก้ งานที่รัฐบาลทำอย่าไปมองเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด อย่าปิดโทรทัศน์นี้ ขอให้ฟังกันบ้าง แม้จะเข้าใจยากก็ขอให้ฟัง อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าพูดอะไรไป ไม่อย่างนั้นจะติดกันเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่
    จากนั้น นายกฯ ได้เข้าสักการะพระประธาน พระพุทธศรีสุโขทัย (หลวงปู่สุโขทัย) และนมัสการพระครูสุนทรวีรวงศ์ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง โดยเจ้าอาวาสได้มอบวัตถุมงคลเป็นพระพุทธศรีสุโขทัย รุ่นยกช่อฟ้าอุโบสถพุทธามังคลาภิเษก ปี 2556 ให้กับนายกฯ ต่อจากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนโอท็อป ของเขตบางกะปิ และลงเรือไทยธนาคม 2 ไปยังท่าเรือศูนย์การค้าเดอะพาซิโอ สาขารามคำแหง 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศระหว่างตรวจเยี่ยมแผงค้าและพบปะพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดมีนบุรี รวมถึงประชาชนที่มาให้การต้อนรับกว่า 1,000 คน ว่ายืนยันบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่มีวันเลิก เราจะทำต่อไป และอย่าคิดว่ารัฐบาลทำแล้วจะได้ประโยชน์ เพราะการดำเนินการอะไรรัฐบาลระวังที่สุด และไม่ได้คิดทำเพื่อสืบทอดอำนาจ
    วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์เรื่องการช่วยคนจนต้องช่วยอย่างจริงจัง ยั่งยืน และไม่หวังผลทางการเมือง โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่รัฐบาล คสช.ได้เห็นชอบงบประมาณเกือบแสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคนยากจนผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ ฯลฯ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน จำนวน 14.5 ล้านใบ ในช่วงเวลาที่ประเทศจะมีการเลือกตั้งในอีก 3 เดือนเศษ และรัฐมนตรีที่ร่วมอยู่ในรัฐบาลอย่างน้อย 4 คน เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยนั้น 
    พรรคเพื่อไทยรู้สึกประหลาดใจที่ทำไมรัฐบาลเพิ่งมาออกมาตรการดังกล่าวหลังจากบริหารประเทศมา 4 ปีเศษแล้ว และก่อนการเลือกตั้งเพียง 3 เดือน จึงมีคำถามว่ามาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงหรือไม่ เป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนเพื่อหาเสียงล่วงหน้าและเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นอกจากนั้น รัฐมนตรี 4 คนที่เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองหนึ่งได้ร่วมอนุมัติงบประมาณดังกล่าวหรือไม่ ถ้าใช่ ถือว่ามีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ 
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ไม่น่าเป็นการเอื้อประโยชน์ เพราะกระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอเรื่องนี้ ไม่ได้เอื้ออะไรให้แก่ใคร เพราะโครงการดังกล่าวคิดกันมานานแล้ว โดยตนเคยบอกคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าหากจะมีอะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ให้รีบนำเสนอก่อนมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดให้มีการเลือกตั้ง เขาจึงนำเสนอเข้ามา ไม่ได้ไปเอื้อให้พรรคใดพรรคหนึ่ง สมมติหากจะเอื้อเขาคงทำกันมานานแล้ว อีกทั้งถ้าจะเอื้อกับพรรคดังกล่าว ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐมนตรีทั้ง 4 คน เพราะไม่ได้ลงรับสมัคร ส.ส.
    “เมื่อคนที่อยู่ในรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองก็มักถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ได้ทั้งนั้น เป็นมาทุกสมัย ก็ให้เขาวิจารณ์ไป ส่วนเรามีหน้าที่ชี้แจง ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตรวจสอบเรื่องนี้ก็ดีแล้ว อย่างไรก็ตาม ต่อให้มี พ.ร.ฎ.กำหนดให้เลือกตั้งมาแล้ว การจะออกนโยบายอะไรรัฐบาลยังสามารถดำเนินการได้อยู่ เพราะถือว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม” นายวิษณุระบุ
    เมื่อถามว่า แม้รัฐธรรมนูญให้อำนาจรัฐบาลไว้ แต่ด้วยมารยาทสมควรทำหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าลืมว่ารัฐบาลนี้จะอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่มาทำหน้าที่ หากคิดว่ารัฐบาลจะทำอะไรได้หรือไม่ได้โดยยึดมารยาทเป๊ะทั้งหมด ต้องคิดต่อไปว่าถ้าเลือกตั้งเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ เกิดเหตุขึ้นมา เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว จะให้รัฐบาลชุดปัจจุบันทำอย่างไร ปัญหาเกิดขึ้นได้ ในรัฐธรรมนูญจึงผ่อนคลายไว้
    นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นโยบายเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นนโยบายที่ดี แต่อาจจะมีบางคน บางพรรคการเมือง ไม่เห็นด้วย ซึ่งอยากถามว่าพวกท่านมีจิตใจเช่นไรที่คิดและออกมาพูดอย่างนั้น เพราะในขณะที่พวกท่านเป็นรัฐบาล ยังไม่เคยคิดที่จะทำ และตอนนี้มีผู้ที่คิดจะทำสิ่งที่บรรเทาความทุกข์ยากลำบากให้กับพี่น้องคนยากคนจน คนสูงอายุ กลับออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ไม่รู้ว่าจิตใจทำด้วยอะไร หากแน่จริงก็ประกาศเป็นนโยบายของพรรคตัวเองไปเลยว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกนโยบายเหล่านี้ที่ช่วยเหลือคนยากคนจนกว่า 14.5 ล้านคน แล้วมาคอยดูกันว่าในวันเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 คน 14.5 ล้านคนเหล่านี้จะเลือกท่านไหม
    ขณะที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจัดสรรงบเพิ่มสิทธิบัตรคนจนในช่วงก่อนการเลือกตั้ง อาจเข้าข่ายใช้นโยบายหาเสียงล่วงหน้าว่า เชื่อว่าเป็นเรื่องที่สำนักงาน กกต.จะพิจารณา ซึ่งต้องดำเนินการตามอำนาจแล้ว หากรวบรวมข้อมูลแล้วเห็นว่ามีมูลก็จะเสนอ กกต. พิจารณาตั้งคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง อย่างไรก็ตามถ้ามีผู้ร้องก็ยิ่งดี ซึ่งสำนักงานจะเป็นผู้พิจารณา 
    ส่วนกรณีนี้จะเข้าข่ายเพื่อประโยชน์ให้พรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีในรัฐบาลสังกัดอยู่หรือไม่ ตนได้ย้ำแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นใคร หากดำเนินการเข้าข่ายผิดกฎหมาย สำนักงานจะติดตามตรวจสอบอยู่เสมอ แต่ผลบางครั้งที่ออกมาก็ไม่ได้เป็นไปตามที่มีการร้อง คือหลักฐานและข้อมูลไม่เพียงพอ ที่จะชี้ได้ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย จึงยุติเรื่องไป แต่ถ้ามีมูลก็เสนอ กกต.ดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยตั้งกรรมการสืบเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่แค่มาฟ้องแล้วก็ให้ตัดสินเลย หากทำแบบนี้จะไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากหากพบว่ามีความผิดจะมีโทษรุนแรง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"