แค้นย้ายพรรคทิ้งแม้ว พท.ดาหน้าถล่ม!ซัดไร้อุดมการณ์เหยียบ‘เสื้อแดง’


เพิ่มเพื่อน    

 "เพื่อไทย" ดาหน้าซัดพวกแปรพักตร์ "เฉลิม" บอกเจอกันสนามเลือกตั้งจะรู้ใครคิดผิดคิดถูก  "วัน" ถามไม่รัก "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" แล้วเหรอ "สามารถ" อัดปากพูดยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่พลิกลิ้นไปอยู่เผด็จการ  "ชินวัฒน์" จวก "อำนวย คลังผา" เหยียบหลังคนเสื้อแดงซุกพลังประชารัฐ "หญิงหน่อย" ยังฟุ้ง พท.ไม่ร้างคนสมัครสมาชิก "พปชร." คึก อดีต ส.ส.-คนดังเรียงคิวพาเหรด "มือปราบหูดำ" เข้า ปชป. "ยะใส" ชี้ยิ่งดูดคนยิ่งเอือมการเมือง

    ตลอดวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างออกมายืนยันถึงความมั่นคงของพรรคเพื่อไทย แม้จะมีสมาชิกพรรคจำนวนมากลาออกไปอยู่พรรคอื่น โดยเฉพาะการย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมทั้งมีการวิพากษ์วิจารณ์การย้ายพรรคดังกล่าว พร้อมตั้งคำถามถึงอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ประกาศจะต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการ แต่สุดท้ายหันไปอยู่กับฝ่ายที่ตัวเองโจมตีมาตลอด 
    พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นธรรมชาติ ใกล้เลือกตั้งก็เป็นแบบนี้ทุกยุคทุกสมัย ว่าผู้สมัครทั้งหลายก็คงพยายามที่จะเข้าพรรคที่ดีที่สุดของตัวเอง ซึ่งหลายคนก็มีความจำเป็น มีความจำกัดในเรื่องบางสิ่งบางอย่าง ก็น่าเห็นใจ แต่ในทำนองเดียวกัน ไม่ใช่ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีแต่คนออกไปอย่างเดียว คนเข้ามาก็เยอะด้วยเช่นกัน 
    ถามว่า กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นการเมืองบ่อย จะมีส่วนทำให้พรรคเพื่อไทยถูกยุบหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า อดีตนายกฯ ทักษิณถือเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ก็ย่อมมีความรู้สึกเป็นห่วงบ้านเมือง เหมือนกับคนไทยทุกคน ซึ่งการแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นความเห็นส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย 
    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า เพื่อนสมาชิกนักการเมืองที่เคารพรัก วันนี้คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ท่านจะตัดสินใจสังกัดพรรค บรรดาผู้ที่เปลี่ยนแปลงสังกัดพรรค ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นอย่างใด ไม่มีใครรู้จริงเท่าตัวท่านเอง แต่ละคนมีภูมิต้านทานไม่เหมือนกัน
    "ผมเคารพในการตัดสินใจของท่าน ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ และคงพบกันในสนามเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะได้กลับเข้าสู่สภา  แล้วเมื่อถึงวันนั้น ความถ่องแท้จะปรากฏว่าใครคิดผิดคิดถูก ผมมองทุกท่านเป็นมิตร ถึงจะอยู่ต่างพรรค แต่เป็นพวกเดียวกัน ขอให้ทุกท่านโชคดี รักจากใจ" ร.ต.อ.เฉลิมระบุ
    นายวัน อยู่บำรุง สมาชิกพรรคเพื่อไทย บุตรชายร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถามอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ทยอยย้ายพรรคว่า "ไม่รักนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่รักนายกฯ ทักษิณ...กันแล้ว เหรอ!!!!!!!!!" พร้อมติด #ถึงทิ้งกันได้ลง
    นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกหดหู่ใจในพฤติกรรมการเมืองบางพรรคการเมืองที่ค่อนข้างได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น และใช้พลังดูด เพื่อให้มีนักการเมืองเข้ามาสังกัดพรรคจำนวนมากที่สุด หวังจะชนะเลือกตั้ง จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และกำลังถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามว่า จงใจอ้างเอาคดีความมาบีบ และเอาการแบ่งเขตมาบีบให้ย้ายพรรคใช่หรือไม่ 
    "การดูดนักการเมืองเข้าสังกัดพรรค เพื่อให้เป็นพรรคการเมืองใหญ่โดยละทิ้งอุดมการณ์ที่ดี ไม่คำนึงถึงคุณสมบัติที่ดีของนักการเมืองที่จะมาเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยที่กำลังเกิดขึ้นในบางพรรคขณะนี้ หวั่นใจว่าจะทำให้การเมืองไทยเดินถอยหลังลงคลอง จึงขอเตือนด้วยความหวังดีว่า ระวังจะซ้ำรอยกับพรรคสามัคคีธรรมในอดีต ที่ใช้วิธีทั้งดูด ทั้งบีบ ให้อดีต ส.ส.มาเข้าพรรค สุดท้ายแม้จะชนะเลือกตั้ง แต่ก็กลายเป็นพรรคต้นธารแห่งความขัดแย้ง ที่สังคมรังเกียจ จนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
พท.ซัดพวกแปรพักตร์
    ส่วนนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "ทำอะไรให้เกรงใจประชาชนบ้าง" โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งให้สังกัดพรรคการเมืองที่จะลงสมัคร 60 วันก่อนวันเลือกตั้ง วันเลือกตั้งที่ทุกคนรู้กันคือวันที่ 24 ก.พ. ใครจะสมัครในนามพรรคไหนก็ต้องสังกัดพรรคนั้น อย่างช้าไม่เกินวันที่ 26 พ.ย. จึงไม่น่าแปลกใจที่ยิ่งใกล้วันที่ 26 จึงมีปรากฏการณ์นักการเมืองหน้าใหม่ตัดสินใจเลือกสังกัดพรรค นักการเมืองหน้าเก่าย้ายจากพรรคเดิมเข้าสังกัดพรรคใหม่ ต่างคนต่างมีเหตุผลต่างๆ นานา อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะเห็นก็ได้เห็น ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินก็ได้ยิน 
    "คนที่พูดมาตลอดว่ายึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยมั่นคง จะต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการ จู่ๆ ก็หันไปอยู่กับฝ่ายที่ตนโจมตีว่ากล่าวเขามาตลอด ด้วยเหตุผล ข้ออ้างที่ฟังแล้วไม่น่ามีน้ำหนัก แปลกใจและพยายามเข้าใจกลุ่มคนที่ย้ายพรรค แต่ก็ยังสงสัยว่า กว่าจะหล่อหลอมเป็นอุดมการณ์ได้ต้องใช้เวลาบ่มเพาะมานาน และควรมั่นคงตลอดไป ทำไมจึงเปลี่ยนกันง่ายเพียงชั่วข้ามคืน ต้องอย่าลืมว่าประชาชนเขาเฝ้ามองท่านอยู่ เขาคือผู้ตัดสินพฤติกรรมของท่านว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงใด ในวันอาทิตย์ที่ 24 ก.พ.2562 ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา ครับ" อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยระบุ
    นายชินวัฒน์ หาบุญพาด สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า กรณี พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทยและเป็นคนเสื้อแดงที่ต่อสู้อย่างเข้มข้นคนหนึ่ง เคยลี้ภัย เคยกินนอน ต่อสู้ด้วยกัน แล้วไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่าเหตุที่ย้ายไปคงถูกวิชามารบีบเรื่องคดี ซึ่งส่วนตัวมั่นใจ พ.ต.ท.ไวพจน์ จุดยืนประชาธิปไตยไม่เปลี่ยนไป แม้ไปอยู่ซีกอื่น ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้ซีกนั้นชนะถล่มทลาย 
    "พี่น้องเสื้อแดงบางส่วนโจมตีอยากขอให้เข้าใจ เพราะการย้ายไปนั้นมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน กรณีพ.ต.ท.ไวพจน์ ไม่เหมือนกับนายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ เรื่องคดีก็ไม่มี ที่ย้ายไปไม่รู้เพราะอะไร ยังมาบอกว่าชอบในนโยบาย เห็นราคาข้าวดีขึ้นแล้ว ที่พูดอย่างนี้ ไม่รู้เลยหรืออย่างไร ที่ดีขึ้นมันดีแค่ชั่วคราว แต่ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ทั้งราคาข้าว สินค้าเกษตร ตกต่ำมาตลอด ทำไมไม่พูด ไม่เข้าใจว่าย้ายไปทำไม ทั้งที่อยู่เพื่อไทยเดิมได้เป็น ส.ส.อยู่แล้ว เวลาพี่น้องเสื้อแดงต่อสู้ ก็ไม่ได้มาร่วมต่อสู้ หลบมุมอยู่ในถ้ำ พี่น้องเสื้อแดงสู้ด้วยความลำบาก บาดเจ็บล้มตาย เพื่อให้คุณ แต่ในวันนี้มาชื่นชอบนโยบายพรรคพลังประชารัฐ บอกว่านโยบายดี เลยไม่เข้าใจที่ย้ายไปนั้น หวังอะไรบางอย่างหรือไม่" นายชินวัฒน์กล่าว
    แกนนำคนเสื้อแดงผู้นี้ระบุว่า อดีต ส.ส.เสื้อแดงที่ย้ายไปพรรคไทยรักษาชาติ คงกลัวพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ มีเวลาสังกัดพรรคไม่ทัน เลยอพยพไปหาที่อยู่ที่น่าจะมั่นคงกว่าพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ว่าใครจะย้ายไปไทยรักษาชาติ เพื่อชาติ ถือเป็นพรรคที่เป็นแม่น้ำสายประชาธิปไตย ก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าอยู่ๆ ใกล้หมดเวลาเลือกตั้ง ไปสนับสนุนพรรคเผด็จการ ก็ต้องคิดว่าไปเพราะอะไร  
    ที่ จ.อุบลราชธานี นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังเดินทางมาร่วมเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคที่จังหวัดอุบลราชธานีว่า การแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานี ในการเลือกตั้งตามกำหนดการโรดแมปของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562 ซึ่งเดิมจังหวัดอุบลราชธานีแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 11 เขต แต่ในครั้งนี้เหลือ 10 เขต และพรรคเพื่อไทยก็ส่งผู้สมัคร ส.ส.ครบทั้ง 10 เขต ซึ่งมีทั้งผู้สมัคร ส.ส.หน้าเดิม และมีหน้าใหม่ด้วย ที่มาทดแทนอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางรายที่ย้ายไปอยู่กับพรรคประชารัฐ
ฟุ้งสมัครเพื่อไทยล้น
    นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้ง 10 เขต คือ นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์, นายณรงค์ชัย วีระกุล, ส.จ.กิตติ์ธัญญา วาจาดี, นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ, นายรัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์, นายพิสิษฐ์ สันตพันธุ์, นายสมบัติ รัตโน, นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ, ส.จ.ประภูศักดิ์ จินตะเวช และนายสมคิด เชื้อคง ซึ่ง 7 ใน 10 คนนี้อยู่ในชุดชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 ซึ่งได้สร้างความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนในพื้นที่เช่นเดิม
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ที่แกนนำพรรคไปรับสมัครสมาชิก ไม่ต้องเดินหาสมาชิก แต่ประชาชนแห่กันมายังจุดรับสมัคร เอาใบสมัครไป 500 แต่ประชาชนมาสมัครกันถึง 5,000 รับสมัครได้เพียง 3,000 เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงมองว่าแม้อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะออกไป แต่เรามีประชาชนเข้ามาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม ทำให้เห็นว่าประชาชนต้องการใครอยากให้ใครเข้ามาแก้ปัญหาปากท้อง ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน และความยิ่งใหญ่ของพรรคการเมืองไม่ได้ขึ้นกับตัวผู้สมัครว่ามีใครบ้าง แต่อยู่ที่ประชาชนเขาจะเลือกใคร
    "ทุกท่านที่ไปขอให้ไปดี การจะอยู่พรรคเพื่อไทยหรือไปที่ไหนถือเป็นสิทธิ แต่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าการตัดสินใจของแต่ละคนผิดถูกอย่างไร วันนี้เราจะเห็นว่าคนที่ย้ายออกไปจากพรรคเพื่อไทยประมาณ 20 ถือว่าเป็นจำนวนเล็กน้อยหากเปรียบเทียบกับอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 54 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเดินสายหาสมาชิกหลายจังหวัดทั่วประเทศ มีคนออกมาสมัครเป็นจำนวนมาก ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ หลายจังหวัดที่เราไปรับสมัครสมาชิกใบสมัครเป็นสมาชิกไม่เพียงพอ" นายวรชัยกล่าว
    ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางลงพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม เปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย เขต อ.นาแก, ปลาปาก และวังยาง พร้อมรับฟังความคิดเห็นและเชิญชวนให้ประชาชนมาสมัครสมาชิก ซึ่งมีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายอดิศร เพียงเกษ อดีตรัฐมนตรี 4 สมัย, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมต.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง, นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.การคลัง และ พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน อดีตผู้ช่วย อ.ตร. ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย 
    โดยจุดแรกคุณหญิงสุดารัตน์ไปที่สวนยางพาราของนายสนั่น วงษ์ตาล่า อายุ 50 ปี เกษตรกรบ้านดานสาวคอย หมู่ 12 ต.นาแก มีกลุ่มอาชีพยางพารา ปาล์มน้ำมัน คอยให้รายละเอียด โดยคุณหญิงสุดารัตย์กล่าวให้กำลังใจและขอให้อดทน จากนั้นไปพบกับพ่อค้าแม่ขายในตลาดสดเทศบาลตำบลนาแก เพื่อรับฟังปัญหาในปัจจุบัน แล้วก็ไปยังศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยที่อยู่ด้านหลังตลาดสดดังกล่าว เพื่อทำบุญเปิดศูนย์ประสานงานอย่างเป็นทางการ 
    คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า การเดินทางมาภาคอีสานครั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แล้วนำไปประกอบการจัดทำนโยบายพรรค เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอยู่ในขณะนี้ พร้อมเปิดตัวนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาฯ พรรคเพื่อไทย ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 (นาแก, ปลาปาก, วังยาง) แทนนายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย ที่ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ 
    "อวยพรให้ผู้ที่ย้ายพรรคทั้งหลายขอให้โชคดี พรรคเพื่อไทยไม่ร้างผู้ที่จะขอเข้ามาเป็นสมาชิก” ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยกล่าว
พาเหรดเข้า 'พปชร.'
    ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า พรรคไทยรักษาชาติพยายามเชิญชวนบุคคลเข้าร่วมงานทางการเมืองให้มากที่สุด และเห็นว่าหากจะมีเพื่อนอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปร่วมงานกับพรรคฝ่ายผู้มีอำนาจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และไม่สามารถปฏิเสธสิ่งนี้ได้ ดังนั้นที่ออกไปก็ออกไป ที่เดินเข้ามาใหม่ก็มีอีกมาก แต่ตนไม่เชื่อว่าประชาชนจะยอมให้นักการเมืองทรยศต่อเจตนารมณ์ได้ง่ายๆ ดังนั้นผมเชื่อว่าถ้าเรายืนหยัดบนหลักการที่ถูกต้อง โอกาสยังเปิดอยู่สำหรับประชาชนเสมอ
    "พรรคไทยรักษาชาติจะทำงานหนักเพื่อให้ได้รับคะแนนสนับสนุน ซึ่งไม่สามารถประเมินได้ว่าจะได้คะแนนเท่าใดเพื่อแพ้หรือชนะ นำไปสู่การมุ่งหวังคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะท้ายที่สุด ทุกพรรคการเมืองจะต้องทำเพื่อชัยชนะเพื่อคะแนนเสียงมากที่สุดในแต่ละเขต ดังนั้นพรรคปาร์ตี้ลิสต์ที่มีการพูดถึงจึงไม่มีจริง พรรคจะส่งผู้สมัครที่มีคุณภาพที่สุดลงสู้ในทุกเขตเลือกตั้ง และแกนนำของพรรคก็จะลงพื้นที่พูดคุยในทุกเขตเลือกตั้ง และคาดหวังว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขตเลือกตั้งทั้งหลาย" นายณัฐวุฒิกล่าว
    ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บรรยากาศการรับสมัครสมาชิกยังคงคึกคัก มีอดีต ส.ส.และบุคคลทั่วไป เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยในเวลา 11.00 น. นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย และอดีต ส.ส.ศรีสะเกษหลายสมัย พร้อมนางวิจิตรา วัชราภรณ์ อดีตรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ภรรยา เข้ายื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. หลังจากวางมือทางการเมืองไปหลายปี เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
    นายปิยะณัฐกล่าวว่า เวลานี้ประชาธิปไตยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ การเมืองจึงเป็นกลไกหนึ่งที่สร้างโอกาสให้กับประชาชนและตนก็ต้องการสร้างโอกาสให้ประชาชน โดยใช้เสียงเพื่อพัฒนาบ้านเมืองและแก้ปัญหาประเทศ ที่ผ่านมาบ้านเมืองมีปัญหามาก การจะแก้ปัญหาได้พรรคการเมืองก็เป็นส่วนหนึ่ง พรรค พปชร.อาจไม่ใช่พรรคที่ดีที่สุดแต่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ ที่จะทำให้การเมืองเดินหน้าเพื่อประโยชน์ประชาชน จึงปรึกษากับชาวบ้านและตัดสินใจมาร่วมพรรคพลัง พปชร.ที่ยินดีที่จะให้โอกาส ตนจึงเต็มใจที่จะมาร่วมงานกับพรรค ส่วนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่หรือไม่ ต้องปรึกษาผู้ใหญ่ในพรรคก่อน
    ถามว่า มีเสียงวิจารณ์พรรค พปชร.อาจเหมือนกับพรรคสามัคคีธรรมในอดีต ที่มีการสืบทอดอำนาจจากทหาร นายปิยะณัฐกล่าวว่า การวิจารณ์เป็นเรื่องปกติ แต่จะเป็นไปตามที่วิจารณ์หรือไม่นั้น นักการเมืองจะต้องช่วยกันร่วมกำหนดการทำงาน ยิ่งมีการวิจารณ์คนที่กำหนดทิศทางต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีต ส่วนกรณีพรรคสามัคคีธรรมที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงไม่ทราบถึงปัญหาภายใน แต่เมื่อตนมาอยู่พรรคนี้ ก็ไม่ได้ยอมอะไรที่ไม่ถูกต้องง่ายๆ คิดว่าพรรคนี้จะไม่เหมือนพรรคสามัคคีธรรมในอดีต
    ซักว่า มาร่วมงานกับพรรคนี้ต้องเอาอุดมการณ์ใส่ลิ้นชักตามที่เคยกล่าวไว้ก่อนเข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร เมื่อปี 2535 หรือไม่ นายปิยะณัฐกล่าวว่า อุดมการณ์เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่นำมาใช้เมื่อใดต้องดูสถานการณ์และโอกาสที่เหมาะสม เวลานี้ตนดูลิ้นชักของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ยืนยันอุดมการณ์ยังอยู่เหมือนเดิม
    ต่อมาเวลา 16.35 น. นายมานิต นพอมรบดี อดีตรมช.สาธารณสุข พรรคภูมิใจไทย เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. 
    นายมานิตกล่าวว่า ถือฤกษ์สะดวกในการมาสมัครเป็นสมาชิก และเหตุผลที่สมัครพรรค พปชร. เพราะชอบนโยบาย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หนี้นอกระบบ นำโฉนดกลับคืนให้ประชาชน ส่วนจะลงรับสมัครเลือกตั้งหรือไม่นั้น ต้องดูกระแสและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ระหว่างตนและ น.ส.กุลวดี นพอมรบดี บุตรสาว ที่ลงพื้นที่มาตลอดมา 3-4 ปี ว่าชอบคนที่มีประสบการณ์หรือคนรุ่นใหม่ และขณะนี้เป็นกระแสของคนรุ่นใหม่ ถ้าชอบรุ่นใหม่ก็ต้องให้โอกาสลงสมัคร ส่วนตนก็มาช่วยอยู่ข้างหลัง
    "ผมไม่กังวลกลับที่มีการวิจารณ์ว่าพรรค พปชร.เป็นพรรคทหาร เพราะคนในพื้นที่ชอบนโยบาย" นายมานิตกล่าว 
'หูดำ'สมัคร'ปชป.'
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการสมัครสมาชิกพรรคในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย มีผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วันนั้น จะผู้มีชื่อเสียง รวมถึงอดีต ส.ส.บางคนที่อยู่ระหว่างตัดสินใจหรือยังมีภารกิจอื่น จะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกด้วย อาทิ นายดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย น้องชายนายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคไทยรักไทย ที่สมัครสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งทีมสระบุรี นำโดย นายปริญญา วันทา ที่ปรึกษา อบจ.สระบุรี ทีมงานของร.ต.ปรพล อดิเรกสาร มาสมัครสมาชิกด้วย โดยรายชื่อของผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี 3 เขต ประกอบด้วย เขต 1 น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย, เขต 2 นายสมบัติ อำนาคะ และเขต 3 นายปริญญา วันทา
    ในส่วนแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสุทธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ  เป็นประธานในพิธีปิดหลักสูตร "คิดให้...ไทยทะยาน" ซึ่งสถาบันปัญญาประชารัฐ ได้กำหนดจัดการอบรมขึ้นเป็นรุ่นแรก ที่ จ.ขอนแก่น โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งประกอบด้วยข้าราชการ นักธุรกิจ นักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำทางการเมือง ผู้ประกอบการ ครู อาจารย์และนักศึกษาเข้าร่วมอบรมจำนวนกว่า 200 คน
    นายสุวิทย์กล่าวว่า หลักสูตร “คิดให้...ไทยทะยาน” ที่ได้จัดทำหลักสูตรขึ้นเป็นรุ่นแรกในพื้นที่ภาคอีสานที่ขอนแก่น ถือว่าเป็นที่แรกของประเทศไทย โดยได้เชิญทุกภาคส่วนเข้าร่วมระดมความคิดเห็น สะท้อนปัญหา ศักยภาพและแนวคิดที่ต้องการให้มีการพัฒนาภาคอีสานเป็นเวลา 2 วัน ผลการระดมความคิดเห็นสามารถนำมาประมวลเป็นข้อมูลเชิงนโยบาย 4 ประเด็น ประกอบด้วยการสร้างโอกาส การสร้างความสามารถ การสร้างความเกื้อกูลและการสร้างความเป็นธรรม ซึ่งต่อไปจะนำประเด็นเหล่านี้ไปรวบรวมกับอีก 3 ภูมิภาค เพื่อกำหนดเป็นนโยบายของพรรคให้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาของประชาชนต่อไป และหลังจากที่จบหลักสูตรรุ่นที่ 1 แล้ว สถาบันปัญญาประชารัฐจะจัดรุ่นที่ 2 ในพื้นที่ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 1-2 ธ.ค.ที่จะถึงนี้
    จากนั้น นายสนธิรัตน์พร้อมแกนนำพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู ลงพื้นที่พบปะชาวหนองบัวลำภู เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะเพื่อจัดทำนโยบายในการเลือกตั้ง โดยในแต่ละพื้นที่มีชาวบ้านกว่า 2,000 คนมารอต้อนรับ 
    ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ปชป. โดยมีนายสรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรค ปชป., น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรค และนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาให้การต้อนรับ โดยนายสมชัยสมัครสมาชิกแบบตลอดชีพ จากนั้นนายสรรเสริญได้สวมเสื้อแจ็กเกตสีฟ้าสัญลักษณ์ของพรรค ปชป.ให้กับนายสมชัย 
    นายสรรเสริญกล่าวว่า ตนได้ข่าวมาว่านายสมชัย ได้รับการทาบทามจากหลายพรรคให้ไปสมัครเป็นสมาชิก แต่สุดท้ายด้วยความที่นายสมชัยมั่นใจในตัวพรรคและระบบของพรรค รวมถึงอุดมการณ์ของพรรค จึงมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยพรรคจะวางตำแหน่งให้อยู่ในพรรคเพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชน
    ส่วนนายสมชัยกล่าวว่า การทำประโยชน์ให้บ้านเมืองไม่จำเป็นต้องลงสมัครเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว เราเองขอให้มีการเสนอความเห็นออกไปให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม แต่ถ้าพรรคเห็นว่าตนสามารถลงเลือกตั้งได้ ก็แล้วแต่พรรค แต่ถ้าหากเห็นว่าจะเก็บไว้พูดมากๆต่อประชาชนก็เก็บไว้ได้ ขออย่ามองว่าตนจะทำอะไรหรือเรียกร้องอะไร เพราะไม่มีข้อเรียกร้องใดๆ
    ซักว่า สนใจสมัคร ส.ส.เขตใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ยังไม่เคยพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรค แต่ส่วนตัวเกิดที่ จ.สมุทรสาคร ถ้ามีที่ว่าง และคิดว่าตนเหมาะและไปได้ นอกจากนี้ชีวิตการเรียนและการทำงานของตนส่วนใหญ่ก็อยู่ใน กทม. ในพื้นที่ กทม.ก็สนใจอยู่เหมือนกัน แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะเห็นสมควรหรือไม่
    "สิ่งที่อยากผลักดันมากที่สุดคือกฎหมายสูงสุด ที่ไม่อาจพัฒนาประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งผู้ร่างโดยเห็นปัญหาเพียงส่วนเดียว รัฐธรรมนูญจึงแก้ปัญหาได้แค่เฉพาะหน้า แต่ระยะยาวนั้นมีปัญหาแน่นอน จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ผลักดันให้พรรคการเมืองแก้ไขรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ด้วย" นายสมชัยกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 26 พ.ย. เวลา 13.00 น. พล.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายามือปราบหูดำ” จะเดินทางมาสมัครสมาชิกพรรค ปชป.ด้วย
ยะใสชี้ยิ่งดูดยิ่งเสื่อม
    วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพัลงชาติไทย (รปช.) นำทีมงานพรรครวมพลังชาติไทย เดินทางมาคาราวะแผ่นดินพร้อมพบปะเชิญชวนชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดสดเมืองชุมพร (หมอพนัส) และผู้ประกอบการร้านค้าให้สมัครสมาชิกพรรครวมพลังชาติไทย โดยก่อนเดินคาราวะแผ่นดิน นายสุเทพและทีมงานได้เข้ากราบสักการะศาลหลักเมืองชุมพร ที่หน้าที่ว่าการเทศบาลเมืองชุมพร และสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร หลังเสร็จพิธีได้มีนายอรุณ ฉิมพลี อายุ 59 ปี มายืนรอเป่านกหวีดต้อนรับ พร้อมกับโผเข้ากอดแล้วบอกกับนายสุเทพว่า นกหวีดอันที่ตนนำมาเป่านี้ ได้คล้องคอไว้ตั้งแต่ร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส.จนถึงปัจจุบัน ส่วนใครจะคิดอย่างไรตนไม่รู้ แต่ลุงสุเทพคือฮีโร่ของตนและชาวชุมพร
    ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายยุทธพล อังกินันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าทีมโฆษกพรรค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งให้นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง, นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และยังได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายนิกร เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ทั้งนี้ การแต่งตั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และเลขาฯ คณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น เป็นมติจากที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง 
    นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง "การเมืองไทย กับม้าไม้เมืองทรอย" ระบุว่า ปรากฏการณ์ ดูด ส.ส.ที่นับวันยิ่งรุนแรงเข้มข้นขึ้นเมื่อใกล้ถึงเดดไลน์ที่ผู้สมัคร ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคภายในวันที่ 26 พ.ย.นี้ จริงๆ แล้วมหกรรมการดูด ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะคนในพรรคเพื่อไทย ที่แกนนำพรรคระดับเลือดเนื้อเชื้อไขหรือตำนานของพรรคหลายคนถูกดูดแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะไม่ใช่การดูดในระดับดูดไขมัน แต่เป็นการดูดในระดับเม็ดเลือดของพรรคเลยทีเดียว ซึ่งต้องจับตาว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์มาไม้เมืองทรอยของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
    "จะว่าไปแล้วขุนพลเพื่อไทยก็น่าจะรู้โมเมนตัมทางการเมือง เพราะในสมัยตั้งพรรคไทยรักไทยใหม่ๆ วิธีการที่คุณทักษิณใช้ก็ไม่ต่างกับที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ เพียงแต่สโลแกนในการดูดตอนนั้นชูเรื่องคิดใหม่ทำใหม่ แต่มาครั้งนี้เป็นเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง ส่วนจะขายได้หรือไม่ประชาชนจะตัดสิน"
    นายสุริยะใสกล่าวว่า ปรากฏการณ์แบบนี้แม้อาจเป็นเรื่องธรรมดาในแวดวงการเมืองไทย เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยก็ตาม แต่ในบริบทการเมืองสมัยใหม่ ปรากฏการณ์แบบนี้ประชาชนอาจจะไม่ได้เออออห่อหมกเสมอไป เพราะมีบทเรียนทางการเมืองกันมากขึ้นยิ่งในกระแสปฏิรูปประเทศที่หลายฝ่ายคาดหวัง ยิ่งเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต่างๆ ต้องไตร่ตรอง เอาเข้าจริงๆแล้วกระแสการปรับตัวของพรรคการเมืองเริ่มชัดขึ้นกระแสหลักเป็นเรื่องของพรรคใหญ่จัดระเบียบ จัดขั้วเลือกข้างสร้างความหวือหวารายวัน
    "ในขณะที่กระแสรองเป็นเรื่องของพรรคเกิดใหม่และกลุ่มคนหน้าใหม่ใหม่ทางการเมือง ซึ่งต้องถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่พรรคมาใหม่จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางเลือกใหม่ๆ ให้กับประชาชนในสนามการเลือกตั้ง
ผมเชื่อว่าปรากฏการณ์ดูดยิ่งแรงขึ้น ประชาชนจะถามหาพรรคใหม่ๆ มากขึ้นเช่นกัน".
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"