บัตรคนจนดันบิ๊กตู่พุ่ง สังศิตโพลชี้พรรคแม้วเสื่อม'พปชร.'กวาดชัยชนะ


เพิ่มเพื่อน    

    ฮือฮา! ม.รังสิตเปิดผลโพล 4 ครั้งจาก 77จว. "บิ๊กตู่" ความนิยมนำโด่ง "มาร์ค" รั้งอันดับ 2 ชี้พรรคของทักษิณเสื่อมโทรมหนัก เหตุขาดนักคิดทุจริตแตกแยกหลายก๊ก เผยบัตรคนจนดันความนิยมพุ่ง เชื่อ พปชร.จะนำห่าง พท.มากขึ้น กำลังเป็นพายุกวาดชัยชนะได้เป็นครั้งแรก และมีแนวโน้มเป็นรัฐบาล "สมศักดิ์" แบไต๋ พปชร.จะนำนโยบายรัฐบาลมาเป็นนโยบายพรรค "เพื่อแม้ว" ยังหวนถึงอดีต ไม่กังวลอดีต ส.ส.หนีออก "หญิงหน่อย" ปัดข่าวลง ส.ส.เขต "เดอะแจ็ค" หยาม รปช.ในภาคใต้สอบตกหมด
    เมื่อวันพฤหัสบดี นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้อำนวยการโครงการสำรวจความนิยมของนักการเมืองที่ประชาชนปรารถนาให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 เปิดเผยว่า วิทยาลัยฯ ได้ทำการรวบรวมประชากรครั้งละ 8,000 ตัวอย่าง ใน 350 เขตเลือกตั้งใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ตามโครงสร้างของประชากรไทยในปัจจุบันคือ ภาค อาชีพ เพศ อายุ ระดับการศึกษา ฯลฯ ด้วยระดับความเชื่อมั่นทางสถิติ 90% การสำรวจดำเนินการมาแล้ว 4 ครั้ง คือ
    ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 พ.ค.2561 ผลการสำรวจพบว่าผู้ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนทั่วประเทศมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 29.34% 2.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 26.24% 3.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 24.74% 4.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 10.61% และ 5.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 4.54% และอื่นๆ ที่เหลือ 4.53%     
    ครั้งที่ 2 วันที่ 13 มิ.ย.2561 พบว่า คะแนนนิยมของประชาชนทั่วประเทศที่อยากได้คนเป็นนายกฯ เรียงตามลำดับดังนี้ คือ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 19.34% 2. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 17.31% 3.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 8.93% 4.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 5.68% 5. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 4.36% และ 6.อื่นๆ ที่เหลือ 37.61% 
    ครั้งที่ 3 วันที่ 15 ต.ค.2561 คะแนนนิยมผู้ที่ประชาชนปรารถนาให้เป็นนายกฯ เรียงตามลำดับ ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 19.62% 2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 16.91% 3.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  16.43% 4.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 14.42% 5. นายอนุทิน ชาญวีรกูล 3.52% และ 6.อื่นๆ ที่เหลือ 29.10% 
    ครั้งที่ 4 วันที่ 24 พ.ย.2561 คะแนนนิยมผู้ที่ประชาชนปรารถนาให้เป็นนายกฯ ตามลำดับ ได้แก่ 1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 27.06% 2.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 18.16% 3.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 15.55%  4.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 9.68% 5.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 2.26% และ 6.อื่นๆ ที่เหลือ 27.30% 
    นายสังศิตระบุว่า จากผลการสำรวจทั้ง 4 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าพรรคของนายทักษิณ ชินวัตร (ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย) มาถึงจุดที่กำลังตกต่ำเสื่อมโทรมลงเป็นลำดับ ด้วยเหตุปัจจัยดังนี้ 1.ในระยะเริ่มต้นของการต่อตั้งพรรคไทยรักไทย เคยมีผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์สูง (กลุ่มเอ็นจีโอ) ในการทำงานกับประชาชนระดับล่างทั่วประเทศ จนช่วยให้พรรคไทยรักไทยสามารถนำเสนอนโยบายและวาทกรรมที่สำคัญ 2 เรื่องคือ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และนโยบายกองทุนหมู่บ้านที่สามารถเอาชนะพรรคการเมืองทุกพรรคมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2544 แต่ในปัจจุบันเอ็นจีโอส่วนใหญ่กลับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามพรรคเพื่อไทย 
    2.จากที่เคยเป็นผู้นำในการนำระบบการสื่อสารที่ก้าวหน้ากว่าและทันสมัยกว่าในการเอาชนะพรรคคู่แข่ง แต่ในขณะนี้พรรคการเมืองอื่นๆ สามารถนำเอาเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ (Social Media) เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และไลน์ ฯลฯ มาสื่อสารกับประชาชนได้ไม่แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย ทำให้ความได้เปรียบในเรื่องนี้หมดไป
    3.เคยมีนักวิชาการ นักคิดและนักยุทธศาสตร์ที่ทำให้พรรคนี้มีแนวความคิดและนโยบายที่ท้าทายยิ่งกว่าทุกพรรคแต่วันนี้พรรคเพื่อไทยขาดบุคลากรเหล่านี้ทำให้ขาดความสามารถในการสร้างนโยบายการเงินการคลังที่เป็นประโยชน์แก่คนในสังคมส่วนใหญ่ได้ หลังจากที่นโยบายจำนำข้าวและนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 350 บาทต่อวันก่อความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจในระดับมหภาคอย่างร้ายแรง และติดตามมาด้วยการพบว่ามีการทุจริตอย่างรุนแรงเรื่องนโยบายจำนำข้าว คนชั้นกลางจำนวนมากได้หมดความเชื่อถือต่อพรรคเพื่อไทยไป
     4.พรรคเพื่อไทยในขณะนี้ขาดผู้นำที่มีบารมีและมีภาวะผู้นำที่สูงมากพอที่จะรวบรวมสมาชิกจำนวนมากให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ภายในกลุ่มที่สนับสนุนนายทักษิณ เกิดกลุ่มก๊กต่างๆ ที่มีแนวความคิดและการบริหารจัดการที่ยากจะร่วมงานกันได้อย่างราบรื่น และการเกิดขึ้นของพรรคประชารัฐที่กำลังมีอำนาจทางการเมือง มีนโยบายด้านมหภาคและจุลภาคต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายบัตรคนจนซึ่งมีขอบเขตการให้ประโยชน์แก่คนจนอย่างกว้างขวาง โดยรวมเอานโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ผนวกรวมเข้ากับนโยบายอื่นๆ อีก เช่น เบี้ยคนชรา ค่าโดยสารสำหรับผู้ป่วย ฯลฯ และพบว่าเป็นนโยบายที่เอาชนะใจกลุ่มคนจนจำนวน 11 ล้านคนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
พปชร.พายุกวาด พท.
    นายสังศิตให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้ถ้าดูคะแนนนิยมส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งสำรวจมา 4 หน ชนะแค่ 3 หน แต่ครั้งสุดท้ายเริ่มชนะเยอะ ส่วนคะแนนนิยมพรรคแพ้มาตลอด แต่วันนี้พลิกกลับมาชนะ เหตุผลที่พลิกกลับมาชนะคิดว่ามาจากเรื่องบัตรคนจน แล้วจากนี้อีก 90 วันพรรคพลังประชารัฐจะออกนำพรรคเพื่อไทยแบบทิ้งห่างมากขึ้น เพราะตอนนี้เขาไม่มีนักคิดที่จะมาคิดทำนโยบายเหมือนสมัยก่อน ตอนนี้เหลือแต่การสู้ด้วยการปลุกใจ อย่างนี้ในทางการเมืองเขาแพ้แล้ว เพราะว่าเหลือแต่การปลุกใจ สงครามปลุกใจอย่างเดียว ไม่ทำให้ชนะ ต้องมีประชาชนสนับสนุนด้วยถึงจะชนะ
     “ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐกำลังจะทำปรากฏการณ์เป็นพายุที่จะกวาดเพื่อไทย เป็นพรรคแรกตั้งแต่ปี 2544 ที่จะเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้เป็นครั้งแรก เพราะฝั่งพรรคประชารัฐ มีประชาชน นักคิดให้การสนับสนุนจำนวนมาก ดังนั้นพรรคพลังประชารรัฐมีแนวโน้มสูงมากที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง” 
    นายสังศิตกล่าวด้วยว่า การเมืองย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หากฝ่ายไหนเกิดทำอะไรผิดพลาดอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ได้ แต่หากแนวโน้มเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ พลังประชารัฐจะชนะเพื่อไทยเยอะ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี เหมือนทีมฟุตบอลที่มีกองหลังเพื่อช่วยกันป้องกันไม่ให้เสียประตู คือต้องป้องกันการดิสเครดิตตัวนายกฯ ประยุทธ์ เช่น เรื่องการมาจากเผด็จการ หรือเรื่องบุคลิกส่วนตัว รวมถึงการดิสเครดิตทางนโยบายอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ต้องส่งกองหน้าไปทำประตู เช่น การผลิตนโยบายที่ตอบสนองประชาชน การส่งคนลงไปในพื้นที่เพื่อทำคะแนน 
    ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีโพล ม.รังสิต ระบุประชาชนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์และพรรค พปชร.มากขึ้น ว่า เห็นว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และพรรคอยู่ในระดับแนวหน้ามาโดยตลอด โดยมีปัจจัยความสงบสุขของบ้านเมือง สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ไม่ทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยววิตกเหมือนในอดีต เช่น ความวุ่นวายในการประชุมผู้นำอาเซียนปี 2552 ที่ผู้นำต่างประเทศต้องหนีม็อบ แต่ปัจจุบันไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นแล้ว
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงนิด้าโพล ที่ประชาชนอยากให้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ คนต่อไปเป็นอันดับหนึ่งว่า การสำรวจโพลต่างๆ เป็นประโยชน์ที่จะเอามาเป็นข้อมูล เป็นไฟส่องทางในการทำงานต่อไป พร้อมน้อมรับฟังทุกโพล และขอบคุณประชาชนที่แสดงความคิดเห็นสนับสนุนตน 
    นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุไม่จำเป็นต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองว่า ไม่เป็นห่วงเรื่องข้อกฎหมาย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความสง่างามในการอาสามาเป็นผู้นำ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรทำคืออาสาตัวเองเข้ามายืนหน้าสปอตไลต์ ให้ประชาชนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำที่ทำหน้าที่มาให้ประชาชนตัดสินใจให้ทำงานต่อไปหรือไม่ ให้เหมือนนักการเมืองทั่วไป การกลับเข้าสู่อำนาจหากเกิดขึ้นจริงก็จะสง่างาม ดีกว่ายืนอยู่ห่างๆ ให้ตัวเองได้เรียบทุกอย่าง แบบนั้นไม่สง่างาม 
    นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรที่จะต้องมีความชัดเจนทางการเมือง เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเป็นผู้นำประเทศและผู้นำของรัฐบาล
นโยบายรัฐใช้เป็นของ พปชร.
    ที่พรรค พปชร. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ถึงแนวทางในการลงพื้นที่หาเสียงรณรงค์การหาเสียงเลือกหลังปลดล็อก โดยมีกรรมการเข้าร่วมพร้อมเพรียงขาดเพียง 2 คนที่ยังติดภารกิจต่างจังหวัด 
    นายสมศักดิ์กล่าวว่า จะหารือถึงข้อมูลของแต่ละภาคว่าเป็นอย่างไร ตนอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมในข้อกฎหมาย ที่จะช่วยสนับสนุนการหาเสียง โดยคณะกรรมการนี้จะดูเรื่องทั่วไป และหาความรู้เพื่อไม่ให้ผู้ที่ลงพื้นที่หาเสียงไม่ทำผิด ส่วนจุดเด่นในการหาเสียงของพรรคคือนโยบาย ซึ่งจะมีความโดดเด่นกว่าความสามารถของตัวบุคคล นอกจากนี้ พรรค พปชร.จะขอนำนโยบายของรัฐบาลมาเป็นนโยบายของพรรคด้วย
 หากพรรคจัดนโยบายที่ดีเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ประชาชนก็จะหวังพึ่งพานโยบายมากกว่าตัวผู้สมัคร แต่ผู้สมัครหน้าใหม่ของพรรคก็ถือว่ามีความหมาย เชื่อว่าประชาชนจะให้คะแนนกับผู้ที่จะมาเป็นผู้นำในวันหน้า
     เมื่อถามว่า พรรคจะมีจุดขายอะไรที่ดึงดูดประชาชน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขอให้รอดูภายใน 7 วัน จะเห็นอะไรดีๆ พรรค พปชร.เวลานี้ถือเป็นพรรคใหญ่ ส่ง ส.ส. 350 เขต เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ วันที่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค. ตนจะเดินทางไปเปิดศูนย์ประสานงานของพรรคพลังประชารัฐที่จังหวัดแพร่และเชียงราย เพื่อให้เป็นที่ทำงานของผู้สมัครของพรรค เราจำเป็นต้องมีเซ็นเตอร์ในการประสานงานด้านต่างๆ โปรแกรมต่อไปก็จะออกไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้มาเป็นสมาชิกของพรรคด้วย 
    นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ในฐานะกรรมการเฉพาะฯ กล่าวกรณีพรรคเพื่อไทยระบุว่าอดีต ส.ส.ส่วนใหญ่ที่มาสังกัดเป็นพวกบัญชีสามที่ไม่ใช่ตัวเด่นหรือเป็นอดีตรัฐมนตรีว่า ขอให้ดูรายชื่อ ถ้าอย่างนั้นอดีตรัฐมนตรีคงไม่มากันหรอก พรรคเพื่อไทยไปไม่ได้ และที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำมากว่า 10 ปี ก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครทำให้ประเทศบอบช้ำ รัฐมนตรีที่มาก็รู้ดีว่าเพราะสาเหตุใด 
     เมื่อถามว่า ขณะนี้มีบางพรรคการเมืองออกมาระบุว่าถ้าพรรค พปชร.ได้อันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล จะไม่เข้าร่วมด้วย นายปรีชากล่าวว่า “โอ๊ย ไม่จับหรอก แต่วิ่งตามมา เชื่อผมเถอะ ผมอยู่การเมืองมา 30 กว่าปี ที่บอกว่าไม่จับๆ สุดท้ายก็วิ่งตามมาหมด"
     นายอำนวย คลังผา สมาชิกพรรค พปชร. อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการคลุกวงใน อินไซด์ข่าว ช่องสปริงนิวส์ ถึงสาเหตุการย้ายไป พปชร.ว่า การที่เขาไปตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พรรคเพื่อธรรม (พธ.) ตนไม่รู้เลย ก็อยู่พรรคเพื่อไทยมาตลอด กรรมการบริหารพรรคน่าจะบอกว่าเวลานี้เราจะต้องไปตั้งพรรคโน้นพรรคนี้ บอกให้เรารู้บ้าง นี่อยู่ๆ ก็ไปกัน ทษช. ตนไม่เห็นด้วยที่จะขยับ หากไปต้องไปให้หมด 
    "อันนี้ไปเป็นกลุ่มๆ ไปอยู่พรรคโน้นพรรคนี้ ผมเห็นว่ามันเป็นการปล่อยทิ้ง อย่างผม ก็ไม่รู้เรื่องเลย ก็อยู่ในพรรคเนี่ย จะไปไหนก็ต้องบอกกันมาสิ ในขณะที่ปล่อยให้เราอยู่บ้านเก่าๆ บ้านผุๆ อยู่” นายอำนวยกล่าว
    นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงตัวเลขสมาชิกพรรคที่ออกจากพรรคว่า อดีตส.ส.ปี 2554 ระบบเขตเลือกตั้งที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไปยังพรรคต่างๆ ไม่นับรวมที่ไปพรรค ทษช. อยู่ที่ 28 คน ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อก็มีอีกบางส่วน แต่คิดว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่พรรคการเมืองหากเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เขาเลือก การที่ ส.ส.ไหลออกไปไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจ เพราะเท่าที่ฟังพรรคของผู้มีอำนาจดูดอดีต ส.ส.ไปจากพรรคต่างๆ ประมาณ 50 คน แต่การเลือกตั้งทุกครั้งจะมีตัวเลข 20-30% ที่อดีต ส.ส.ไม่สามารถกลับเข้าสภาได้ ตรงนี้ต้องมาพิสูจน์กันว่าเขาอยากได้คณะรัฐบาลที่ตอบสนองการแก้ปัญหาแบบไหน 
     "การย้ายออกของอดีต ส.ส. ยืนยันไม่มีปัญหาเพราะเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพให้ประชาชนเลือกใช้งานมากกว่าจำนวนเขตที่มีอยู่ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมีเครดิตเพียงพอที่ประชาชนจะฝากไว้วางใจกับเรา" 
"หน่อย" ปัดลง ส.ส.เขต
           เมื่อถามถึงกรณีอัยการจะนัดสั่งคดีที่แกนนำพรรคแถลงข่าวโจมตีผลงาน 4 ปี คสช. จะส่งผลให้ถูกยุบพรรค นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราไม่เคยกังวลในเรื่องนี้ แม้จะมีการสะท้อนให้สมาชิกเราหวั่นไหวบ้าง แต่ไม่กระทบความหวั่นไหวของสมาชิกพรรค ส่วนนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคโดยหลักการสมาชิกพรรคทุกคนมีสิทธิร่วมหาเสียง ถึงเวลาเราก็เรียกร้องขอความร่วมมือกับสมาชิกทุกคนอยู่แล้ว ส่วนลูกของนายทักษิณอีกสองคนยังไม่เห็นว่าสมัครเข้ามาเป็นสมาชิก ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ 
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวถึงกรณีอดีต ส.ส.ของพรรค พท. 28 คนลาออก ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีอดีต ส.ส.ย้ายพรรค ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยที่ถูกรัฐประหารปี 2549 มี ส.ส.ลาออกไปกว่าครึ่งพรรค ต้องหาผู้สมัครหน้าใหม่มาหมดเลย จนถูกดูแคลนว่าได้แต่นกแลมา แต่พอผลการเลือกตั้งออกมา ปรากฏว่าประชาชนไว้ใจนกแล ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมสร้างคนใหม่ การที่มีคนลาออกจากพรรคก็จะช่วยให้เกิดการปฏิรูปหลายส่วนประสบความสำเร็จได้ พรรคไม่ได้มีปัญหาตัวบุคคลที่จะส่งลงสมัคร รวมถึงเขตที่อดีต ส.ส.ลาออกไปก็ไม่มีปัญหา เพราะมีผู้สมัครหน้าใหม่ จนคิดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นโรงเรียนที่ผลิตคนการเมือง มั่นใจว่าประชาชนดูที่นโยบายว่าพรรคใดทำสำเร็จ พรรคไหนที่สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้
      ส่วนกระแสข่าวที่ตนจะลงสมัครรับเลือกตั้งระบบเขตนั้น เธอบอกว่า ก็ไม่ทราบ ตอนนี้มีคนแถลงข่าวแบบไม่ปรากฏชื่อเรื่อยๆ แต่ขอว่ามีข้อสงสัยใดให้สอบถามมาที่ตนเอง ส่วนจะลงบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่งหรือไม่นั้น เป็นเรื่องอนาคต ยังไม่มีการวางตัวบุคคล และเห็นว่าถ้าจะเป็นบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่งควรจะเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนกระแสข่าวนายพานทองแท้จะร่วมขึ้นเวทีเดินสายปราศรัยหาเสียงทั่วประเทศนั้น ยังไม่ถึงขั้นนั้น และยังแปลกใจกับกระแสข่าวทีมหาเสียงที่มีออกมา เพราะความสามารถของนายพานทองแท้จะเน้นไปในเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยพรรคทำการประชาสัมพันธ์ สื่อใหม่และกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้
          ขณะที่นายพานทองแท้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า วิธี “ไดโนเสาร์สีเขียว” ได้ผลเสมอ ไม่ว่าจะล่อเด็กออกจากที่พัก หรือล่อนักการเมืองออกจากพรรคฯ  
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ในฐานะกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ เฟซบุ๊กไลฟ์หัวข้อ "ถึงวัฒนา เมืองสุข อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู" โดยระบุว่า นายวัฒนาโพสต์เฟซบุ๊กถึงอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ พลังประชารัฐ 16 คน ชาติไทยพัฒนา 3 คน ภูมิใจไทย 3 คน และเพื่อชาติ 1 คน ส่วนอีกจำนวนหนึ่งไปสังกัดพรรค ทษช. อุดมการณ์เดียวกับเพื่อไทย ว่า ในฐานะกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ แล้วเห็นว่านายวัฒนาเอาพรรคเพื่อชาติไปรวมเป็นกลุ่มเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย ขณะเดียวกันก็เอาเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ เป็นพวกเดียวกัน เสมือนหนึ่งว่าบัดนี้ได้จัดกลุ่มก้อนทางการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  
    "ฝ่ายประชาธิปไตยต้องไม่มีพฤติกรรมในลักษณะ อิจฉาริษยาหรือว่าวิตกกังวลกันเอง ประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ผมอยากบอกนายวัฒนาว่า ลองคิดทบทวนเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ความล้มเหลวต่างๆ นายวัฒนาก็ไปรู้เห็นและเกี่ยวข้องมากพอสมควร ผมเตือนอีกว่าถ้ายังไม่หยุด ผมก็พร้อมที่จะเป็นคู่วิวาทะได้ทุกวันกับนายวัฒนา ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ประเภทหาเศษหาเลยกันนั้นผมไม่นิยม เพราะฉะนั้นเขียนข้อความกำกวมแล้วไปมัดกันอย่างนี้ เป็นเรื่องที่เกินกว่าจะรับได้." นายจตุพรกล่าว
    นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงว่า พรรคมีผู้สมัครที่มีคุณภาพและจะส่งครบ 350 เขตทั่วประเทศ แม้ในหลายพื้นที่จะมีผู้สมัครของพรรคออกไปอยู่พรรคการเมืองอื่น แต่เราเคารพการตัดสินใจและได้ตัวบุคคลที่มีคุณภาพมาลงแทนแล้ว โดยเชื่อว่าประชาชนอยากได้นักการเมืองซื่อสัตย์สุจริต ดำเนินการทางการเมืองได้อย่างซื่อตรง ประชาธิปัตย์ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นประชาธิปัตย์ที่ไม่เกรงใจใครอีกแล้ว ถ้าขัดหลักการของบ้านเมือง ผลประโยชน์ของประเทศจะต่อสู้และยืนหยัดทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งพรรคจะเสนอนโยบายเป็นจริง สัมผัสได้ และรวดเร็ว โดยนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นประธานจัดทำนโยบายพรรคเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะเริ่มแถลงในแต่ละเรื่องตั้งแต่สัปดาห์หน้า
    นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ปชป. กล่าวถึงกระแสข่าวนายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง ปชป. ขัดแย้งกับนายคมกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ในเรื่องการลงพื้นที่ ส.ส.เขตระนอง จนนายคมกฤษย้ายไปสมัครพรรคภูมิใจไทยว่า ไม่เป็นความจริง นายวิรัชกับตระกูลฉัตรมาลีรัตน์ เจ้าของลูกชิ้นฮั้งเพ้ง เป็นคู่แข่งทางการเมืองกันมาตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่เคยยิ้มให้ ลูกชิ้นสักไม้ก็ยังไม่ได้กิน   
    "เดิมทีฉัตรมาลีรัตน์เป็นคนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรค รปช. ต้องการให้ลงเขตระนองสังกัด ปชป. และพยายามกดดันให้นายวิรัชขึ้นไปสู่บัญชีรายชื่อ แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ ส่วนที่ไม่ยอมให้นายคมกฤษไปสังกัด รปช. เพราะมั่นใจว่าแพ้เลือกตั้งแน่นอน  จึงให้ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ที่ดูดีและมีภาษีดีกว่า และขอยืนยันว่าผู้สมัครของพรรค รปช.ของลุงกำนันในพื้นที่ภาคใต้สอบตกทั้งหมด" นายวัชระกล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"