นปช.บุกอัยการทวงคดีสลายชุมนุมปี 53 อึ้ง! 6 ปีสำนวนการตายยังไปไม่ถึง


เพิ่มเพื่อน    

30 พ.ย.61 - ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายนิสิต สินธุไพร แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมทนายความและญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช. ปี 2553 เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าคดีของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์ โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนอัยการสูงสุดรับทราบเรื่อง โดยนายณัฐวุฒิอ้างถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนเจ้าของนามปากกา “พยัคฆ์น้อย” ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เขียนคอลัมน์ระบุถึงนายทหารชั้นยศนายพลคนหนึ่งเดินทางไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพูดคุยกับอัยการสูงสุดขอให้สั่งยุติสำนวน โดยทำเป็นสำนวนมุมดำในคดีคนเจ็บคนตายจากเหตุสลายการชุมนุม นปช.เมื่อปี 2553

ในการเข้าพูดคุย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนได้ทราบเรื่องดังกล่าวจึงทำหนังสือเปิดผนึกถึงอัยการสูงสุดว่าเรื่องนี้มีจริงหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้นอกจากไม่มีคำตอบกลับมาแล้ว ล่าสุดในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์คอลัมม์เดิมยังปรากฏบทความจากสื่อมวลชนมีการระบุเลขคดีด้วย ซึ่งเป็นสำนวนคดีที่เกี่ยวกับคนบาดเจ็บชัดเจน ถูกสั่งให้เป็นสำนวนมุมดำไปแล้ว เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนคดีที่มีคนตายก็กำลังจะถูกทำให้เป็นสำนวนมุมดำคือการยุติคดีในช่วงสิ้นเดือน พ.ย. วันนี้เป็นวันสุดท้ายตนจึงมาทวงถามด้วยวาจา เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เคยยื่นหนังสือไปหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจน ทั้งที่สำนวนคนตายศาลมีคำสั่งในสำนวนชันสูตรพลิกศพเป็นสิบๆ สำนวนว่าเสียชีวิตจากอาวุธของฝั่งเจ้าหน้าที่ ส่วนอีก 70 รายยังไม่มีการไต่สวนสาเหตุการตาย

ด้าน นายประยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้ทางผู้บริหารของสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับทราบเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวแล้วจากทางสื่อมวลชน เบื้องต้นตนได้สอบถามไปยังสำนักงานอัยการคดีพิเศษพบว่า สำนวนการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดี 6 ศพวัดปทุมวนารามยังไม่ส่งมายังสำนักงานอัยการ ส่วนสำนวนผู้บาดเจ็บมีส่งเข้ามาแล้วบางส่วน ซึ่งกระจายอยู่หลายกอง ขณะนี้ทางสำนักงานคดีพิเศษกำลังรวบรวมข้อมูลว่าแต่ละคดีอยู่ในขั้นตอนไหน มีคำสั่งคดีไหนไปแล้วหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง สำหรับข้อกฎหมายเรื่องสำนวนมุมดำนั้น เป็นคดีที่พนักงานสอบสวนไม่รู้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิด แล้วจึงส่งมาขอให้พนักงานอัยการเห็นชอบและมีคำสั่งให้งดการสอบสวนไว้ชั่วคราว จึงยังไม่ได้มีการแตะลงไปในเนื้อหาคดีว่ามีใครผิดถูกอย่างไร ซึ่งภายในอายุความคดีนี้ 20 ปี คดีจะสามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ ส่วนข้อทุกข์ใจของญาติผู้เสียชีวิตในวันนี้ตนจะนำเสนอให้ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุดได้รับทราบภายในวันนี้

โดยภายหลังได้รับคำตอบ นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้ตนจะขอให้ทางอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือชี้แจงออกมาให้ได้ทุกคำถาม วันนี้ตนก็ได้รับทราบข้อมูลใหม่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเวลาผ่านมาหลายปี ทำไมสำนวนชันสูตรพลิกศพยังมาไม่ถึงมืออัยการ และหากยังไม่ถึงมือสำนวนมันอยู่ที่ไหนกัน หากอยู่ที่พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะเป็นผู้มีอำนาจ สถานที่ตั้งก็อยู่ใกล้กับสำนักงานอัยการสูงสุดขนาดนี้ แต่นี่ผ่านมาหลายปีทำไมยังมาไม่ถึง

นายประยุทธ กล่าวว่า ตนสามารถตอบคำถามได้เพียงในส่วนของอัยการ ไม่สามารถที่จะไปก้าวล่วงองค์กรอื่นได้ แต่เรื่องการทำสำนวนนั้นย่อมที่จะมีหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ อย่างน้อยก็มีดีเอสไอที่เป็นผู้ทำสำนวนแต่แรก ซึ่งมันก็จะมีวิธีการในการสืบค้นว่าอยู่ขั้นตอนไหน ส่วนที่ถามว่าสำนวนหายไปหรือยัง อัยการไปตอบแทนหน่วยงานอื่นไม่ได้

นายณัฐวุฒิ ถามต่อว่า ในทางกฎหมายว่าเมื่อศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายแล้ว แต่พนักงานสอบสวนยังไม่ส่งมาผ่านไป 5-6 ปีแล้ว ในฐานะผู้เสียหายมีช่องทางดำเนินคดีเจ้าหน้าที่หรือไม่ โดยนายประยุทธ กล่าวตอบว่า ข้อมูลที่ถามมานั้นตนไม่มีข้อเท็จจริงอยู่ในมือ การที่จะพูดหรือชี้แนะอะไรออกไปย่อมเป็นการคาดเดา ซึ่งตนไม่อาจที่จะไปก้าวล่วงได้ ตอนนี้เราทราบแต่เพียงว่าได้ตรวจสอบไปยังอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว และมีการแจ้งว่ายังไม่มีสำนวนเข้ามายังอัยการ

นายณัฐวุฒิถามว่า เมื่อยังไม่มีการส่งสำนวนมายังอัยการแปลว่าสำนวนยังไม่เป็นสำนวนมุมดำตามข่าวใช่หรือไม่ นายประยุทธ กล่าวตอบว่า ถ้าเรายังไม่เห็นสำนวนเรายังไม่ทราบ แต่การจะสั่งว่าเป็นสำนวนมุมดำเป็นอำนาจของพนักงานอัยการ ฉะนั้นต้องมีการส่งมาให้อัยการพิจารณาก่อน แต่ตามประมวลกฎหมายพิธีพิจารณาความอาญา สำนวนที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิดซึ่งก็คือไม่มีตัวหรือที่เรียกว่ามุมดำ จะถูกตั้งต้นมาตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน แล้วก็จะถูกส่งมาให้พนักงานอัยการเห็นชอบ หากมีการเห็นชอบไปให้งดการสอบสวน แต่หากมีพยานหลักฐานเพิ่มก็สามารถหยิบยกขึ้นมาได้ภายในอายุความ การที่ถามว่าต้องมาถึงอัยการแล้วจะเป็นสำนวนมุมดำใช่หรือไม่นั้น จึงขอตอบว่าไม่ใช่ คำว่ามุมดำคือการตั้งรูปคดีตั้งแต่ชั้นสอบสวนแล้วว่าไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด

หลังการพูดคุย นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ข้อสันนิษฐานของตนซึ่งต้องตรงกับข้อเท็จจริงแน่ๆ คือสำนวนคดีนี้ยังค้างอยู่ที่ดีเอสไอ ตนจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ถามอธิบดีดีเอสไอคนปัจจุบันว่า ตกลงสำนวนคดีผู้เสียชีวิตซึ่งศาลได้ไต่สวนสาเหตุการตาย และชี้แล้วว่าตายเพราะอาวุธจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ขอให้อธิบดีดีเอสไอได้สำรวจลิ้นชักทุกลิ้นชักในดีเอสไอ แล้วกรุณาให้ความกระจ่างแก่ประชาชน อธิบดีดีเอสไอคนนี้ไปขึ้นศาลเป็นพยานโจทก์ในคดีก่อการร้ายที่พวกตนเป็นจำเลย ตนก็เคารพในการทำหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรม แต่ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือกับการขึ้นศาลชี้ว่าพวกตนเป็นจำเลยทำผิด ส่วนคดีผู้เสียชีวิตยังค้างอยู่ที่ดีเอสไอ ใช้เวลาถึง 5-6 ปีแล้ว ขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเดินหน้าเรื่องนี้โดยทันที และถ้าเพิกเฉย ตนจะต้องไปติดตามสอบถามดีเอสไออีกครั้ง

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ได้รับคำตอบจากดีเอสไอว่าสำนวนคดีนี้ไม่ได้อยู่ที่นั่น เพราะถ้าตอบแบบนั้นก็แสดงว่าสำนวนคดีนี้หายไป สาบสูญไปจากวงจรของโลก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ มันต้องมีคนรับผิดชอบ มันต้องมีคนถือเรื่องไว้ แล้ว 5-6 ปีผ่านไป ต้องพูดให้ชัดด้วยซ้ำไปว่ามีคนดองเรื่องไว้หรือไม่ ผมว่าเรื่องนี้ดีเอสไอต้องมีคำอธิบาย” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่าภายในสัปดาห์หน้า ดีเอสไอควรจะมีความชัดเจน นี่ไม่ใช่การคาดคั้นหรือกดดัน แต่เป็นการเรียกร้องจากประชาชนในฐานะผู้เสียหาย สัปดาห์หน้าถ้ายังไม่มีคำตอบก็ถือว่าช้าเกินไป เพราะเรื่องผ่านไปแล้ว 5-6 ปี ที่พวกตนมาวันนี้พร้อมทนายความและญาติผู้เสียชีวิต ไม่ได้มาทำลายความสงบสุขของบ้านเมือง ไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการเลือกตั้งหรือการเดินหน้าสู่ความปรองดอง พวกตนพร้อมให้ความร่วมมือทั้งสองกรณี แต่เพราะว่าคดีนี้ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบันใช้เวลากว่า 8 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่ข่าวร้ายสำหรับผู้สูญเสีย ทั้ง ป.ป.ช. ยกคำร้อง อัยการทำให้เป็นสำนวนมุมดำ วันนี้ก็ทราบอีกว่าคดีคนตายมีคนถือไว้ไม่ยอมส่งมาถึงมืออัยการ เลยมาติดตามทวงถามและต้องทวงถามต่อไป

“ในอดีตคดีที่มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจากการต่อสู้ทางการเมือง แล้วฝ่ายผู้มีอำนาจใช้กำลังปราบปราม 14 ตุลา, 6 ตุลา, พฤษภา 35 ฝ่ายผู้มีอำนาจออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเอง แต่คดีปี 2553 แม้ไม่มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเจ็บปวดยิ่งกว่า เพราะในกระบวนการยุติธรรมปกติธรรมดา กลับหาช่องทางที่จะเข้าถึงความยุติธรรมไม่ได้ คดีนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดี เป็นเหมือนเขาวงกต ที่เดินมาแล้ว 8 ปี ก็ไม่ไปถึงไหน” นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่า ผู้มีอำนาจถ้าใครไปกดทับไม่ให้คดีนี้เดินหน้า ขอความกรุณาถอยออกเถอะ ให้คดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถึงที่สุดให้ศาลพิพากษา ใครผิดใครถูกเมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดพวกตนก็น้อมรับ

ด้านนางธิดา กล่าวว่า การปรองดองจะเกิดขึ้นได้ความจริงต้องปรากฏ ไม่ใช่เอาความจริงซุกใต้พรม คนตายเป็นร้อยคนเจ็บสองพัน ถ้าความจริงไม่ปรากฏท่านจะปกครองประเทศต่อไปอย่างไร อำนาจที่ไม่ชอบธรรมไม่สามารถปิดปากบังคับประชาชนได้ การเมืองจะก้าวต่อไปสู่การเลือกตั้ง ผู้นำอยากจะเป็นนายกฯ ต่อไปไม่ได้ ถ้าความปรองดองไม่เกิด เรื่องอย่างนี้ยังถูกปกปิด การที่เรามาวันนี้เป็นการให้ความร่วมมือเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ความยุติธรรมต้องมี ถ้าหยุดตรงนี้ไปไม่ถึงศาล ประเทศนี้จะไม่สามารถสู้หน้าใครในโลกนี้ได้ และไม่มีใครปกครองประเทศในบรรยากาศอย่างนี้ได้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"