ฮือต้าน'วิษณุ'ส่อใช้ม.44บีบปปช.ยกเว้นบังคับใช้กฎหมายแสดงบัญชีทรัพย์สินกับกรรมการสภามหาวิทยาลัย


เพิ่มเพื่อน    

1 ธ.ค.61 - ศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) , ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.) , ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง (ทป.มรภ.), กลุ่มส่งเสริมธรรมาภิบาลมหาวิทยาลัย (สธม.)  ร่วมกันออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES)  เรื่อง ขอคัดค้านรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในการแทรกแซงที่อาจให้มีการใช้อำนาจมาตรา 44 หรือกดดันให้ ป.ป.ช. กลับมติ เพื่อยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายแสดงบัญชีทรัพย์สินกับกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ขณะนี้และในอนาคต

แถลงการณ์ ระบุว่าศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) ร่วมกับองค์กรพันธมิตรประกอบด้วย ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.) ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง (ทป.มรภ.) และกลุ่มส่งเสริมธรรมาภิบาลมหาวิทยาลัย (สธม.) ขอคัดค้านกรณี ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อาจเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจมาตรา 44 หรือกดดันให้ ป.ป.ช. กลับมติ เพื่อยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายการแสดงบัญชีทรัพย์สินกับกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ขณะนี้และในอนาคต ด้วยเหตุผลว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และมุ่งมั่นยืนหยัดในหลักธรรมาภิบาลอย่างถึงที่สุดแล้วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความน่าเคารพและความน่าเชื่อถือในฐานะองค์กรอิสระที่ต้องปราศจากการแทรกแซงของอำนาจทางการเมืองใดๆ แต่การที่รองนายกรัฐมนตรี ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในวันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ในลักษณะเข้าข่ายการแทรกแซงการทำหน้าที่อย่างโปร่งใสขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. นั้น อาจถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจจากตำแหน่งที่มีทางการเมืองเข้าแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบที่เป็นมาตรฐานตามหลักธรรมาภิบาลของ ป.ป.ช. ซึ่งรัฐบาลนี้ประกาศมาโดยตลอดการดำรงตำแหน่งว่าจะยึดหลักนิติรัฐในการปกครอง แต่การออกมาให้สัมภาษณ์ล่วงหน้าของรองนายกรัฐมนตรีท่านนี้ แสดงให้เห็นถึงท่าทีชัดเจนที่จะสั่งการและแทรกแซงกระบวนการทำงานอย่างถูกต้องและโปร่งใสขององค์กรอิสระ อันถือได้ว่าเป็นการทำลายหลักนิติรัฐที่รัฐบาลนี้อ้างถึงมาโดยตลอด และส่งผลให้ระบบธรรมาภิบาลของประเทศล้มเหลว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศจะหวังพึ่งความยุติธรรมจากรองนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้อย่างไร ในเมื่อการให้สัมภาษณ์ของท่านสื่อไปในทำนองสนับสนุนระบอบอภิสิทธิ์ชนให้ดำรงอยู่ และทำลายหลักความเสมอภาคทางกฎหมายซึ่งเป็นวาระสำคัญหนึ่งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่รัฐบาลนี้เป็นผู้ร่างขึ้นมา

ศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) และองค์กรพันธมิตร จึงขอแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ต่อรัฐบาลและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินี้ว่า จะต้องไม่เว้นการบังคับใช้กฎหมายไม่ว่ากรณีใดๆ เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาในประเทศนี้เป็นต้นแบบของธรรมาภิบาลอันสมบูรณ์แบบให้แก่สังคมไทยในอนาคตต่อไป.
 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"