"แม่หลวงกุ้ง" สวย เก่ง จิตอาสา อุดมการณ์เดียวทำงานเพื่อประเทศ


เพิ่มเพื่อน    

        จากอดีตผู้ใหญ่บ้านที่ทำงานในสนามการเมืองเล็กๆ วันนี้ สุพัตรวี อยู่แพทย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "แม่หลวงกุ้ง" อดีตผู้ใหญ่บ้านหญิงเหล็ก ผู้นำชมรมจิตอาสาแม่หลวงกุ้ง แถมยังติดอันดับผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทย และด้วยความสามารถของแม่หลวงกุ้งที่เป็นคนรุ่นใหม่ จนเข้าตาหลายๆ พรรคการเมืองต่างรุมมาทาบทาม แต่วันนี้แม่หลวงกุ้งตัดสินใจเลือกสมัคร สมาชิกพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ที่มี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นแม่ทัพ นำเข้าสู่สนามการเมืองใหญ่อย่างเต็มตัว

 

เหตุผลที่ตัดสินใจลงสมัครในสนามการเมืองใหญ่

        เริ่มต้นจากงานอาสา ส่วนตัวเราเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้นำ "ชมรมจิตอาสาแม่หลวงกุ้ง" เรามีครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีอาสาทุกคนร่วมงาน รวมถึงครอบครัวภายใต้หลังคาบ้านเดียวกัน ทุกคนคอยสนับสนุน เหตุผลเพราะว่าในเมื่อเรามางานอาสาแล้ว เราเห็นใจพี่น้องอาสาทุกคนที่ทำงานหนักกันมาตลอด ทำงานด้วยแรงของเราเอง ปราศจากคนสนับสนุน งานหลายๆ อย่างที่เราอยากทำ แต่เข้าไปไม่ถึง เหตุผลเพราะว่าเราเป็นเพียงแค่อาสา

        ในทีมอาสาด้วยกันก็บอกมาตลอด หากใครสักคนในทีมมีโอกาสที่จะก้าวไปก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นเราก็จะย่ำอยู่กับที่ งานด้านการช่วยเหลือที่พวกเราทำก็จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ อยากทำในงานที่อยากทำไม่ได้ ดังนั้นวันนี้สิ่งที่เราอยากจะทำต้องโตขึ้นได้แล้ว  เมื่อก่อนงานอาสาเราทำเหมือนเด็ก ไม่มีแบบแผน ไม่มีแนวทาง ไม่มีคนคอยชี้แนะ ตอนนี้พอมาอยู่ในพรรคชาติพัฒนา ก็มีคำชี้แนะจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ซึ่งมีประสบการณ์ ก็ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

รายละเอียดงานชมรมจิตอาสาแม่หลวงกุ้งมีอะไรบ้าง

        เคยเห็นเด็กขับมอเตอร์ไซค์กวนเมือง เด็กแวนซ์ เด็กที่ไปกับร้านเหล้า เด็กสูบบุหรี่หรือไม่ จุดเริ่มต้นชมรมเพราะอยากเป็นแบบอย่าง และดึงเด็กเหล่านั้นเข้ามามีส่วนร่วม คอยชักชวนน้องๆ ไปทำบุญ ไปทำกิจกรรมอาสา ให้เขาหยิบมาคิดก็ยังดีว่าเราเคยไปทำความดี อยู่ในกลุ่มสร้างสรรค์ เด็กๆ หลายๆ คนจากเด็กแวนซ์ก็ดีขึ้น

        นอกจากนี้ยังมีคนจากหลากหลายอาชีพมาร่วม ทั้งรถสองล้อ มอเตอร์ไซค์ รวมตัวกันเพื่องานอาสาเป็นครั้งๆ ไป เราไม่มีมูลนิธิ หรือที่ตั้ง แต่เป็นการรวมกลุ่มกันเฉพาะกิจ และเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่คอยประสานงานกับกลุ่มอาสาต่างๆ ใน จ.เชียงใหม่ ชวนกันไปทำกิจกรรมอาสา กฎของกลุ่มเราหากจะทำงานอาสาใดห้ามเรี่ยไร ห้ามถือขันบริจาค ห้ามเรียกรับ ห้ามเดินไปขอใคร จะไม่ขอรับเงินจากใครให้เดือดร้อน จะขอเป็นต้นแบบดีๆ ให้คนเลียนแบบ เป็นสิ่งที่เราบอกน้องๆ มาตลอด ซึ่งถึงวันนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

 

ทำไมถึงเลือกลงสนามการเมืองในพรรคชาติพัฒนา

        การทำงานเป็นผู้ใหญ่บ้านในอดีตก็เรียกการเมืองเหมือนกัน แต่เป็นการเมืองสนามเล็กที่เคยทำ ก็อาจจะได้เห็นแค่เพียงมุมแคบๆ การช่วยเหลือหลายๆ อย่างมองไม่เห็นภาพไกล อีกทั้งเราทำงานอาสาควบคู่ไปด้วย จึงมองว่าแทนที่จะเป็นแค่จิตอาสาเล็กๆ ทำได้แค่เรื่องทั่วไป ทำได้แค่เฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะพื้นที่ หากลงในสนามใหญ่ก็จะทำให้จุดน้อยๆ มีพลัง การช่วยเหลือจะส่งได้ไกลขึ้น และจะสำเร็จ

        มีหลายๆ พรรคที่ชวนเข้ามา แต่ที่เลือกพรรคชาติพัฒนา เนื่องจากเป็นพรรคขนาดกลาง อยู่ดูแลกันแบบครอบครัว การเลือกพรรคก็เหมือนการเลือกบ้าน เมื่อได้เข้ามาสัมผัส พรรคชาติพัฒนาเปรียบเสมือนบ้านที่คอยสนับสนุนคนในบ้าน อยากทำอะไรก็คอยผลักดัน คอยถามว่าสิ่งที่เราอยากทำนั้นคืออะไร อีกทั้งเรามีความชอบส่วนตัวก่อนหน้านี้ โดยมองการทำงานของนายสุวัจน์ ซึ่งเป็นนักการเมืองที่สุขุม มองการณ์ไกล เป็นนักการเมืองที่มีความประนีประนอมค่อนข้างสูง เราชอบการทำงานของท่าน ที่ปราศจากความขัดแย้ง ชอบที่สุด เพราะในการเมืองยุคนี้ภาพเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศ ทำให้จิตใจทุกคนบอบช้ำขนาดไหน จึงอยากให้ในยุคนี้ทุกคนร่วมกันทำงาน

 

จุดเปลี่ยนจากการเมืองสนามเล็กสู่การเมืองสนามใหญ่ มองเห็นความยากง่ายอย่างไร

        มองว่ามันน่าท้าทายกว่า ไม่ได้เรียกว่ามันยาก การที่จะก้าวไปสู่สนามใหญ่เป็นความท้าทายค่อนข้างสูง มันน่าตื่นเต้น สิ่งที่เราอยากทำยังไม่รู้ว่าในวันข้างหน้ามันจะไปแบบไหนอย่างไร แต่น่าท้าทายที่ทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม ในเมื่อเรามีทรัพยากร คือผู้ใหญ่ที่ปรึกษาพรรค มีหัวหน้าพรรค มีการทำงานชัดเจน เพราะมีคนคอยสนับสนุน ตื่นเต้นตรงที่ว่าสิ่งที่เราอยากทำเราใกล้จะได้ทำแล้ว และเชื่อว่ามันต้องทำได้ ก็เลยไม่ใช่เป็นงานยาก

 

มองอิทธิพลของคนรุ่นใหม่ในสนามการเมืองครั้งนี้ จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

        การเมืองกับการเปลี่ยนแปลงประเทศนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองแบบเก่าหรือแบบใหม่ คนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ มันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ทุกๆ ครั้งในการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลอยู่สองด้าน คือด้านดีขึ้นจนเห็นได้ชัด กับสองดีขึ้นโดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง เชื่อเถอะว่าคนรุ่นใหม่อย่างใดก็อยู่ในสังคม วัฒนธรรมที่หลั่งไหลจากภายนอกเข้ามา โลกทัศน์กว้างขึ้น การร่วมแรงร่วมใจทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคม ทุกคนทำงานร่วมกันได้ เรามองว่าคนรุ่นใหม่ทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

       "ส่วนการทำงานที่ต่างพรรคการเมือง ต่างขั้ว ถ้ามองว่าต่างพรรคแล้วขัดแย้ง ต่างขั้วแล้วขัดแย้ง มันเป็นความคิดที่เชยมากๆ อย่าลืมว่านักการเมืองที่ลงสมัครมีอุดมการณ์เดียวกัน คือทำงานเพื่อประเทศ เราคืออาสาขนาดใหญ่ ถ้าเขามองว่าเป็นการช่วยเหลือขนาดใหญ่เพื่อส่วนรวม ความขัดแย้งอาจมีบ้าง แต่ไม่ใช่ถึงขนาดทำงานร่วมกันไม่ได้ ข้อตำหนิติติง ชี้จุดไหนบกพร่อง เพื่อให้ทำงานร่วมกันได้ ไปข้างหน้าได้ ตรงนี้ต่างหาก ไม่ใช่เรื่องขัดแย้งเลย หากเราอุดมการณ์เดียวกัน มองเห็นส่วนรวมเป็นหลัก นั่นคือหน้าที่ของผู้สมัคร หน้าที่ของ ส.ส.ทุกคน ที่ต้องมองข้ามความขัดแย้ง"

 

อุดมการณ์การทำงาน

        อุดมการณ์ของเรา คือการร่วมแรงร่วมใจกันทำให้ประเทศชาติพัฒนา ก้าวข้ามปัญหาความขัดแย้งออกไปให้ได้ การที่ลงมาทำการเมืองไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร แต่สิ่งที่ทำมีเป้าหมายทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด โดยไม่ได้มองว่าตัวเองจะต้องได้เป็น ส.ส.ก่อน หรือใครต้องได้แบบไหน ถึงแม้ว่าตัวเองจะสอบตก ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่งานช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบของงานอาสาเราจะไม่หายไป นี่คือสิ่งที่เราทำมาก่อนที่จะได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งปัจจุบันมาทำงานใหม่ แต่งานอาสาก็ยังคงทำอยู่ ซึ่งงาน ส.ส.ก็เช่นกัน

        อย่างงานผู้ใหญ่บ้านที่เคยทำ ก็คืองานอาสาอย่างหนึ่ง แต่จะทำอยู่ในเฉพาะพื้นที่ ต้องทำงานได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีเงินเดือน มีเพียงค่าตอบแทน หลังออกจากผู้ใหญ่บ้านมีงานประจำ แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานอาสา ดังนั้นงานหล่อเลี้ยงชีวิตคืองานประจำ ส่วนงานอาสาในรูปแบบต่างๆ คืองานหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ งานสองอย่างสามารถทำควบคู่กันได้อย่างสบายๆ

แบบอย่างการทำงานทางการเมือง

        มีนักการเมืองหลายๆ ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีของเรา เช่น นายสุวัจน์ ที่มีบุคลิกความเป็นผู้นำโดดเด่น ตั้งแต่ติดตามท่านมาตั้งแต่ยังไม่เป็นสมาชิกพรรค ท่านมีรอยยิ้มสดใสเสมอ ท่านทำงานร่วมกับใครก็ได้เพื่อให้งานบรรลุล่วงสำเร็จ ท่านมีความรู้ความสามารถหลายๆ อย่าง ภาวะความเป็นผู้นำ สุภาพ อ่อนน้อม ตรงนี้เห็นจากท่านมา

 

       น.ส.สุพัตรวี อยู่แพทย์ หรือแม่หลวงกุ้ง สมาชิกพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) อดีตผู้ใหญ่บ้านศิริวัฒนานิเวศน์ หมู่ 6 ต.หนองหอย จ.เชียงใหม่ เกิดวันที่ 26 ก.ย.2522 เป็นคน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จบการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ (การเมืองการปกครอง) อดีตผู้ใหญ่บ้านศิริวัฒนานิเวศน์ พ.ศ.2556-2558 ปัจจุบันทำงานบริษัทเอกชน ผู้ก่อตั้งชมรมจิตอาสาแม่หลวงกุ้ง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"