เครือข่ายแม้วรุม ซัดยุค'เหลื่อมลํ้า' ปชป.อัดปั่นจีดีพี


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กตู่" เปิดทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสีเขียว ลั่นทำทุกอย่างเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน  พท.-ทษช.รุมสับ 4 ปีรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดร้ายแรง เอื้อกลุ่มทุน-คนจนเพิ่มมากขึ้น ทำไทยเหลื่อมล้ำอันดับ 1 ของโลก บี้นายกฯ ไขก๊อกรับผิดชอบ ปชป.ขย่มบัตรคนจนปั่นจีดีพีปลอม แนะโอนเงินตรง
    ที่โรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เวลา 07.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดทดลองให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม, พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, คณะผู้บริหารจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี 
    โดยทันทีที่มาถึง นายกฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากนั้นกล่าวเปิดงานว่า  ยินดีที่ได้มาเปิดรถไฟฟ้าสายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งเป็นระบบการเดินทางที่สำคัญที่จะเชื่อมกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้ได้ในหลายทิศทาง เราต้องวางแผนการเชื่อมโยงต่อไปทั้งทางบก ทางราง เพื่อลดภาระปัญหาทางจราจรที่เกิดขึ้นให้ได้ โดยรัฐบาลได้ผลักดันโครงข่ายการขนส่งให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเป็นระบบขนส่งที่ปลอดภัย ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม 
    "เรียกว่าเป็นการปฏิรูประบบทางราง ซึ่งยังไม่เสร็จ ช่วยกันทำความเข้าใจอะไรคือการปฏิรูป ไม่อย่างนั้นก็สนใจแบบจ๊อบๆ ทั้งหมดทำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมีสุขให้กับประชาชนและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งต้องวางแผนต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ 
    จากนั้น นายกฯ เยี่ยมชมห้องควบคุมขบวนรถไฟฟ้าที่ตู้โดยสารที่ 1 และทดลองใช้บริการจากโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสมุทรปราการ ไปยังสถานีเคหะสมุทรปราการ 
    ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ปลื้มใจเปิดทดลองให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพราะนายชนม์สวัสดิ์ ออกมาเป็นโต้โผใหญ่ต้อนรับและประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ ซึ่งวันนี้ชัดเจนว่านายชนม์สวัสดิ์ อยู่ในกลุ่มการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คนที่ไปรับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนของพรรค พปชร.ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าไม่ได้ไปหาเสียง แต่ทั้งนโยบายแจกเงิน ไปเปิดรถไฟฟ้า ไปต่างจังหวัด ที่ทำมาทั้งหมดเป็นการหาเสียง อย่าอ้างว่าไปตรวจราชการ ดังนั้นการไปเปิดรถไฟฟ้าวันนี้ เป็นการหาเสียงให้ พปชร. หรือไม่
ซัดบริหาร ศก.ผิดพลาด
    นอกจากนี้ การใช้นโยบายแจกเงินให้ประชาชนนั้น ได้ผลในระยะสั้น ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่สร้างรายได้ให้ประชาชน นโยบายประชารัฐที่อัดเงินลงไปไม่ได้ผลอะไรเลย ไปดูตรงไหนก็มีความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ช่องว่างระหว่างคนจนคนรวยห่างขึ้นเรื่อยๆ จนดัชนีความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยสูงขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก แสดงให้เห็นว่าการบริหารประเทศผิดพลาดและล้มเหลว ใช้นโยบายเอื้อให้คนรวยรวยมากขึ้นหรือไม่
     นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงบรรดาผู้ค้าหาบเร่แผงลอยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ รายได้ลดลงอย่างมาก สินค้าขายไม่ได้ เข้าทำนองทุนหายกำไรหด เป็นเหตุให้ต้องหยิบยืมเงินกู้นอกระบบมาเป็นทุนหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน สภาวะปากกัดตีนถีบ สอดคล้องกับผลสำรวจของนิด้าโพล ที่เปิดเผยว่ามีประชาชนถึง 61.92% เห็นว่าเศรษฐกิจปี 61 แย่ลง ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจในสมัยรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจแย่ลง มีคนจนมากถึง 14.7 ล้านคน 
    "พล.อ.ประยุทธ์อย่าหลงภูมิใจว่าการแจกบัตรคนจนมากถึง 14.7 ล้านคนใกล้การเลือกตั้งคือความสำเร็จในผลงานรัฐบาลของท่าน เพราะนั่นคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาความยากจนแบบยั่งยืน ซึ่งถ้ามองในเชิงเศรษฐศาสตร์ จะชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารบ้านเมืองอย่างไรถึงมีคนจน 1 คน ในคนไทยทุกๆ 4 คน" นางลดาวัลลิ์ระบุ
    น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก ถ้ารักชาติจริงอย่างที่กล่าวอ้าง เพราะจากข้อมูลของ CS Global Wealth Report 2018 ที่ออกมาเมื่อเดือน ต.ค.นั้น ได้รายงานผลสำรวจว่าประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลกไปแล้ว คือสมุดรายงานผลงาน 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลและ คสช.สอบตกบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดอย่างร้ายแรง 
บัตรคนจนปั่นจีดีพีเก๊
    นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในทีมเศรษฐกิจ กล่าวว่า บัตรคนจนเป็นโครงการที่ทำให้มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) แบบปลอมๆ นำงบประมาณใส่ระบบเศรษฐกิจแต่จะเป็นอาการวูบเดียว เพื่อให้เกิดการบริโภคภายในประเทศ ประชาชนจับจ่ายใช้สอย ซึ่งรัฐบาลทั้งยุคนายทักษิณ ชินวัตร และยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้วิธีนี้เหมือนกัน โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นคนคิดสูตร เป็นมาตรฐานแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งนโยบายนี้ยังฉาบฉวยอยู่มาก งบประมาณที่ใส่ลงไปคือหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น และคนไทยต้องจ่ายดอกเบี้ย
    ทั้งนี้ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์โอนเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเข้าบัตรคนจน ซึ่งลักษณะนี้เป็นวิธีการที่ประชาชนไม่ได้โดยตรง แต่ไปตรงเข้ากระเป๋าเจ้าสัวแทน เพราะกว่าจะใช้เงินได้ ต้องไปที่ร้านค้าประชารัฐ ซึ่งสินค้าในร้านประชารัฐเป็นของนักธุรกิจรายใหญ่ ดังนั้นขอเสนอให้โอนเงินตรงเข้าบัญชีธนาคารของผู้มีรายได้น้อย หรือเรียกวิธีการนี้ว่า Negative Income Tax โดยให้กรมสรรพากรคอยตรวจสอบข้อมูลทุกปี โดยให้ประชาชนมายื่นแบบฟอร์มเสียภาษี ซึ่งหากรายได้ไม่ถึง 1 แสนบาทต่อปี ตามที่รัฐบาลกำหนด ผู้นั้นจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล
    ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีการจัดโครงการสัมมนาทางวิชาการประจำปี ของคณะเศรษฐศาสตร์ ครั้งที่ 12 ภายใต้หัวข้อ “การปฏิรูปและนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้ง” โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ตัวแทนจากพรรคไทยรักษาชาติ  และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วมเสวนา
    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาเรื่องความยากจนและความเหลื่อมล้ำที่หลายคนพูดถึงนั้น เกิดจากผู้บริหารประเทศไม่สามารถปรับแนวความคิดของตัวเอง ทั้งการบริหารประเทศและเศรษฐกิจให้ทันการเปลี่ยนแปลงได้ ยึดกับการรวมศูนย์อำนาจ และมีความเชื่อว่าภาครัฐจะเป็นผู้คุมทุกสิ่งทุกอย่างมากกว่าสิ่งอื่นใด รวมกับความไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เกิดขึ้น ทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งที่รัฐบาลนี้ใช้เงินแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักล้านล้านบาท มากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทั้งหมด 
    นายจาตุรนต์กล่าวว่า การบริหารประเทศช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการปฏิรูปใดๆ แต่ยังเสียโอกาส ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ได้ยินเสียงความเดือดร้อน เรื่องประชาชนขาดรายได้ จนเกิดเป็นข้อสรุปในคำว่า รวยกระจุก จนกระจาย นอกจากนี้ยังพบว่าเศรษฐกิจไทยโตเป็นอันดับเกือบต่ำที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไทยเติบโตเพียง 2.8% ขณะที่ประเทศรอบบ้านเราโตที่ 6-7% พรรคการเมืองต้องทำการบ้านมากพอสมควรสำหรับการหาทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 
    นายธนาธรกล่าวว่า หากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มทหาร บางรายยังคงอยู่ เป็นอำนาจที่กดทับสังคมไทยเพื่อไม่ให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้า ดูได้ง่ายๆ จากสปอนเซอร์ของทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด และสปอนเซอร์กับพรรคพลังประชารัฐนั้นเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งกลุ่มทุนเหล่านี้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำแล้ว ยังเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย แล้วแบบนี้เราจะแก้ปัญหาผูกขาดได้อย่างไร ซึ่งต้องคิดกระบวนทัศน์ใหม่นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ต้องหาคำตอบร่วมกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"