ประยุทธ์สั่งสอบ แกล้งจนทำบัตร คลังขึงขังยึดคืน


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กตู่" ลงพื้นที่ ครม.สัญจร "บึงกาฬ-หนองคาย" 12-13 ธ.ค. ชาวบึงกาฬ 4 พันคนรอต้อนรับ ผู้ว่าฯ ชงของบ 1,450 ล้านพัฒนาจังหวัด "นายกฯ" สั่งสอบพวกแกล้งจน ตีเนียนทำบัตรกดเงิน 500 บาท "รมว.คลัง" เต้นพบขาดคุณสมบัติยึดเงินคืน "กรมบัญชีกลาง" เผย 12 ธ.ค. โอนช่วยค่าเช่าบ้านคนแก่รายได้น้อยอีก 400 บาทต่อเดือน
    เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจราชการในพื้นที่ จ.บึงกาฬ และ จ.หนองคาย และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร จ.หนองคาย ระหว่างวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ว่า วันที่ 12 ธ.ค.เวลา 06.45 น. จะเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร  กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานกองบิน 23 จ.อุดรธานี  
    จากนั้นจะเดินทางไปที่วัดโพธาราม อ.เมืองบึงกาฬ  เพื่อเข้าสักการะหลวงพ่อพระใหญ่ และเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบูรณาการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลประชาชน อุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ต่อจากนั้นจะพบปะกับประชาชนที่สวนสาธารณะหนองบึงกาฬและบึงสวรรค์ รวมทั้งเยี่ยมชมผลงานการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของจังหวัดบึงกาฬ ประกอบด้วย 1.โครงการถนนยางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารา 2.เกษตรแปลงใหญ่ 3.ข้าวครบวงจร 4.ผลิตภัณฑ์ OTOP 5.การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หนองเลิง 6.โครงการคืนถังขยะ
    นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ช่วงบ่ายนายกฯ จะเดินทางไปที่สถานีผลิตน้ำปะโค การประปาส่วนภูมิภาค สาขาหนองคาย จ.หนองคาย เพื่อเป็นสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 จำนวน 2 พื้นที่ ให้แก่ ผวจ.อุดรธานีและ ผวจ.เลย พร้อมทั้งมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ผู้แทนชุมชน 5 จังหวัด (บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี) หลังจากนั้นจะเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคอำเภอเมืองหนองคาย- อำเภอสระใคร พร้อมพบปะประชาชน ก่อนจะเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตำบลบ้านเดื่อ  เพื่อเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน และร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวริมฝั่งโขงและผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP โดยจะสักการะหลวงพ่อใหญ่อุทุมพร ณ วัดอุทุมพร จากนั้นเวลา 18.20 น. นายกฯ จะเข้าสักการะหลวงพ่อพระใส ณ วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) อ.เมืองหนองคายด้วย
    "วันที่ 13 ธ.ค. เวลา 07.40 น. นายกฯ จะเป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 และการประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย ก่อนที่เวลา 14.00 น. จะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี และจะเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ไทย-ลาว ครั้งที่ 3 ที่เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.ต่อไป" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.บึงกาฬ ประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ในการเตรียมความพร้อมต้อนรับคณะนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง จ.บึงกาฬ ได้เตรียมเสนอของบประมาณกว่า 1,450 ล้านบาท ในการพัฒนาขีดความสามารถของจังหวัดให้เทียบเคียงกับจังหวัดอื่นๆ  
    มีรายงานว่า ในการเดินทางมาที่สวนสาธารณะหนองบึงกาฬ และบึงสวรรค์ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จะมีประชาชนรอต้อนรับกว่า 4,000 คน และนายกฯ จะชมการแสดง “บึงกาฬบ้านอ้าย” รวมทั้งเยี่ยมชมผลงานการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของ จ.บึงกาฬต่างๆ
    ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีมีประชาชนบางส่วนไม่สามารถกดเงินสดจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ว่า ทำไมถึงกดไม่ได้ ตอบมาก่อน และที่มีคนปล่อยข่าวไม่สามารถกดเงินได้ เนื่องจากเกินระยะเวลาที่กำหนด ก็ต้องไปช่วยกันดูว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนปล่อย ซึ่งรัฐบาลชี้แจงไปแล้วว่าเงินก็ยังอยู่ในบัญชีจนกว่าจะเบิกหมด 
    "ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่ากดเงินไม่ได้ แต่เขากดเงินไม่เป็น ดังนั้นต้องสอนให้เขารู้ว่าการกดเงิน 4 ขั้นตอนเป็นอย่างไร เพราะหากเขายังกดไม่เป็นก็ต้องจ้างให้เขากดให้ครั้งละ 20-30 บาท คิดดูว่าควรจะเสียหรือไม่ ทั้งที่เงิน 500 บาทไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ยังมีคนหาประโยชน์จากเรื่องนี้ทุกวัน ดังนั้นอย่ามาบอกว่าบัตรมันยุ่งยาก มีอะไรที่ทำแล้วมันไม่ยุ่งบ้าง ต้องอยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากยุ่ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ถามว่า มีบางคนที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ไม่ใช่คนจนจริงๆ นายกฯ กล่าวว่า ก็ไปแจ้งความสิ ให้เขาตรวจสอบ ตนก็เห็นจากสื่อโซเชียล ซึ่งจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบ ตนก็ส่งให้กระทรวงการคลังตรวจสอบดู มันอยู่ที่ความซื่อสัตย์ ถ้าตรวจสอบแล้วพบเป็นแบบนั้นจริงก็ถอนบัตร 
    ซักว่าต้องเรียกเงินคืนทั้งหมดที่รับมาก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธจะตอบคำถามดังกล่าว เพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น
    ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง กล่าวว่า ในส่วนผู้ที่อาจจะขาดคุณสมบัติไม่ควรได้รับสวัสดิการจากรัฐ ได้ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตรวจสอบ หากขาดคุณสมบัติก็จะถูกตัดสิทธิ์ และนำเงินกลับคืนทันที เพราะการทำมาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 500 บาทต่อคน มีเป้าหมายเพื่อต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจริงๆ  
    น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ชี้แจงกรณีมีผู้ขับรถยนต์ใส่ทองคำและโพสต์รูปอวดว่า ได้รับสิทธิบัตรประชารัฐพร้อมเงินของขวัญปีใหม่ 500 บาทว่า ต้องมีการตรวจสอบว่าผิดคุณสมบัติหรือไม่ ถ้าผิดก็สามารถระงับเงินที่ให้ พร้อมทั้งขอเรียกเงินที่ให้ไปแล้วคืนกลับมาได้ 
    "ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ กรมบัญชีกลางพร้อมจะโอนเงินมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาภาระค่าเช่าที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยเป็นจำนวน 400 บาทต่อคนต่อเดือน โดยผู้ได้รับสิทธิจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นเวลา 10 เดือน ระหว่าง ธ.ค.2561-ก.ย.2562 และเช่าที่อยู่อาศัย จำนวน 2.2 แสนคน รวมวงเงิน 920 ล้านบาท" น.ส.สุทธิรัตน์กล่าว 
    อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวว่า หลังจากนี้กรมบัญชีกลางมีแผนจะโอนเงินสวัสดิการเพิ่มเติมให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 3 รอบ โดยรอบแรกในวันที่ 12 ธ.ค.จะเป็นในส่วนของค่าเช่าบ้าน 400 บาท และในวันที่ 14 ธ.ค. จะโอนคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% จากยอดใช้จ่ายช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และรอบสุดท้าย มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป อีก 1,000 บาท วันที่ 21 ธ.ค.นี้  จำนวน 3.5 ล้านคน รวมวงเงิน 3,500 ล้านบาท
    วันเดียวกัน นายก่อแก้ว พิกุลทอง สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกรณี ครม.มีมติให้นำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงงานไฟฟ้าบางปะกง 160,000 ตัน เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยดึงราคาปาล์มน้ำมันให้สูงขึ้น ส่งผลให้ราคารับซื้อผลปาล์มสดขยับเป็น 3 บาทต่อกิโลกรัมว่า ราคาต้นทุนของปาล์มอยู่ที่ 3.50-3.70 บาทต่อ กก. ถึงมีมาตรการดังกล่าว ชาวสวนปาล์มก็ยังขาดทุนอยู่ดี หากยิ่งได้ราคาต่ำกว่าต้นทุนนานๆ ชาวสวนปาล์มอาจจะต้องตัดสินครั้งใหญ่ในชีวิต คือขายสวนปาล์มทิ้ง เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ เพราะขาดทุน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"