เหลิมสนองนายชูรื้อรธน.หาเสียง


เพิ่มเพื่อน    

     "เฉลิม" อัด คสช. ปลดล็อกแบบกำกวมไม่ชัดเจน แฉ 2 หน่วยงานรัฐจ้องโกงเลือกตั้ง ลั่นมีอำนาจรื้อ รธน.-ยุทธศาสตร์ชาติแน่ ฟุ้งฝ่ายประชาธิปไตย 4 พรรคได้ 300 เสียงพร้อมตั้งรัฐบาลแข่ง พร้อมหนุน "หญิงหน่อย" นั่งนายกฯ เครือข่ายคนอยากเลือกตั้งผนึก 7 พรรคยื่น กกต.แก้ กม.ให้ใช้เบอร์เดียวต่อพรรค-มีชื่อและโลโก้-รัฐบาลต้องมีสถานะเป็นรักษาการ "สมชัย" หวั่น กกต.ยื่นเงื่อนไขหากเอาบัตรมีชื่อพรรค-โลโก้ แต่ต้องเลื่อนเลือกตั้ง "มาร์ค" ย้อน "แม้ว" ควรแก้ รธน.ให้เป็น ปชต. อย่าฉวยโอกาสสร้างความขัดแย้งเผชิญหน้า
     ที่พรรคเพื่อไทย วันที่ 12 ธันวาคม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการรณรงค์การเลือกตั้ง หรือทีมปราศรัยหาเสียงพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ว่า ขอแถลงในนามส่วนตัว ไม่ผูกพันกับพรรค การปลดล็อกของ คสช.เป็นการพูดแบบกำกวม ไม่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ระบอบประชาธิปไตยเป็นสมบัติของประชาชน มีประเทศไหนบ้างที่บัตรเลือกตั้งไม่มีโลโก้พรรค คิดแบบนี้มันถอยหลัง ใครคิดขอสาปแช่งว่าอย่าได้มีความเจริญรุ่งเรือง ถือเป็นเรื่องวิปริตทางความคิด ส่วนที่จะห้ามปราศรัยโดยให้ใช้เวทีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น บอกเลยไม่มีคนไปฟัง มีแต่สุนัขเท่านั้นที่ไปฟังการเลือกตั้งเป็นของ กกต. รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 
    "ขณะนี้ทราบว่ามี 2 หน่วยงานรัฐที่กำลังคิดอุบาทว์จะโกงการเลือกตั้งให้พรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งฟันธงว่าพรรคนั้นไม่มีวันชนะ ผมได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม เรียกว่าทีมตาสับปะรด หูทิพย์ จะคอยตรวจสอบ ได้ตั้งทีมเล็กไว้ต่างหากมีนายตำรวจระดับ พล.ต.อ., พล.ต.ท. และ นายทหาร เข้าร่วม แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นหน่วยงานไหนที่จ้องจะโกง แต่ขอให้ระวังไว้ เพราะคนในคณะทำงานของผมเคยเป็นนายของคนสองหน่วยงานนี้"
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รัฐบาลนี้สร้างมรดกบาปไว้ 2 เรื่อง คือรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน 279 มาตรา ถือเป็นรัฐธรรมนูญอัปยศที่สุด เอารัฐธรรมนูญปี 2522 เป็นต้นแบบ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ใช้สมองส่วนไหนมาคิด เอา ส.ว.มามีส่วนในการเลือกนายกฯ จึงจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลที่ให้ ส.ว.มีส่วนในการเลือกนายกฯ ส่วนเรื่องที่ 2 คือ ร่างยุทธศาสตร์ชาติ 71 หน้า ไร้สาระ ไม่มีแผนแก้ปัญหายาเสพติด ตรงนี้ควรยกเลิกไป
    เขาบอกว่า วันนี้ขอฟันธงว่าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ไม่มีทางชนะการเลือกตั้ง แม้มี ส.ว. 250 เสียง ได้ตั้งรัฐบาล แต่ก็อยู่บริหารไม่ได้ ได้ข่าววันนี้ เขาขอตำแหน่งกันแล้ว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.พาณิชย์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.คมนาคม, นายสุชาติ ตันเจริญ เป็น รมว.พลังงาน รู้แบบนี้แล้วประชาชนไหวหรือไม่ และ 4 รัฐมนตรีที่เข้าร่วมพรรค พปชร. เคยบอกไว้แล้วว่าเขาไม่มีวันลาออก เพราะมามือเปล่า อาศัย คสช.ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่อย่างนั้นชาตินี้ก็ไม่ได้เข้าทำเนียบฯ วันไหนเป็นรัฐบาลแล้วมีฝ่ายค้านจะรู้ว่านรกมีจริง ดีลเรียบร้อยหรือยังไม่รู้ แต่รู้ว่ามีการยื่นข้อเสนอกันแล้ว
    “เฉลิมโพลมั่นใจ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ ประชาชาติ และอนาคตใหม่ จะได้ ส.ส.รวมกันแล้วเกือบ 300 เสียง เมื่อเปิดสภาต้องเลือกประธานสภาฯ ก่อน ซึ่งจะเป็นคนของฝ่ายประชาธิปไตยแน่นอน วันรุ่งขึ้นถึงจะเลือกนายกฯ ถามว่าเสียง ส.ส.ส่วนใหญ่อยู่ปีกนี้ ส่วนคุณอยู่อีกปีกมีเสียงไม่เกินครึ่ง ถ้า ส.ว.ไปยกมือหนุนฝ่ายเสียงข้างน้อย ไม่คิดถึงความเสียหายของบ้านเมืองหรือ เพราะรู้อยู่แล้วว่าบริหารประเทศไม่ได้" 
    ทีมปราศรัยพรรค พท.บอกว่า พื้นที่ที่จะไปปราศรัยที่แรกจะไปที่ จ.เลย เพื่อไปเยี่ยมสมาชิกพรรค แม้อดีต ส.ส.จะย้ายออกไป แต่เรายังมีสมาชิกอยู่ และถือเป็นสิทธิที่ใครจะย้ายออกจากพรรค 
    เมื่อถามถึงรายชื่อที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอเป็นนายกฯ คือใคร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค แต่เชื่อว่าแม้ไม่พูด ผู้สื่อข่าวก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร เมื่อซักว่าชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เหมาะสมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า "ทำไมจะไม่เหมาะ หน้าตาก็สวย ขยันก็ขยัน ถ้าพรรคเลือก ผมก็พร้อมสนับสนุน" 
"เต้น"นั่งประธานหาเสียง ทษช.
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรค พท. กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวผู้ใหญ่ในพรรค พปชร.เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ โดยไม่ให้ 4รัฐมนตรีลาออก เพราะไม่มีกฎหมายบังคับว่า ก่อนหน้านี้คนไทยจำได้ว่า 4 รัฐมนตรีบอกว่าจะลาออกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่กลับตระบัดสัตย์ไม่ออกแล้วหรือไม่ และยังจะอยู่ต่อเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เป็นประโยชน์กับพรรค พปชร.ให้มากที่สุดอีกด้วย เวลาลาออกที่เหมาะสมคือเวลาที่กุมความได้เปรียบเอาไว้ให้ได้มากที่สุดหรือไม่ 
     "ที่บอกว่าผู้ใหญ่ในพรรคไม่ให้ลาออกนั้น นายอุตตมเป็นหัวหน้าพรรค ยังจะมีใครใหญ่เกินหัวหน้าพรรคอีกหรือ ผู้ใหญ่ที่ว่านั้นหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ที่จะถูกพรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะมีการวิเคราะห์กันในลักษณะว่า 4 รัฐมนตรีต้องไม่ลาออก ต้องอยู่เป็นกันชน เพื่อไม่ให้กระแสกดดันให้ลาออกลามถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์ มาตรา 29 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองเขียนไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง จึงขอร้องเรียน กกต.ช่วยตรวจสอบประเด็นนี้ รวมถึงการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นการหาเสียงหรือไม่ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และนำไปสู่การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม" นายอนุสรณ์กล่าว
       นายพชร นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะปลดล็อกการเมืองให้พรรคการเมือง แต่หากมองย้อนหลังจะพบว่า รัฐบาลและ คสช.พยายามเอาเปรียบทุกด้าน การออกนโยบายลด แลก แจก แถม โดยใช้เงินงบประมาณ ทั้งแจกเงิน หักภาษี คืนแวต แจกซิม ลดค่าปุ๋ย ฯลฯ โดยที่ 4 ปีกว่า ไม่เคยทำอะไรให้ประชาชนมีความสุข อีกทั้ง 4 รมต.ที่ออกนโยบายนี้เข้าร่วมพรรคการเมืองโดยไม่ลาออกจากตำแหน่ง และล่าสุดบัตรเลือกตั้งสุดพิสดารไม่ใส่ชื่อผู้สมัคร และไม่มีโลโก้พรรค ทั้งนี้ ห่วงว่าหากในสายตาของนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างประเทศมองว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้ ไม่เสรี และไม่เป็นธรรม เศรษฐกิจของไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วจะยิ่งย่ำแย่ขึ้นไปอีก จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงสปิริต หากตอบรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคการเมืองก็ขอให้ลาออกจากนายกฯเพื่อแสดงความโปร่งใสและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน 
       นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค ทษช.กล่าวหลังจากกรณี คสช.มีคำสั่งปลดล็อกการทำกิจกรรมของพรรคการเมือง โดยคณะกรรมการบริหารพรรค ทษช. มีมติให้แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อประสานกับว่าที่ผู้สมัครและกำหนดกิจกรรมเพื่อสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ซึ่งหลังจากนี้พรรค ทษช.จะเดินหน้าลงพื้นที่ในการทำกิจกรรมทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการรับสมัครสมาชิกพรรค การตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณี คสช.ปลดล็อกพรรคการเมือง ว่าทำไมปลดล็อกช่วงนี้ ทำไมไม่ปลดก่อนหน้านี้ คุณประยุทธ์ควรปล่อยให้พรรคการเมืองต่างๆ ทำกิจกรรมการเมืองตั้งนานแล้ว อย่างตนลงพื้นที่ มีโอกาสพบพ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย คนทั่วไป ว่ามีปัญหาอะไร ก็สามารถเก็บข้อมูลวางดำเนินการนโยบายของพรรคไม่เหมือนคุณเป็นอีแอบ นายวิษณุ  เครืองาม รองนายกฯ เองก็อีแอบ กฎหมายต่างๆ มาจากเขาทั้งนั้น พวกนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเชื่อว่าประยุทธ ประวิตร จบ จปร. เพราะคนที่เรียนเตรียมทหาร เตรียมตำรวจ เขาเป็นลูกผู้ชาย ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร 
    "ก่อนปีใหม่ผมจะให้ของขวัญจะแจ้งความดำเนินคดีกับพรรคพลังประชารัฐ จะไปแจ้งดำเนินคดีกับ 4 กุมาร มาเป็นผู้บริหารพรรค จะไปแจ้งคนที่ดูดๆ ใครเขามา จะแจ้งความข้อหาค้ามนุษย์และฟอกเงิน และกระทำความผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว  
ย้ำ 4 รมต.ต้องลาออก
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงคำสั่งปลดล็อกว่า เป็นเรื่องดี เพราะเมื่อจะเข้าสู่การเลือกตั้งควรให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ตามปกติ ซึ่งขณะนี้อาจมีความสับสนและไม่เข้าใจอยู่บ้างว่ากิจกรรมใดบ้างที่ทำได้ช่วงก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง แต่ก็ได้ซักซ้อมกับสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้วว่าการทำกิจกรรมทางการเมืองทำได้ตามปกติ เช่นเดียวกับหลายคนจะใช้จังหวะนี้ในการแนะนำตัวเองและประชาสัมพันธ์ได้อย่างเต็มที่ ส่วนหากประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้งก็จะต้องดูอีกครั้งว่ากิจกรรมใดทำได้-ทำไม่ได้ 
    เมื่อถามถึงการที่ 4 รัฐมนตรียังไม่ลาออกจากตำแหน่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ในกฎหมาย แต่ต้องอธิบายให้ชัดถึงความแตกต่างระหว่างรัฐบาลชุดนี้กับรัฐบาลชุดอื่นๆ คือรัฐบาลชุดนี้มีอำนาจมากกว่ารัฐบาลในอดีตและในอนาคต เพราะตามกฎหมายห้ามไม่ได้โยกย้าย แต่งตั้ง หรือทำโครงการที่กระทบต่องบประมาณ ยกเว้นได้รับการอนุมัติจาก กกต.  เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญชัดเจนว่าใครที่มีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้งไม่ควรใช้อำนาจเต็มที่ได้ แต่ถ้าอ่านตามตัวอักษรกฎหมายไม่ได้บังคับให้ลาออก ดังนั้น จึงขึ้นอยู่ที่ว่าต้องการจะยกระดับการเมืองไทย และอยากมีหลักธรรมาภิบาลหรือไม่เท่านั้นเอง
     ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับถ่วงความเจริญว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าหลายมาตราควรแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ควรหยิบประเด็นดังกล่าวมาสร้างความขัดแย้ง หรือทำให้เกิดการเผชิญหน้ากับฝ่ายต่างๆ การแก้รัฐธรรมนูญควรจะได้รับความเห็นชอบและฉันทามติจากคนทั่วไป ต้องตกผลึกว่าต้องแก้อะไรบ้าง ถ้ารื้อโดยไม่บอกว่าจะแก้ไขอย่างไร เราก็ไม่ทราบว่าจะดีขึ้นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ต้องยอมรับด้วยว่า หากจะแก้รัฐธรรมนูญนั้น วุฒิสภาต้องเห็นด้วย 
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณี 4 รัฐมนตรีจะไม่ลาออกว่า หากไม่ลาออก เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาที่ตนเองได้ประกาศออกไปก่อนหน้า ซึ่งอาจมีคำถามตามมาว่า แล้วต่อไปในอนาคต หากพูดอะไรออกไปสังคมยังจะเชื่อถือได้หรือไม่เท่านั้น สำหรับคำสั่งการปลดล็อกที่ประกาศออกมา ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะนับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวา. 61 เป็นต้นไป ก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่โหมด 150 วันของการที่จะต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จสิ้นตามรัฐธรรมนูญแล้ว
    น.ส.กัญจนา ศิลปาอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณี 4 รัฐมนตรีจะไม่ลาออกว่า ขณะนี้สถานการณ์การเมืองอยู่ในสถานะไม่ปกติ อะไรก็จะดูแปลกๆ ไป ส่วนตัวไม่ขอก้าวก่ายหรือวิจารณ์อะไร เพราะทุกคนคงมีวิจารณญาณหรือศักดิ์ศรีของตัวเองในการพิจารณาความเหมาะควร 
     ส่วนที่หลายพรรคการเมืองชูนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน น.ส.กัญจนากล่าวว่า รัฐธรรมนูญของประเทศไทยเป็นอะไรไม่รู้ เพราะว่ามีจำนวนมาก ใครเข้ามาทีก็เปลี่ยนที แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเหมาะสำหรับช่วงเวลาหนึ่งหรือบริบทหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีผู้บริหารประเทศเข้ามาใหม่ ก็คงจะทบทวนว่าจะต้องมีรัฐธรรมนูญที่สะท้อนจากประชาชนจริงอีกหรือไม่ 
กำชับสมาชิกอย่าทำผิด
    ทางด้านนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรคพปชร. กล่าวว่า หลังจาก คสช.มีคำสั่งปลดล็อกทางการเมือง ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ก็ได้ออกคำสั่งเรื่องการปฏิบัติตัวของสมาชิกพรรคตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. สรุปว่ามิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น เช่น การเสนอ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่น การโฆษณาด้วยการจัดมหรสพหรืองานรื่นเริง การเลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด การหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หากมีสมาชิกพรรคนใดกระทำการฝ่าฝืนให้ถือว่าเป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค และจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งพรรคจะต้องดำเนินการตามข้อบังคับของพรรคต่อไปด้วย
     ที่สำนักงาน กกต. เครือข่ายประชาชนที่ต้องการการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม (เฟร์) นำโดยนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยา ม.ธรรมศาสตร์, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พร้อมตัวแทนจากพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็น พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และพรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ และพรรคสามัญชน เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อแสดงจุดยืนให้ กกต.จัดการเลือกตั้งที่โปร่งใสเป็นธรรม และคัดค้านการกำหนดหมายเลขผู้สมัครและบัตรเลือกตั้งที่ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ
    โดยนายอนุสรณ์อ่านแถลงการณ์เรียกร้องถึง กกต. ดังนี้ 1.ให้ กกต.ผลักดันให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เบอร์เดียวต่อพรรค เพื่อความสะดวกต่อการลงคะแนนเสียง และลดความสับสนของประชาชน  2.กำหนดให้บัตรมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการลงคะแนน โดยชื่อและสัญลักษณ์ของพรรคต้องถูกกำหนดไว้ในบัตรเลือกตั้ง 3.ให้ กกต.เสนอและผลักดันให้รัฐบาลมีสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ และให้ คสช.หยุดการแทรกแซงกติกาการเลือกตั้งของ กกต.ทั้งทางตรงและทางอ้อม การเลือกตั้งต้องยืนอยู่บนหลักความเสรีและเป็นธรรม ซึ่ง กกต.ในฐานะองค์กรอิสระ ต้องจัดการให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดอนาคตของประเทศ
    นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของกลุ่มเฟร์ เพื่อให้การเลือกตั้งเสรี และเป็นธรรม ให้ผู้มีสิทธิได้แสดงออกว่าเราต้องการอำนาจคืนจาก คสช.ในวันที่ 24 ก.พ.62 ประเด็นพรรคเดียวเบอร์เดียว กกต.ไม่ต้องรอวันที่ 19 ธ.ค. สามารถตัดสินใจได้เลย เพราะทุกพรรคความต้องการตรงกัน แต่ถ้ากฎหมายระบุว่าจำเป็นต้องมีข้อตกลงร่วมของพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยก็พร้อมหารือ
    ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ถ้าการเลือกตั้งไม่เสรีและเป็นธรรม กลุ่มอียูจะไม่เจรจาทางการค้า ดังนั้นจึงเรียกร้องให้ กกต.จัดการเลือกตั้งที่เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้องค์กรนานาชาติส่งผู้แทนเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง 
    ขณะที่ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทยแสดงความเห็นว่า นอกจากบัตรเลือกตั้ง ควรมีชื่อและโลโก้พรรคแล้ว ต้องมีชื่อนายกรัฐมนตรีเสนอลำดับที่ 1 ในบัตรเลือกตั้งด้วย เนื่องจากผลสำรวจความเห็นของประชาชนที่ผ่านมาพบว่า 58 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้จากชื่อนายกฯ ที่พรรคเสนอ
    ด้าน น.ส.ณัฏฐา กล่าวถึง กกต.มีข้อเสนอแนะให้พรรคการเมืองตกลงกันเองในเรื่องการให้ได้พรรคเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศว่า เป็นคำแนะนำที่แย่มาก เพราะพรรคการเมืองมีเป็นร้อย พรรคจะตกลงได้อย่างไร กกต.ควรดำเนินการเรื่องการแก้ข้อกฎหมาย
หวั่นแก้ กม.ยื้อเลือกตั้ง
    ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.และสมาชิกพรรค ปชป. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ "จากป่าแหว่ง ถึงบัตรแหว่ง" ว่าเหตุการณ์ป่าแหว่ง คือ เหตุการณ์ที่ชาวเชียงใหม่รวมตัวกันประท้วงไม่พอใจการสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการของศาลอุทธรณ์ภาค 5 บริเวณเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ส่วนเหตุการณ์บัตรแหว่ง คือเหตุการณ์ที่ กกต.ได้เตรียมการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งโดยมีแค่หมายเลข ไม่มีชื่อพรรค ไม่มีโลโก้พรรค ซึ่งได้รับเสียงคัดค้านว่าจะเป็นบัตรเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์ ขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และอาจนำไปสู่การทุจริตการเลือกตั้ง เชื่อไหมว่าเมื่อถึงเวลา กกต.จะตัดสินใจแบบ “เอาง่าย” คือใช้บัตรแหว่งแทนบัตรเต็ม โดยอ้างความชอบธรรมตามกฎหมายและข้อจำกัดทางด้านเวลา ด้วยคำตอบที่บอกว่า “จะเอาบัตรแหว่งหรือจะเอาบัตรเต็ม แต่ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป” ซึ่งทุกคนที่คัดค้านคงตกอยู่ในสภาวะจำยอมแบบภาษิตไทยที่ว่า “กำอุจจาระดีกว่ากำลมที่ออกมาจากก้น” ถึงวันนั้น การเลือกตั้งทั่วไปของไทยจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย 
    นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่รองเลขาธิการ กกต.ให้พรรคการเมืองคุยกันเอง หากต้องการให้ผู้สมัครของพรรคนั้นๆ มีหมายเลขประจำตัวเดียวกันว่า เป็นเรื่องยาก เพราะบางพรรคไม่ได้ส่งทุกเขต แต่หากทำได้ก็ดี ถ้าทำได้ก็สะดวก แต่ประเด็นคือ เราเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งเป็นใบเดียวเลือกทั้งพรรคทั้งคน และแต่ละเขตคนละเบอร์ ดังนั้น กกต.จึงต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เพื่อป้องกันความสับสน ไม่เห็นว่าจะมีข้อเสียอะไรทำง่ายๆ
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า การใส่ชื่อพรรคในบัตรเลือกตั้งเป็นเรื่องจำเป็น เพราะการลงคะแนนนี้ประชาชนสามารถลงคะแนนได้เพียงคะแนนเดียวไม่ใช่ 2 คะแนนเหมือนในอดีตที่ให้เลือกตัวบุคคล 1 คะแนน และเลือกพรรคอีก 1 คะแนน แต่ครั้งนี้รัฐธรรมนูญกำหนดให้เลือกทั้งคนและพรรครวมกันเป็นหนึ่งคะแนน จึงจำเป็นที่จะต้องให้บัตรเลือกตั้งมีทั้งหมายเลข ชื่อผู้สมัครและชื่อพรรคการเมืองอยู่ในบัตร ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเสมือนการจงใจปกปิดข้อมูลที่ผู้ไปลงคะแนนควรรู้ก่อนลงคะแนน ส่วนโลโก้จะช่วยให้ผู้ลงคะแนนที่อาจอ่านหนังสือไม่ได้แต่จำโลโก้พรรคได้ สามารถลงคะแนนให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองที่ต้องการเลือกได้ตรงตามที่ประสงค์ ซึ่งหวังว่า กกต.จะรับไปพิจารณา
     นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า เรื่องบัตรเลือกตั้งที่กำลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้น ถ้ายังยืนยันว่าเป็นรูปแบบนี้อยู่ เราจะเรียกว่า “บัตรโกงเลือกตั้ง” เพราะเป็นบัตรที่ทำให้ประชาชนสับสน และเอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรคการเมือง นี่สะท้อนให้เห็นอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการจะเอาชนะของผู้มีอำนาจรัฐ ทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดการ 'เสียของ' เหมือนเมื่อครั้งรัฐประหาร วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่พอกลับมาเลือกตั้งแล้วก็ยังพ่ายแพ้ พรรคอนาคตใหม่ มีความกังวลว่านี่อาจเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ กกต.ซึ่งควรจะวางตัวเป็นกลาง ถึงตอนนี้ไม่แน่ใจว่ามีความเป็นอิสระในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระหรือไม่ 
    "ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 4 รัฐมนตรีที่เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐก็ยังคงไม่ลาออก ยังมีอำนาจรัฐอยู่ และช่วงที่ผ่านมารัฐบาลก็มีการใช้งบประมาณผ่านโครงการต่างๆ ที่มองว่าเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้ามากมายด้วย อย่างนี้แล้วจะมองว่าเป็นการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมได้อย่างไร” 
    ทั้งนี้ นายธนาธรได้เชิญชวนผู้รักประชาธิปไตย ทุกท่านถ่ายรูปกับปากกา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความพร้อมที่จะเดิหน้าเข้าคูหาไปเลือกตั้ง จากนั้นโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย และติดแฮชแท็ก #หยุดบัตรโกงเลือกตั้ง ในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อรณรงค์ไม่เห็นด้วยที่บัตรเลือกตั้งไม่ระบุโลโก้พรรคและชื่อพรรคการเมือง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"