ผุดสงครามน้ำลาย! 'พปชร.-อยู่บำรุง'ฟัดกันนัวปูด'หน่อย'เขี่ย'เหลิม'


เพิ่มเพื่อน    

     “พลังประชารัฐ” โชว์เก๋า เรียงหน้าโต้ประเด็นการเมืองทุกเม็ด “สมศักดิ์” ซัดเหตุจับผิดเพราะหวั่นเสียง พปชร.ที่เกษตรกรหนุน เชื่อเป็นความสะพรึงกลัว-ภยาคติ “ธนกร” จวกยกครัว “อยู่บำรุง” ปูดคุณหญิงสุดารัตน์จ้องเขี่ยพ้นทีมหาเสียงเพราะมีแต่สร้างเรื่อง “ดร.เหลิม” ยัวะเฟซโต้ทันควันมวยคนละชั้น อึ้ง! สอนอย่ามาเผือกข้ามพรรค ทุกพรรคเดินสายลงพื้นที่พบประชาชน ชูแก้ปัญหาปากท้อง “หญิงหน่อย” สวมบทผู้บริหารประเทศแล้ว เตรียมบินไปจีนถกแก้ปัญหานักท่องเที่ยวลด
    เมื่อวันจันทร์ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตอบโต้จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรค พปชร.ชี้แจงถึงกรณีจองเก้าอี้รัฐมนตรีและการสั่งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ว่า คนพูดคือนายภิรมย์ พลวิเศษ  ซึ่งได้ชี้แจงไปแล้ว โดยการลงไปพบปะประชาชนส่วนใหญ่ คือเกษตรกรที่มีความใกล้ชิดและเป็นคนชื่นชอบ และประกอบอาชีพด้านเกษตรด้วย เวลาไปพบจึงเข้าใจกัน พูดกันรู้เรื่องเป็นกันเอง ทำให้เวลานี้พรรคการเมืองมองเห็นแล้วต้องติดตามและพิจารณา จนเป็นภยาคติ สะพรึงกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถลงมือหรือทำความเข้าใจกับคนกลุ่มนั้นได้ดีกว่า พปชร. ทำให้ประเมินล่วงหน้ากันไป
    "การที่ฝ่ายการเมืองอื่นสะพรึงกลัว มันเป็นภยาคติที่มอง จนเป็นความเสื่อมโทรมของการเมืองในวันนี้หรือวันข้างหน้า อยากให้มองไปไกลๆ แล้วมานำเสนอสิ่งที่เกิดประโยชน์กับภาพรวมของประเทศประชาชนบ้าง บางครั้งไม่ควรต่อความยาวสาวความยืดในสาระนั้นๆ ผมจึงไม่จำเป็นต้องโต้ตอบอะไรมากมาย และขอยืนยันไม่มีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกับใครทั้งนั้น วันนี้มาทำงานทำนโยบายให้คนเลือกพรรคประชารัฐเท่านั้น ผมมีเป้าหมายคือทำจำนวน ส.ส.ให้พรรคได้ตามเป้าที่วางไว้" นายสมศักดิ์กล่าว
    ทั้งนี้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ธ.ค. นายภิรมย์ได้ยอมรับว่าเป็นคนพูดเอง นายสมศักดิ์ไม่ได้พูด โดยได้พูดในตอนสรรหาสมาชิกพรรคที่บัวใหญ่ต่อกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นการพูดแนะนำท่านสมศักดิ์ในฐานะที่ทำงานให้กลุ่มเกษตรกรมาทุกกลุ่ม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กลุ่มเกษตรกรว่า พปชร.มีบุคคลที่เหมาะสม เข้าใจในการแก้ปัญหาเกษตรกรได้รวดเร็วเพราะรู้งานจริง แต่สื่อหลายสำนักไปมองว่าเป็นการจองตำแหน่งอะไรแบบนั้น ตีความหมายล้ำหน้าความคิดเห็นของประชาชน ที่เขายังไม่ได้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งเลย
    ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยังเชื่อว่า การพูดเช่นนี้เท่ากับตอกย้ำว่าพวกเขามั่นใจในชัยชนะในการเลือกตั้งแน่นอน จนถึงขั้นล็อกเก้าอี้รัฐมนตรีได้ ถือเป็นการดูถูกการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนใช่หรือไม่ 
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรค พปชร.ยังได้ตอบโต้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะหัวหน้าทีมปราศรัยหาเสียง พท.ที่ระบุว่ามีคนทั้งประเทศรู้จักมากกว่านายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองหัวหน้าพรรค  พปชร.ว่า อยากให้ถามคนที่รู้จัก ร.ต.อ.เฉลิมว่ารู้จัก ร.ต.อ.เฉลิมแบบไหน เชื่อว่าเกือบ 100% จะตอบว่ารู้จักในฐานะคนชอบสร้างความขัดแย้งในสังคม ใส่ร้ายป้ายสี ข่มขู่ผู้คน นอกจากนี้ที่นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิมได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ไม่ต้องถึงคุณพ่อ อยากถามพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่าระหว่างนายสุวิทย์กับนายวันรู้จักใครมากกว่ากัน" นั้น แน่นอนว่าคนทั้งประเทศเขารู้จักนายวัน เพราะเพิ่งขึ้นหน้าหนึ่งว่าวืดประกัน นอนคุกกองปราบฯ 1 คืน คดีทำร้ายกลุ่มวันพอยท์  
อัดยกครัวอยู่บำรุง
    “คนที่รู้จักนายสุวิทย์นั้นแม้มีจำนวนน้อยกว่า ร.ต.อ.เฉลิม แต่ทุกคนที่รู้จักนายสุวิทย์มีแต่ชื่นชมความสามารถและวิสัยทัศน์ในฐานะนักวิชาการ ที่มีความรู้ในการวิเคราะห์และแก้ปัญหาของประเทศไทยในทุกมิติ พิสูจน์ได้จากหนังสือที่ท่านเขียนชื่อว่า “โลกเปลี่ยน ไทยปรับ” ซึ่งได้รับคำนิยามจากผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทยและผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน อาทิ ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ จากข้อมูลที่นำมาเปรียบเทียบให้ ร.ต.อ.เฉลิมและนายวันได้เห็นนั้น ไม่ทราบว่ายังจะภูมิใจอยู่หรือเปล่าว่ามีคนรู้จัก ร.ต.อ.เฉลิมมากกว่านายสุวิทย์” นายธนกล่าว
    นายธนกรยังกล่าวว่า มีข่าววงในที่ได้รับจาก พท.ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พท.อึดอัดกับ ร.ต.อ.เฉลิมอย่างมาก เพราะขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์พยายามอ้อนขอเสียงคนทั่วประเทศ แต่ ร.ต.อ.เฉลิมกลับเติมเชื้อความขัดแย้งให้สังคม เชื่อว่าถ้า ร.ต.อ.เฉลิมยังไม่ยอมหยุดพฤติกรรมอย่างนี้ อีกไม่นานคุณหญิงสุดารัตน์ต้องเสนอให้พรรคปลด ร.ต.อ.เฉลิมออกจากทีมปราศรัยอย่างแน่นอน ดังนั้นด้วยความหวังดีขอเตือน ร.ต.อ.เฉลิมให้รีบเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองก่อนสายเกินไป และสุดท้ายในยุค 4.0 หวังว่าการตอบโต้ไปมาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เรามาทำการเมืองแบบสร้างสรรค์และพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จะดีกว่า
    ต่อมา ร.ต.อ.เฉลิมได้โพสต์เฟซบุ๊กสวนกลับทันทีว่า "นายธนกรควรภูมิใจที่โพสต์ถึง เพราะนักการเมืองอย่างคุณเปรียบเสมือนมวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น แต่พยายามไต่เต้า ซึ่งไม่ได้ดูถูกแต่ตามตนเองไม่ทันหรอก โดยที่บอกว่าคนรู้จักตนเองน้อยกว่านายสุวิทย์ เอาสมองส่วนไหนมาคิด และยังพยายามเสี้ยม ยุยงให้พรรคเพื่อไทยเกิดความแตกแยก พอเริ่มต้นทางการเมืองก็มีพฤติกรรมอย่างนี้เสียแล้ว พยากรณ์ไว้ว่าจะเล่นการเมืองอย่างไรก็ไม่มีวันมีอนาคต 
    การให้สัมภาษณ์ก้าวก่ายมายังพรรคเพื่อไทย ต้องถือว่าคุณเผือก และขาดความรับผิดชอบ คุณจะทำอะไรในพรรคพลังประชารัฐ คุณก็ทำไป แต่อย่ามายุ่งกับพรรคเพื่อไทยเลย เพราะพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ทางการเมืองมันคนละชั้น” ร.ต.อ.เฉลิมโพสต์ทิ้งท้าย
นายวันโพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กตอบโต้เช่นกันว่า "#อยู่บำรุง#อยู่เพื่อไทย#อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย#ไม่ฝักใฝ่เผด็จการเหมือนพวกคุณนะ"
    สำหรับกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดประชุมกับพรรคการเมืองในวันที่ 19 ธ.ค.นี้นั้น  น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า นายนิกร จำนง จะเป็นตัวแทนไปร่วม ซึ่งห่วงอย่างเดียวคืออยากให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน และที่สำคัญ กกต.ควรต้องรับฟังสิ่งที่พรรคการเมืองสะท้อน โดยเฉพาะเรื่องชื่อกับโลโก้พรรคในบัตรเลือกตั้งที่ กกต.รับปากว่าจะทบทวนให้ ก็เชื่อว่าจะมีความชัดเจนในการหารือระหว่างในวันที่ 19  ธ.ค.นี้
    น.ส.กัญจนายังกล่าวถึงกรณี กกต.ให้ขึ้นรูปป้ายหาเสียงเฉพาะตัวผู้สมัคร ส.ส. หัวหน้าพรรค และว่าที่นายกฯ ที่พรรคการเมืองเสนอเท่านั้น ว่าเข้าใจว่าเป็นระเบียบที่สอดคล้องในทำนองเดียวกับกรณีห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามามีบทบาทอะไรในพรรคการเมือง แม้แต่อดีตนายกฯ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งคงไม่กระทบกับพรรค เพราะแม้พรรคมีอดีตนายกฯ 2 คน คือ พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ กับนายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งทั้ง 2 ท่านได้ล่วงลับไปแล้ว คงไม่ก้าวล่วงนำรูปท่านมาขึ้นหาเสียงอยู่แล้ว แม้ กกต.ไม่ออกระเบียบมาห้ามก็ตาม 
    ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวประเด็นนี้ว่า ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เขาก็บอกอยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อเขา เมื่อไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อเราก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ก็พร้อมเดินหน้าทำงาน แม้กติกาจะยากเย็นและเอารัดเอาเปรียบก็สู้ แต่ทั้งนี้ กกต.ต้องตอบว่าระเบียบที่ออกมานี้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง และประชาชนที่จะออกไปใช้สิทธิ์อย่างไร กกต.ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของผู้มีอำนาจที่อยากกลับคืนสู่อำนาจ กกต.ต้องอธิบาย  
หวั่นใช้อำนาจเงิน
    คุณหญิงสุดารัตน์ยังปฏิเสธที่จะฝากถึงรัฐบาลหรือหัวหน้า คสช.ในการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม โดยระบุว่าคงไม่ฝากแบบนั้น เพราะวันนี้หัวหน้า คสช.ไม่ใช่คณะกรรมการกลาง ถ้าจะฝากคงบอกว่าอย่ามายุ่ง โปรดอย่าใช้อำนาจทำให้องค์กรอิสระต้องบิดเบี้ยว และต้องไม่ใช้อำนาจและอิทธิพลเข้าไปแทรกแซงหน่วยงานราชการในพื้นที่เพื่อให้คุณแก่พรรคการเมืองที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นนายกฯ ต่อ นอกจากนี้ควรเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่วันนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น รัฐบาล และหัวหน้ารัฐบาลที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยังมีอำนาจเต็ม และใช้งบประมาณในโครงการที่เป็นชื่อเดียวกับพรรคการเมือง ประชาชนก็ต้องพิจารณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนตัวกลัวเกรงว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่ใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินมากที่สุด กกต.ต้องช่วยทำให้ศักดิ์สิทธิ์
    พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าไม่ว่า กกต.จะกำหนดกฎระเบียบใดขึ้นมาก็ไม่มีปัญหากับพรรคเลย จะออกกฎเอื้อใครก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับคะแนน  มันอยู่ที่ตัวผู้สมัคร ถ้าตัวผู้สมัครแข่งขันเยี่ยม ประชาชนศรัทธา นโยบายที่สังกัดพรรคเป็นนโยบายที่ดี  ช่วยเหลือประชาชนได้จริงใจ เป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง เชื่อว่าระเบียบ กกต.ไม่มีอิทธิพลเท่าไหร่
    นายชื่นชอบ คงอุดม โฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) กล่าวว่า กติกาคือสิ่งที่ กกต.เป็นคนเขียนขึ้นมา พรรคพร้อมทำตามกติกา แต่พรรคอาจมีคำถามเรื่องโลโก้พรรคว่า กกต.จะมีแนวทางต่อไปอย่างไร ซึ่งต้องรอดูวันที่ 19 ธ.ค.อีกครั้ง หากมีข้อกำหนดที่ชัดเจนก็จะมีแนวทางเสนอต่อไป
วันเดียวกัน การเดินสายของพรรคการเมืองยังคงมีความต่อเนื่อง โดยที่จังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค พท. และคุณหญิงสุดารัตน์พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ และสมาชิกพรรคร่วมพิธีทำบุญเปิดอาคารสำนักงานสาขาภาคใต้ โดยคุณหญิงสุดารัตน์เดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทรเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย
    โดยคุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวถึงการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคว่าเกือบ 100% แล้ว ซึ่งยังมีบางเขตที่มีผู้สมัครมากกว่า 1 คน ซึ่งต้องรอผลทำโพลอยู่ เหลือประมาณ 5-6 เขตก็จะเสร็จ ส่วนภาคใต้เรากำลังดูอยู่ โดยจะส่งในจังหวัดที่มีความพร้อม รวมทั้ง จ.ภูเก็ตด้วย 
    “วันนี้เราไม่ได้ตั้งใจเพียงแค่ส่งผู้สมัครอย่างเดียว แต่เราต้องการมาทำงาน มารับใช้คนภูเก็ตและพี่น้องชาวใต้ ขอให้ท่านลองใช้พรรคเพื่อไทย เพราะชาวใต้ยังไม่เคยใช้เลย ใช้แล้วท่านจะติดใจเหมือนภาคอีสานและภาคเหนือที่ใช้พรรคเพื่อไทยแล้ว ลองดูสักครั้งนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์อ้อน
    ต่อมาในช่วงบ่ายคณะคุณหญิงสุดารัตน์ได้เดินสายรับฟังปัญหา ซึ่งได้สะท้อนในเรื่องเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่แม้มีจำนวนมากแต่กำลังซื้อน้อย โดยคุณหญิงสุดารัตน์เผยว่าในวันที่  21-23 ธ.ค.นี้จะนำคณะเดินทางไปจีน ซึ่งการไปครั้งนี้จะมีโอกาสได้พูดคุยกับรัฐมนตรีและรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งคงได้พูดคุยกันว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยน้อยลงได้อย่างไร
ชทพ.วางเป้า 30 ที่นั่ง
    ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในหัวข้อ "ทิศทางและแนวโน้มอุตสาหกรรมกับการลงทุนหลังการเลือกตั้ง 62" ตอนหนึ่งว่า โจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลหลังเลือกตั้งต้องเผชิญคือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากและปัญหาปากท้องที่สั่งสมมาตลอดช่วง 4 ปี ซึ่งไม่ใช่จงเกลียดจงชังรัฐบาลนี้ แต่เพราะหวังว่าการเลือกตั้งจะได้รัฐบาลชุดใหม่ที่ทำให้หลุดพ้นจากความอดอยากได้ แม้ประเทศต้องการความสงบ แต่ความสงบอย่างเดียวไม่พอ ประชาชนต้องท้องอิ่มด้วย
    มีรายงานจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ถึงความเคลื่อนไหวจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ว่า ยังมีหลายพื้นที่ที่มีความทับซ้อน ซึ่งนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ชทพ.ระบุว่า จะเลือกผู้สมัครคนใหม่ ลงเลือกตั้งแทนผู้ที่เคยถูกวางตัวไว้ให้ลงสมัครก่อนหน้านั้น โดยพิจารณาจากคะแนนที่ได้สำรวจความนิยมทั้งระดับพื้นที่และส่วนกลาง โดยพรรคจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งทั้งหมด 324 เขตจากทั้งหมด 350 เขตเลือกตั้ง
    ขณะที่ น.ส.กัญจนาประเมินว่า พื้นที่ภาคอีสานและภาคกลางถือเป็นพื้นที่ความหวังของพรรค และเชื่อว่าพรรคจะได้ ส.ส.เข้าสภา 25-30 คนแน่นอน
    ทั้งนี้มีรายงานว่า ชทพ.จะไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ใน 6 จังหวัด คือ อ่างทอง, อุทัยธานี, ประจวบคีรีขันธ์,  สระแก้ว, พะเยา, แพร่ และศรีสะเกษ จะไม่ส่งผู้สมัครเขต คือเขต 1 ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ของนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ พรรคภูมิใจไทยที่ย้ายออกจากพรรค
    ที่ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) จ.สงขลา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค ชพน.เปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้งและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา โดยนายสุวัจน์ระบุว่า พรรคทำงานการเมืองสายกลาง ไม่สร้างปัญหา  เล่นการเมืองตามกติกา ไม่แบ่งฝักฝ่าย อยากเห็นเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น 
    นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รักษาการผู้อำนวยการพรรค ชพน.กล่าวในระหว่างเป็นประธานการประชุมสมาชิกพรรคที่ จ.ร้อยเอ็ดว่า เราพร้อมเดินหน้าหาเสียงเต็มที่ และพร้อมชูแนวทางและสโลแกนพรรค “No Problem” ไม่มีปัญหากับใคร ไม่แบ่งฝ่ายเลือกข้าง เน้นการทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องชาวอีสาน แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และยกระดับสินค้าการเกษตรให้เป็นระดับพรีเมียม    
    ส่วนนายธนกรกล่าวว่า พรรคมีกำหนดลงพื้นที่ปราศรัยเช่นภาคอีสาน นายเอกภาพ พลซื่อ รับผิดชอบ, ภาคเหนือ ดร.บุญสิงค์ วรินทรักษ์, ภาคกลาง ดร.ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว ส่วนภาคใต้คาดว่า พ.อ.สุชาติ จันทร์โชติกุล และกำหนดการลงพื้นที่คือ 21 ธ.ค.พิจิตร, 22 ธ.ค.อุตรดิตถ์ แพร่ นครปฐม และ 23 ธ.ค.เชียงใหม่ 
ชูอุ้มชาวไร่-ชาวนา-แรงงาน      
     ขณะที่การเดินคารวะแผ่นดินของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคและในฐานะประธานคณะทำงาน ได้นำคณะพร้อมว่าที่ผู้สมัครพรรคเดินสาย โดยเริ่มที่ตลาดหลักเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจของ อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อเชิญชวนให้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค จากนั้นได้เดินทางต่อไปที่ตลาดสด อ.ปากช่อง พร้อมถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 และอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่หน้าที่ว่าการอำเภอปากช่อง โดยนายสุเทพกล่าวช่วงหนึ่งว่า เดินมาครึ่งประเทศไปทุกตลาด ตลาดซบเซา และเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกมาก พี่น้องพ่อแม่ที่เดินตามตลาดต่างๆ ร้องขอว่าลุงกำนันรีบไปคิดอ่าน หาทางช่วยชาวไร่ชาวนาให้เขามีเงิน ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจไปไม่รอด เจ๊งแน่นอนไปไม่รอด เหตุผลอย่างนี้เราจึงจำเป็นที่ต้องตั้งพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง คือพรรค รปช. 
    “นโยบายของพรรคกำหนดชัดเจนว่า เราจะทำกิจกรรมทางการเมือง ทำงานทางการเมือง โดยมีเป้าหมายคือแก้ปัญหาเศรษฐกิจชาวบ้านให้ได้ ต้องฟื้นฟู ให้ครอบครัวทั้งหลายมีเศรษฐกิจครอบครัวที่เข้มแข็ง ฟื้นฟูให้สังคมข้างล่างมีเศรษฐกิจที่แข็งแรง เราต้องทำรากฐานของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง นี่คือแนวทางของเรา เราจะเป็นพรรคแรกที่จะประกาศว่า เราจะอุ้มชูชาวไร่ชาวนาและผู้ใช้แรงงาน” นายสุเทพกล่าว
    ที่ จ.พิษณุโลก แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พร้อมคณะได้ลงพื้นที่รับสมัครสมาชิกและรับฟังปัญหาผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งนายจาตุรนต์กล่าวกับชาวพิษณุโลกว่า ดีใจที่ได้มารับฟังปัญหาของชาวพิษณุโลก และยิ่งดีใจมากที่ประชาชนสะท้อนปัญหาเต็มที่ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจที่พ่อแม่พี่น้องเดือดร้อนมากเหลือเกิน ซึ่งปัญหาของพิษณุโลกจะแก้ได้ด้วยการเมือง หมายถึงต้องมีพรรคการเมืองและรัฐบาลที่แก้ไขปัญหาได้แท้จริง โดยเฉพาะปัญหาเกษตรกรพืชผลตกต่ำ และต้องเปลี่ยนรัฐบาล เพราะถ้าเป็นไปตามที่ผู้มีอำนาจที่วางไว้อีก 20 ปี พี่น้องคงทนไมไหว จึงขอให้พี่น้องเลือกพรรคการเมืองที่เป็นฝั่งประชาธิปไตย ก็จะได้รัฐบาลที่สามารถแก้ปัญหาให้พี่น้องได้
    ส่วนที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร นายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) พร้อมคณะเดินทางมาบวงสรวงและสักการบูชาศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครเอาฤกษ์เอาชัย โดยสมาชิกพรรคในทุกจังหวัดจะทำพิธีพร้อมกัน โดยนายชัชวาลย์กล่าวว่าพรรคไม่ได้อยู่ข้างซ้ายหรือขวา  แต่เราทำเพื่อประเทศอย่างเดียว ขณะนี้ยังไม่มีการคุยกับพรรคการเมืองใดเป็นพิเศษ ยืนยันว่าในการหาเสียงเราจะไม่พูดโจมตีพรรคการเมืองใด แต่จะเน้นว่าสิ่งใดที่ทำให้ประเทศเดินหน้าก็จะทำ เชื่อว่าแนวคิดพรรคการเมืองที่อยู่ตรงกลางจะเป็นส่วนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ
'ฟิล์ม' หวังปักธง
    นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรค พทท.กล่าวว่า การเดินสายหาเสียงที่จะเกิดขึ้นถือเป็นเรื่องใหม่ ตื่นเต้นแต่ไม่กังวล เพราะคุ้นเคยในการลงพื้นที่ การทำงานที่ผ่านมาก็ลงพื้นที่มาตลอด ซึ่งวันนี้ได้อธิษฐานว่าขอให้มีโอกาสทำงานเพื่อประชาชน ถ้าได้เป็น ส.ส.จะได้กลายเป็นหนึ่งเสียงที่จะหนุนสิ่งที่ทำเพื่อประเทศชาติ วันนี้ถือว่าเป็นการสร้างพลังให้กับทีมที่ลงสมัคร ส.ส.ด้วยกัน เป็นการปักธงรบในกรุงเทพฯ ว่าพร้อมแล้ว เพราะได้มีการปลดล็อกแล้ว ทุกคนจึงมีความพร้อมเต็มที่
    ด้าน น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวว่า ผลสำรวจซูเปอร์โพลรายงานว่า ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศ/ข่มขืนถึง 55.7% รองลงมาจากปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นด้วยและได้เสนอพรรคเพื่อชาติให้บรรจุแนวทางแก้ปัญหานี้ในนโยบายพรรค เนื่องจากความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี 
    “จะเสนอพรรคให้มีนโยบายต้องทำให้ผู้กระทำได้รับการลงโทษที่เด็ดขาด เกิดการเปลี่ยนรากฐานทัศนคติ ช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างรวดเร็วทันท่วงทีโดยไม่เลือกปฏิบัติ รณรงค์เปลี่ยนค่านิยมชายเป็นใหญ่ที่ชอบกดขี่หญิง และรณรงค์ถึงโทษภัยของแอลกอฮอล์” น.ส.เกศปรียากล่าว
ส่วนที่ศูนย์ประสานงานพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ จ.ปทุมธานี ได้เปิดตัวสมาชิกทั้ง 6 เขต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและเป็นคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ โดยพรรคจะมุ่งแก้ปัญหาปากท้องตามสโลแกนของพรรค "ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน"
    ด้านบริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองตราด อ.เมืองตราด นายศักดินัย นุ่มหนู ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตราด  พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมทีมงาน ได้เดินทางมาแนะนำตัวและเสนอนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ เชิญชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมแจกเอกสารใบสมัครและแผ่นพับแนะนำพรรค. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"