สั่ง50เขตเร่งพ่นน้ำสู้ฝุ่น! สัปดาห์หน้าอากาศปกติ


เพิ่มเพื่อน    

 คนกรุงอ่วม! ฝุ่นเกินมาตรฐาน 20 จุด อีก 14 พื้นที่พุ่งตาม คพ.คาด 2-3 วันถึงกลับสู่ภาวะปกติ   "อัศวิน" สั่ง 50 เขตฉีดพ่นน้ำ คุมเข้มควันดำ-ห้ามเผาขยะ แพทย์แนะสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน เตือนเด็ก-ผู้สูงอายุ-กลุ่มเสี่ยงเลี่ยงออกจากบ้าน

    เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ผู้ว่าฯ อัศวิน" ว่า สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM<.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งกรมควบคุมมลพิษรายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2561 ตรวจพบ 7 เขตที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดให้ไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรนั้น ยอมรับว่าเกิดปัญหาจริง ส่วนหนึ่งเกิดจากโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ การปรับปรุงถนน การก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่พักอาศัย รวมไปถึงควันจากท่อไอเสียเครื่องยนต์ในย่านที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ ในบางช่วงเวลา ประกอบกับตอนนี้เป็นฤดูแล้ง สภาพอากาศแห้ง ยิ่งส่งผลให้เกิดฝุ่น ควัน และมลพิษในอากาศค่อนข้างสูง    
    โดย กทม.ไม่นิ่งนอนใจ มอบหมายให้ 50 เขตล้างทำความสะอาดถนน ฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้า รวมถึงรณรงค์ให้หันมาใช้ขนส่งมวลชน นอกจากนี้ สำนักสิ่งแวดล้อมยังได้ตรวจวัดค่ามลพิษในพื้นที่ พร้อมส่งไลน์แจ้งให้เขตรับทราบสถานการณ์และเข้าไปแก้ไขปัญหาด้วย รวมทั้งได้กำหนดให้ดำเนินการ 1 เขต 1 ถนนอากาศสะอาด ปราศจากฝุ่นและมลพิษ มีการเฝ้าระวังและตรวจวัดคุณภาพอากาศสม่ำเสมอ พร้อมคุมเข้มรถควันดำ เพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดถนน
    ต่อมา เวลา 12.08 น. พล.ต.อ.อัศวินได้โพสต์ข้อความอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊ก "ผู้ว่าฯ อัศวิน" ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพฯ เกินมาตรฐาน 19 เขต กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการกระจายตัวของฝุ่นละออง เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศนิ่ง ลมสงบ ส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองในบรรยากาศและมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้สำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ตรวจสอบและดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเข้มข้นทันที โดยให้เพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดถนน ควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือเศษวัสดุต่างๆ ในที่โล่งทุกพื้นที่ 
    นอกจากนี้ ได้ประสาน สน.ท้องที่ ร่วมอำนวยการจราจรให้เกิดความคล่องตัว ห้ามจอดรถริมถนนสายหลัก ป้องกันปัญหาการจราจรติดขัด เพื่อช่วยลดการปล่อยและสะสมฝุ่นละอองบนท้องถนน รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดตรวจจับรถยนต์ที่ปล่อยควันดำ ตลอดจนดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ เฝ้าระวังติดตามวิเคราะห์และประเมินแนวโน้มสถานการณ์ เพื่อแจ้งเตือนและให้คำแนะนำพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่พบคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เสี่ยง เลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
    ด้านกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ประจำวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค.2561 ผ่าน www.bangkokairquality.com โดยเขตที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานคือ เกิน 50 มคก./ลบ.ม. ดังนี้ 1.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) 2.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง 3.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 4.เขตปทุมวัน บริเวณริมถนนจามจุรีสแควร์ เยื้อง MRT สามย่าน 5.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า 6.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอยถนนเซนต์หลุยส์ 7.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก 
    8.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ 9.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 10.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ 11.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ 12.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย 13.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม 14.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร 15.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย 16.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ 17.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ 18.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน 19.เขตบึงกุ่ม  ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม และ 20.เขตบางขุนเทียน  ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน
         นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของ คพ. และ กทม. พบว่าปริมาณ PM 2.5 บริเวณพื้นที่ริมถนนตรวจวัดได้ระหว่าง 65-103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ 20 พื้นที่ ส่วนในพื้นที่ทั่วไปตรวจวัดได้ระหว่าง 55-96 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ 14 พื้นที่ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจราจร ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่มีหมอกในตอนเช้า อากาศนิ่ง และมีสภาพอากาศปิด ทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองในอากาศเพิ่มขึ้น
    ทั้งนี้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ คพ.ประสานแก้ไขปัญหาร่วมกับ กทม. จังหวัดปริมณฑล กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 โดยมีการติดตามตรวจสอบและรายงานสถานการณ์ PM 2.5 แจ้งเตือนประชาชนรับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง 
    รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการงดใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เปลี่ยนมาใช้ระบบสาธารณะ งดการเผาในที่โล่งทุกประเภท และขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งงดใช้รถยนต์ที่มีควันดำอย่างเด็ดขาด พร้อมกันนี้ คพ.ได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจรตั้งจุดตรวจจับรถควันดำบริเวณถนนกาจญนาภิเษก เพื่อควบคุมกำกับดูแลการระบายมลพิษจากยานพาหนะให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด และเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองจากยานพาหนะ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของปัญหา
         นายประลองกล่าวว่า ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด อย่าตื่นตระหนก กลุ่มคนทั่วไปสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ สำหรับกลุ่มเสี่ยงได้แก่ เด็ก คนชรา หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว หมั่นสังเกตอาการ หากผิดปกติให้ไปพบแพทย์ และคาดการณ์ว่าภายใน 2-3 วันสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยสามารถติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศทันสถานการณ์ ผ่านเว็บไซต์ www.air4thai.pcd.go.th และแอปพลิเคชัน air4thai
    พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ที่ต้องระวังเป็นพิเศษมี 2 กลุ่ม คือ 1.เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งเมื่อได้รับฝุ่นละอองมากๆ จะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และ 2.กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคหืด โรคปอด โรคถุงลมอักเสบ และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ทั้งสองกลุ่มจำเป็นต้องระมัดระวัง และไม่ควรออกนอกอาคาร อยู่กลางแจ้ง ควรหลีกเลี่ยงดีที่สุด หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรค แต่หากในกลุ่มผู้ป่วยโรคปอด โรคหัวใจ ฯลฯ กลุ่มนี้ไม่ควรออกช่วงที่ทางกรมควบคุมมลพิษประกาศเตือนจะดีที่สุด แต่หากต้องออกไปและรู้สึกว่าไม่สบายตัว รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะมีความเสี่ยงโรคกำเริบได้.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"