โพสต์แฉ'พปชร.' บีบเลือกแลกบัตร


เพิ่มเพื่อน    


     เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง "บิ๊กตู่" ขยันลงพื้นที่ถี่ยิบ 24 ธ.ค.ลุยสมุทรปราการ-นนทบุรี รับฟังเสียงสะท้อนการมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ "หนุ่มยโสธร"  โพสต์คลิปแฉ จนท.บีบให้ผู้รับบัตรคนจนเลือก พปชร. ขอแค่คะแนนเดียวพร้อมเก็บสำเนาทะเบียนบ้าน-บัตรประชาชน ใครไม่ให้อดรับบัตร "อนค.-ปชป." ซัดตอกย้ำใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบ "สมชัย" จัดหนักปมระดมทุน ชี้ 4 กรณี 10 คนเข้าข่ายความผิดใช้ตำแหน่งหน้าที่เรี่ยไร จี้ กกต.ตรวจสอบ ขู่เพิกเฉยเจอ ม.157 "ผู้กองมนัส" ฟุ้งระดมทุนเงินก้อนใหญ่แสดงความเชื่อมั่น พปชร. เป็นทางเลือกใหม่ของคนไทย
     เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง  ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 24 ธ.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สมุทรปราการและนนทบุรี โดยเน้นติดตามความสำเร็จของโครงการในแต่ละจังหวัด เพื่อขยายผลแก่พื้นที่อื่น และรับฟังปัญหาจากประชาชนและเจ้าหน้าที่โดยตรง สำหรับจุดแข็งของทั้ง 2 จังหวัดที่เหมือนกัน คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เกษตร และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่คุ้งบางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ  และเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและศึกษาหาความรู้ได้ นอกจากนี้ที่สมุทรปราการยังมีเรื่องของการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่วนที่นนทบุรี มีเรื่องการอนุรักษ์สวนทุเรียนนนท์ และผลิตภัณฑ์ OTOP ของชุมชน
    "นายกฯ เน้นย้ำว่ารัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ดังนั้นการลงพื้นที่ทุกครั้งจึงมีประโยชน์ เพราะทำให้เห็นสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่บริหารงานอยู่ในที่ตั้งเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น การมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีรายงานว่า จ.สมุทรปราการ มีผู้รับสิทธิ์รวมทั้ง 2 รอบ 143,319 ราย และ จ.นนทบุรี มีผู้รับสิทธิ์ 131,523 ราย ซึ่งท่านนายกฯ ก็จะได้รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนตามโครงการนี้ด้วย" นายพุทธิพงษ์กล่าว
        ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “จูเนียร์ผู้ที่เป็นชาวไซยา ถล่มดาวเบจิต้า และไปดาวนาเม็ก” ได้โพสต์วิดีโอขณะที่กำลังต่อว่าเจ้าหน้าที่ในจุดรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบเก็บตก โดยระบุว่า นายพิกิฏ ศรีชนะ ผู้แทนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยู่ในพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อสม.ในพื้นที่ และลูกทีมของนายพิกิฏ ที่บ้านหวาน ต.สามัคคี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร โดยผู้รับต้องลงทะเบียนเป็นผู้สนับสนุนพรรค พปชร. มีการเรียกเก็บสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน และปั๊มลายนิ้วมือ จึงจะสามารถรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในครั้งนี้ได้ ซึ่งรอบการรับบัตรปกติไม่ได้มีการขอข้อมูลลักษณะนี้แต่อย่างใด
    เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว เขาเปิดเผยว่าชื่อ “เกียรติบุรุษ” เป็นชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมระบุว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.00 น. ที่มีการตั้งจุดรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในพื้นที่ ต.สามัคคี โดยผู้ที่ทำตามขั้นตอนจะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่สามารถกดเงินสด และได้รับค่าดำเนินการจากเจ้าหน้าที่อีก 100 บาท คุณยายที่รู้จักเดินทางมาคุยกับแม่ของตน ยืนยันจะขอรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ขอลงชื่อเป็นผู้สนับสนุนสมาชิกพรรค พปชร. ทางเจ้าหน้าที่จึงพยายามพูดโน้มน้าวและแจ้งว่าหากไม่ลงทะเบียนสนับสนุนก็จะไม่ได้รับบัตร ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจะคุยกับคุณยายตัวต่อตัว และแจ้งว่าทางรัฐบาลขอแค่ 1 เสียง แค่คะแนนเดียว แค่ลงทะเบียนให้ยายก็จะได้บัตรฯ แต่ยายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม และไม่ได้รับบัตรฯ ในท้ายที่สุด 
     น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่(อนค.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดและตัวแทนของพปชร. ออกมาชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวด้วย เนื่องจากในคลิปวิดีโอมีภาพของผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ปรากฏอยู่ด้วย กรณีดังกล่าวยังเป็นการตอกย้ำว่า พปชร.ใช้อำนาจรัฐส่อไปในทางที่มิชอบ โดยการใช้เงินภาษีของประชาชน เอื้อกับผลประโยชน์ทางการเมือง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่ารัฐบาลนี้จะมีอำนาจเต็มไปจนกว่าจะเกิดการเลือกตั้ง อาจเป็นช่องทางในการใช้อำนาจโดยมิชอบลักษณะนี้อีก เพื่อเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ
ตอกย้ำใช้อำนาจมิชอบ
     "จากการลงพื้นที่ต่างจังหวัดมีข้อร้องเรียนว่ามีพรรคการเมืองบางพรรคที่จ่ายเงินเพื่อให้ชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิกพรรค รวมทั้งนำสำเนาบัตรประชาชนไปด้วย เช่นเดียวกับเหตุการณ์อื่นๆ ที่แสดงว่าพรรค พปชร.ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น อย่างการระดมทุน ที่ทางพรรคอนาคตใหม่วางแผนมานาน แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เมื่อ กกต.ประกาศอนุญาตปุ๊บปั๊บ ทางเราไม่สามารถทำได้ แต่พรรค พปชร.กลับทำได้ จึงเกิดข้อสงสัยว่าคนในพรรค พปชร.รู้ตารางเวลาเหล่านี้ก่อนคนอื่นหรือไม่" โฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุ
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า นอกจาก 4 รัฐมนตรีไม่ยอมลาออก นายอำเภอและเจ้าหน้าที่รัฐพาผู้สมัคร พปชร.ลงพื้นที่หาเสียง แล้วยังมีประเด็นสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายจากจัดโต๊ะจีนพรรค นี้เป็นการท้าทายประชาชนและเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นอย่างชัดเจนหรือไม่ พปชร.ต้องหันไปสำรวจตัวเองว่ามีพฤติกรรมที่จะเป็นเหตุแห่งความขัดแย้งหรือไม่
    นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงว่า มีหลายประเด็นที่ กกต.ยังไม่สามารถสร้างความชัดเจนหรือให้ความกระจ่างแก่สังคมได้ อาทิ ข่าวที่ว่ามีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองที่ใกล้ชิดรัฐบาลเก็บบัตรประชาชนใน จ.สุโขทัย และสัญญาว่าจะนำไปทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อแลกกับโครงการลดแลกแจกแถมให้ผู้ถือบัตร รวมถึงมีข่าวการเก็บบัตรประชาชนใน จ.พัทลุง เมื่อมีผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ถึงเรื่องดังกล่าว ขณะที่พล.อ.ประวิตรระบุว่า ให้ส่งหลักฐานมา ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีหลักฐานอยู่แล้ว หาได้ไม่ยาก เพราะเป็นการเก็บบัตรประชาชนจำนวนมากนับพันใบ 
    "กรณีมีข้าราชการนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแจกให้ประชาชนใน จ.ขอนแก่น โดยเชิญผู้สมัคร ส.ส.ของบางพรรคมาร่วมงานนี้ด้วย พร้อมกับกล่าวว่าถ้าอยากได้อีกต้องเลือกพรรคดังกล่าว เป็นสิ่งที่ กกต.ต้องไปติดตามตรวจสอบ โดยไม่ต้องรอให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งหรือรอพึ่ง กกต.จังหวัด เพราะผู้ตรวจการเลือกตั้งจะเริ่มทำหน้าที่ได้ต่อเมื่อมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว ระหว่างที่ยังไม่มีกฤษฎีกาดังกล่าว บางพรรคอาศัยช่องโหว่ตรงนี้ในการนำนโยบายของรัฐมาอ้างผสมปนกันเพื่อลดแลกแจกแถม" นายจุฤทธิ์กล่าว
    ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และสมาชิกพรรค ปชป. กล่าวถึงการจัดงานระดมทุนของพรรค พปชร.ว่า ในมาตรา 73 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ข้าราชการการเมืองใช้สถานะหรือตำแหน่งหน้าที่เรี่ยไรหรือชักชวนให้มีการบริจาคให้พรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่การจัดงานระดมทุนของ พปชร. มีข้าราชการการเมืองที่เกี่ยวข้อง 4 รายการ ดังนี้ กรณีแรก เป็นโต๊ะจีนในนาม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ มีจำนวน 4 โต๊ะ 12 ล้านบาท ต้องตรวจสอบว่าได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเรี่ยไรหรือไม่ หรือหากตัวรัฐมนตรีเป็นผู้บริจาคเอง ตามกฎหมายระบุว่าจะบริจาคให้พรรคการเมืองได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ดังนั้น อีก 2 ล้านบาทเป็นเงินที่ได้มาจากไหน ต้องมีการตรวจสอบ
    กรณีที่สอง เป็นโต๊ะจีนของนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค 1 โต๊ะ 3 ล้านบาท กรณีนี้ตรวจสอบไม่ยาก หากนายอุตตมเป็นผู้บริจาคเองก็จบ แต่หากเงิน 3 ล้านบาทไปเรี่ยไรจากคนอื่นก็จะผิดในฐานะใช้ตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรมไปเรี่ยไรเงิน ส่วนกรณีนายณพพงศ์ ธีระวร หรือ ดร.เอก ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ และ รมว.อุตสาหกรรม มีความลึกลับซับซ้อน มีการระบุจองโต๊ะถึง 24 โต๊ะ 72 ล้านบาท หาก ดร.เอกเป็นที่ปรึกษาของ 2 รัฐมนตรีจริง และจ่ายเงินของตนเองจริงจะได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท จึงเป็นภาระที่ต้องพิสูจน์ว่าเกิดจากการเรี่ยไรหรือไม่  รายการที่ 4 คือกรรมการบริหารพรรค 3 โต๊ะ 9 ล้านบาท ซึ่งมี 7 คนใน 26 คนที่เป็นข้าราชการการเมือง จึงต้องไปตรวจสอบว่าทั้ง 7 คนนี้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปชักชวนเรี่ยไรหรือไม่ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะกรรมการบริหารพรรคด้วยในมาตราที่ 27 กำหนดโทษไว้ชัดว่า ใครทำผิดมาตรา 73 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
เตือน กกต.เพิกเฉยโดน 157
     นายสมชัยกล่าวว่า เรื่องนี้จึงต้องเดินหน้าต่อ และทั้ง 10 คน ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาความผิด เพราะเป็นเรื่องใหญ่และท้าทาย กกต.ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะเป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพราะในกฎหมาย กกต.มาตรา 22 วรรครองสุดท้าย ระบุไว้ชัดเจนว่า ในการควบคุม กำกับ ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการสอดส่อง สืบสวน หรือไต่สวน เพื่อป้องกันและขจัดการกระทำหรืองดเว้นการกระทำอันใดที่อาจก่อให้เกิดความไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมในการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาในระหว่างประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม มาตรานี้เป็นไม้เด็ดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ให้อำนาจ กกต.ไว้
     “จะให้เวลา กกต.ในการรวบรวมข้อมูล 1 สัปดาห์ ถ้ายังไม่คิดทำอะไร อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดมาตรา 157เพราะสังคมอยากการทำงานเชิงรุก” นายสมชัยกล่าว
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคปชป. กล่าวว่า การจัดระดมทุนพรรคต้องดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย คือไม่รับการซื้อโต๊ะจากหน่วยงานราชการ และตรวจสอบคุณสมบัติบุคคล หน่วยงานที่มาชื้อโต๊ะว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ หากเงินระดมทุนกรณีคนที่ขาดคุณสมบัติก็ต้องคืน และควรจะต้องเปิดเผยว่าจะมีส่วนราชการเกี่ยวข้องหรือไม่ เมื่อปฏิเสธต้องอยู่ที่ กกต.ในการไต่สวนตรวจสอบข้อเท็จ
    นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า กฎหมายกำหนดให้พรรคการเมืองทำรายงานแจ้งต่อ กกต.ภายใน 30 วัน และการชี้แจงต้องระบุอย่างละเอียดแบบรายบุคคลด้วย ซึ่งมีความแตกต่างจากกฎหมายเดิม คงใช้ระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็เห็นชัดเจน
    ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า พรรค พปชร.เป็นพรรคที่ต้องการแสดงศักยภาพ ฟอร์มยักษ์ ฟอร์มใหญ่พอสมควร ซึ่งก็ไม่ว่ากัน แต่ในข้อกฎหมาย ผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะบริจาคเงินในการระดมทุนนั้น ทาง กกต.ต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะมีข่าวว่าใช้หน่วยงานของรัฐไปบริจาคเงินร่วมโต๊ะจีน โดยเข้าใจว่าน่าจะผิดกฎหมายอย่างชัดเจน จึงเรียกร้อง กกต.ให้คืนความหวังให้กับประชาชนทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปเกรงกลัวอำนาจ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างเป็นธรรมโปร่งใส 
    ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พปชร. กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าเงินที่ได้จากการระดมเป็นจำนวนเท่าไร แต่ทราบว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ ที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้สนับสนุนที่มองว่าพรรค พปชร.เป็นทางเลือกใหม่ของคนไทย ซึ่งหากพรรคไม่ชนะการเลือกตั้งก็คงไม่กล้ามาลงทุน วาทกรรมว่าอาหารคำละ 3,000 บาท หรือมื้อละ 300,000 บาท ไม่ใช่เป็นการเอาอาหารมาขาย เราก็รู้อยู่ว่าอาหารไม่ได้ราคาแพงอย่างนั้น ที่ผู้สนับสนุนระดมทุนเข้าพรรค ไม่ใช่การซื้ออาหาร กระแสที่ถูกโจมตีในการเวลานี้ เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อกระแสความนิยมของประชาชน มั่นใจว่าพรรคชี้แจงได้
    มีรายงานข่าวจากพรรค พท. เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรควางตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งระบบเขตเลือกตั้งไว้แล้วเกือบ 250 เขตเลือกตั้ง ซึ่งลงตัวแล้วเกือบทั้งหมด เหลือประมาณ 10 เขตเท่านั้นที่ต้องหาข้อสรุปขั้นสุดท้ายอีกครั้ง โดยพื้นที่ กทม.จะส่งประมาณ 20 เขตขณะที่ ทษช.จะส่งผู้สมัครระบบเขต 150 เขต บวกอีกเล็กน้อย กทม.เบื้องต้นจะส่ง 10 เขต แต่สุดท้ายอาจเพิ่มเติมเป็น 15 เขตได้ การวางตัวผู้สมัครของ พท.และ ทษช.จะทับซ้อนกันประมาณ 50 เขต ซึ่งเป็นเขตที่ผู้สมัคร พท.แพ้เลือกตั้งแต่ยังยืนยันจะลงสมัคร ทางทษช.ก็ต้องการคะแนนทุกคะแนนเพื่อเปลี่ยนเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงต้องส่งชนกัน และเป็นการหลบเลี่ยงข้อครหาการฮั้วกันไปในตัวด้วย
"หน่อย"เคลียร์"เหลิม"
    มีรายงานอีกว่า ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีก่อนเทศกาลปีใหม่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะทำงานปราศรัยหาเสียง พท. วางโปรแกรมประเดิมเดินสายปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. ที่ จ.อุดรธานี เป็นแห่งแรก, 25 ธ.ค. จ.หนองคาย, 26 ธ.ค. จ.บึงกาฬ, 27-28 ธ.ค. ที่ จ.สกลนคร, 29 ธ.ค. ที่ จ.นครพนม และปิดท้ายวันที่ 30 ธ.ค.ที่ จ.ศรีสะเกษ โดยพยายามไปให้ทั่วถึงราว 250 เขตที่พื้นที่จะส่งผู้สมัคร จะเน้นพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ รวมกับภาคกลางบางส่วน เว้นภาคใต้ที่ยอมรับว่าอิทธิพลของ ปชป.ยังคงเหนียวแน่น ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้งจะอยู่บัญชาการที่ กทม.เพื่อช่วงชิงที่นั่ง ส.ส.กทม.ให้ได้มากที่สุด เนื่องจากมองว่าคะแนนนิยมของ ปชป.ใน กทม.เสื่อมลงมากแล้วยังหมายมั่นปั้นมือว่านายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ที่คาดว่าจะลงสมัคร ส.ส.เขตบางบอน-หนองแขม เข้าสภาในฐานะ ส.ส.เป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้
    ส่วนกระแสข่าวที่ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ อาจเสนอให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค ปลด ร.ต.อ.เฉลิมออกจากประธานคณะทำงานปราศรัยหาเสียง คุณหญิงสุดารัตน์ได้มอบหมายให้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.ไอซีที โทรศัพท์สายตรงไปชี้แจงกับ ร.ต.อ.เฉลิมทันทีว่ากระแสข่าวไม่ได้ออกมาจากคุณหญิงสุดารัตน์ อีกทั้งยังย้ำว่าการได้ ร.ต.อ.เฉลิมมาช่วยงานพรรคอีกครั้ง สามารถช่วยลดภาระได้มาก รวมทั้งยืนยันสิทธิ์ในการเสนอผู้สมัคร ส.ส.กทม.ฝั่งธนบุรีให้กับ ร.ต.อ.เฉลิมเช่นเดิมด้วย นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ น.ต.ศิธา ทิวารี ผอ.พท. ส่งข้อความแจ้งไปยังนายวัน อยู่บำรุง เพื่อให้ช่วยทำความเข้าใจ พร้อมยืนยันว่าพรรคจะส่งนายวันลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่บางบอน-หนองแขมอย่างแน่นอน
    วันเดียวกัน พรรคการเมืองต่างลงพื้นที่กันอย่างคึกคัก ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จ.นครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นำผู้สมัครทั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์และแบบแบ่งเขตในพื้นที่นครราชสีมาทั้ง 14 เขต เดินทางได้เข้ากราบสักการะขอพรย่าโมเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีบรรดากองเชียร์จากหลายอำเภอได้นำดอกกุหลาบสีแดงมอบให้เป็นกำลังใจกว่า 1,000 คน 
        ที่การเคหะธนบุรี 2 พรรคไทยรักษาชาติ นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นและรับสมัครสมาชิกที่พร้อมแจกเอกสารแนะนำตัว น.ส.กมลพัฒน์ ปุงบางกะดี่ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 25 บางขุนเทียน ของ ทษช. 
     ที่โรงละครและศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคอนาคตใหม่นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จัดกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 14 จังหวัดในภาคใต้ แสดงวิสัยทัศน์และเปิดนโยบายพรรค ท่ามกลางประชาชนและสมาชิกที่เข้าร่วมอย่างเนืองแน่น ซึ่งล่าสุดได้ว่าที่ผู้สมัครครบทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้
    ขณะที่พรรค พปชร. โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กล่าวว่า ในวันนี้ได้จัดเวทีภาคเหนือ 5 จังหวัด เพื่อหาสมาชิกทำความเข้าใจกับประชาชนในบทบาทของ พปชร.และรับฟังปัญหาความต้องการของประชาชน โดยที่ จ.เชียงใหม่ มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค,   นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รับผิดชอบ ส่วนเวที จ.พิษณุโลก ตน นายอนุชา นาคาศัย นายภิรมย์ พลวิเศษ และนายธนกร วังบุญคงชนะ ดูแล ส่วนเวที จ.เพชรบูรณ์ นำโดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายเอกภาพ พลซื่อ, เวที จ.กำแพงเพชร นำโดย พ.ต.อ.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายไผ่ ลิกค์ และเวทีที่ จ.นครสวรรค์ มีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค และ นายวีระกร คำประกอบ โดยทั้ง 5 เวทีมีการไลฟ์สดผ่านเพจหลักของพรรค และวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ผ่านยูทูบแชนแนลของ พปชร. 
    ที่สำนักงานนายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา ปชป. อ.เมืองฯ จ.สงขลา นายเจือ ราชสีห์, นายถาวร เสนเนียม, นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว อดีต ส.ส.สงขลา ร่วมแถลงข่าวและพบประชาชนที่มาให้กำลังใจประมาณ 200 คน คัดค้านและขอให้ตรวจสอบการลงคะแนนเลือกตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา ปชป. และแจกหนังสือคัดค้านฯ ถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า และนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค และขอให้ยกเลิกการประชุมจัดตั้งสาขาพรรค ปชป.จ.สงขลา จากกรณีจัดการลงคะแนนเลือกนายสรรเชญ บุญญามณี เป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา ซึ่งเป็นกลุ่มนายนิพนธ์ บุญญามณี และพวกได้จัดตั้งมา ขาดความโปร่งใส รวบรัดจัดฉาก ไม่อาจยอมรับได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"