รองโฆษกพรรคตุ๊ดตู่ รู้สึกละอายที่อยู่ในประเทศที่มีผู้นำชื่อ'บิ๊กตู่'


เพิ่มเพื่อน    

25 ธ.ค.61- นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงการเยี่ยมชมตลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าทำนองว่าอยากจะรู้ว่าที่บอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี มันไม่ดีอย่างไร เพราะคนข้างนอกเขาก็พอใจ และอยู่ได้ ถามพ่อค้าอีกว่าที่ขายไม่ดีแสดงว่าเราสู้เขาไม่ได้ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาลูกค้าประจำ ที่บอกขายของไม่ดีขายของไม่ได้ แต่มาเดินแล้วก็เห็นว่าขายได้ทุกร้าน อยู่ที่ว่าจะขายอะไรด้วย ว่า เพียงคำพูดไม่กี่คำที่นายกฯ พูดคุยกับประชาชน แสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำ วุฒิภาวะ ทัศนคติ วิธีการมองปัญหาของคนพูด 

"ผมรู้สึกละอายที่อยู่ในประเทศที่มีผู้นำพูดด้วยความคิดเช่นนี้ ช่างต่างจากผู้นำของต่างประเทศ รวมถึงอดีตนายกฯ คนอื่นๆ ถ้าจะพูดเช่นนี้ไม่พูดเลยจะดีกว่า จะได้ไม่เผยสติปัญญาและความคิดดูแคลนประชาชน การจะเป็นผู้นำ ที่เข้ามาแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ ควรจะต้องมองปัญหาทั้งระบบ จากปัญหาเล็กๆ ตรงหน้า มองไปถึงโครงสร้าง ภาพรวม นำไปสู่วิธีแก้ปัญหา มิใช่การใช้โวหารเอาสีข้างเข้าถูกับปัญหาที่พบเจอ ให้เป็นในแบบที่คนรอบข้างรายงานและตนเองเขื่อ การลงมารับฟังปัญหาจากประชาชน ต้องฟังแล้วหาทางแก้ไขไม่ใช่การมาโต้ตอบเอาชนะคะคานกับประชาชน โดยหาข้ออ้าง เอาความดีเข้าตัว เอาความชั่วให้คนอื่น นี่หรือผู้นำของประเทศไทย" 

นายรยุศด์ ยังกล่าวถึงสิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ระบุ 8 เหตุผลที่ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีก ว่า ตนเห็นด้วยทุกประการ แค่ 4 ปีเศษ ประเทศยังตกต่ำลงไปได้ขนาดนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ คิดจะสืบทอดอำนาจอยู่ต่อ ประเทศจะตกต่ำลงไปอีกแค่ไหน รัฐบาลที่ไม่เข้าใจประชาชน เข้าใจการบริหารเศรษฐกิจ ไม่เข้าใจปัญหาที่แท้จริงของประเทศ ไม่ยอมรับความจริง ต้องการแต่จะรับฟังสิ่งที่ตนเองชอบ คนแบบนี้ไม่สมควรมาเป็นผู้นำประเทศ นี่ยังดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาจากการยึดอำนาจ มีม.44 ทำให้สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ ไม่มีใครกล้าขัดใจ แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเข้ามาอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ถึงแม้ว่าพวกของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นคนเขียนขึ้นมาก็ตาม ไม่มี ม.44 อีกต่อไป ท่านจะอยู่ได้หรือ ตนรู้สึกสงสารท่านล่วงหน้าจริงๆ 

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวอีกว่า ตนขอยกสิ่งที่ตนเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ เรื่องในอดีตประเทศเรามีรัฐบาลที่โดดเด่นในการแก้ไขปัญหาความยากจน เช่นในยุคของรัฐบาลคึกฤทธิ์ ปราโมช อย่างนโยบายเงินผัน และรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่มีการออกนโยบายต่างๆ มามากมาย ซึ่งทั้ง 2 รัฐบาลถูกโจมตีอย่างหนักว่าเงินรั่วไหล เกิดการทุจริต แต่พอเวลาผ่านไปก็ปรากฎชัดเจนว่า จากการดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านนี้ ได้ส่งผลในการยกระดับให้คนจนมาเป็นชนชั้นกลางได้มากขึ้น เราเคยเกือบจะแก้ไขปัญหาสำเร็จมาแล้ว แต่เพราะเราเล่นการเมืองมากไปมันเลยต้องหยุดชะงักลง ดังนั้นเราต้องนำบทเรียนในประวัติศาสตร์มาเป็นแนวทางโดยไม่มีอคติ 

สำหรับพรรคเพื่อชาติ จะสนใจแก้ไขเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำให้เป็นวาระแห่งชาติ การท่องเที่ยวกับชุมชนท้องถิ่นนำมาบูรณาการ รวมถึง การแก้ไขปัญหาความยากจน ไม่อยากให้มองเฉพาะในประเทศ เพราะสหประชาชาติได้กำหนดให้ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องเร่งด่วน และปัญหาความยากจนของเราต้องถูกยกระดับให้เป็นปัญหาระดับโลก ดูว่าต่างประเทศทำยังไงถึงประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ปัญหาในไทยต้องแก้แบบไทยๆ อย่างเดียว เราต้องเปิดโอกาสเรียนรู้จากที่อื่นมาร่วมพัฒนาด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"