ฮือฮา!ปักหมุดแลนด์มาร์กเที่ยว'สวนองุ่น'ม.อ.ตรัง


เพิ่มเพื่อน    

28.ธ.ค.61-  ที่สนามหน้าหอพักศรีตรัง 2 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง น.ส.พนิตตา ทองดอนเกื้อง ผู้จัดการหอพักศรีตรัง 2 พร้อมด้วยคณะ ได้นำชมแปลงองุ่นสายพันธุ์ “บิวตี้ ซีดเลส” (BEAUTY seedless) จำนวน 2 แปลง ที่เป็นแปลงปลูกรุ่นที่ 1 ที่ออกผลผลิตอยู่เต็มแปลง ได้มีนักท่องเที่ยวและนักศึกษาต่างเข้ามาชม รวมทั้งชิม และถ่ายภาพเซลฟี่กับพวงองุ่น ที่ออกผลดกและสวยงาม กันอย่างคึกคัก โดยการปลูกจะนำผลผลิตไปจำหน่ายด้านนอกในบ้างส่วน เพื่อนำรายได้มาพัฒนาหอพักนักศึกษา และในส่วนของนักศึกษาหรือบุคลากรจะจำหน่ายในราคาที่ต่ำ บางส่วนก็จะนำไปแจก 

ทั้งนี้ องุ่นพันธุ์บิวตี้ ซีดเลส (BEAUTY seedless)  เป็นองุ่นไม่มีเมล็ด ทรงผลรี มีขนาดปานกลาง สีดำ ช่อใหญ่ ออกดอกติดผลง่าย รสชาติอร่อย หวานกรอบ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคและมีราคาแพง อายุต่ำ ตัดแต่งกิ่งจึงจะเก็บผล 4 เดือนครึ่ง  ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูและสภาพพื้นที่ มีสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์ น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี เหล็ก และ แคลเซียม ช่วยบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลังอีกด้วย เป็นสายพันธุ์องุ่นต่างประเทศ ที่ถูกนำเข้ามาปลูกในเมืองไทยเมื่อประมาณ  14-15  ปีก่อน  โดยทั่วไปจะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ เมื่อปลูกในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศหนาวเย็น ปัจจุบัน องุ่นพันธุ์บิวตี้ ซีดเลส นับเป็นพืชเศรษฐกิจทำเงินที่ สร้างรายได้อย่างดีให้แก่เกษตรกรจำนวนมาก

น.ส.พนิตตา  ผู้จัดการหอพักศรีตรัง 2 กล่าวว่า แรงบันดาลใจที่เริ่มทำแปลงองุ่นนี้เริ่มมาจาก เห็นนักศึกษาชอบในการเซลฟี่ ประกอบกับหอพักดังกล่าวได้เน้นบรรยากาศที่น่าอยู่ เอื้อให้นักศึกษาได้ศึกษาเรียนรู้ ก็เลยคิดว่าปลูกอะไรดีที่ดีสำหรับเขา  โดยหลังจากที่แปลงองุ่นตรงนี้ประสบผลสำเร็จ ทางผู้บริหาร อาจารย์ และนักศึกษา เขาก็ต่างมีความสุขกับเรา 

"อย่างน้อยๆเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฯ ทั้ง 5 วิทยาเขต เขาก็ได้เข้ามาเรียนรู้งาน ต่างก็ได้รับคำชื่นชมจากพวกเขาเหล่านี้ เป็นผลตอบรับที่ทำให้หัวใจของเรามีความสุข ในปัจจุบันคนเราต้องคิดอะไรนอกกรอบบ้าง เพื่อจะให้เกิดความแตกต่าง แต่การที่สามารถปลูกได้ก็ต้องลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง โดยในตอนนี้มีแนวคิดว่า เศรษฐกิจของภาคใต้ขณะนี้ตกต่ำอย่างมาก ยิ่งราคาของยางพารา ทำให้ชาวบ้านก็ต้องลำบาก ก็อยากให้มองนอกกรอบสักนิดว่า องุ่นเป็นสิ่งที่น่าทดลอง อย่างน้อยก็ทดลองก่อนต้นทุนก็ไม่สูง บวกกับองุ่นเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ อย่างน้อยๆ ตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท"

เธอระบุว่า ซื้อแค่พันธ์องุ่นอย่างเดียว ปุ๋ยเราไม่ต้องใช้ ทุกอย่างธรรมชาติ ปลอดสารพิษล้วนๆ อีกทั้งองุ่นชนิดนี้เหมาะสมกับสภาพอากาศของภาคใต้ที่สุด ระยะการออกผลของที่นี่ อยู่ที่ประมาณ 8-9 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่หากดินที่อยู่ภายในสวนยางพารา หรือสวนปาล์มน้ำ ที่เป็นดินดีมีคุณภาพ ระยะเวลาของผลผลิตก็จะเร็วกว่านี้ 

"ยอมรับว่าดินสถานที่แห่งนี้ด้านล่างเป็นดินกรวด  ที่ปะปนไปด้วยหินทราย เราก็ได้นำดินจากที่อื่นมาถมลงเพื่อทำเป็นแปลงสาธิต  ยินดีที่จะให้คำปรึกษากับเกษตรกร หรือผู้ที่สนใจอยากจะปลูก ขอเชิญชวนให้นักท่องเที่ยว หรือประชาชนทั่วไปเข้ามาชมได้ตลอดในทุกๆวัน" น.ส.พนิตตา ระบุ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"