2วันอันตรายสังเวย98ศพ คสช.ยึดรถเมาขับ752คัน


เพิ่มเพื่อน    

  เข้าวันที่สอง 7 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 570 ครั้ง เสียชีวิต 56 ราย บาดเจ็บ 592 ศปถ.สั่งเน้นเฝ้าระวังจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเพิ่มความถี่เรียกตรวจเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด กวดขัน จยย. ผู้ที่ดื่มแล้วขับ และขับรถเร็ว คสช.เผย “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ไว้แล้ว 752 คัน โฆษกศาลพบความผิดพ.ร.บ.จราจรฯ เข้าสู่การพิจารณาแล้ว 4,471 ข้อหา  นายกฯ สั่ง จนท.ปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด

    เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่บ้านพัก เพื่อทบทวนภารกิจในช่วงที่ผ่านมา และวางแผนการทำงานในปีหน้า รวมทั้งติดตามข่าวสารการเดินทางและการเฉลิมฉลองปีใหม่ของประชาชน
    โดยนายกรัฐมนตรีได้รับรายงานตัวเลขอุบัติเหตุวันแรกในช่วง 7 วันอันตราย 27 ธ.ค.61-2 ม.ค.62 ว่าเกิดอุบัติเหตุ 420 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 42 ราย บาดเจ็บ 432 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ และขับรถเร็ว นอกจากนี้ จากการตั้งจุดตรวจพบผู้ขับขี่กระทำผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
    “นายกฯ ย้ำว่า การเมาแล้วขับและขับรถเร็วเป็นบ่อเกิดของอุบัติเหตุที่พูดกันทุกปี จึงอยากฝากเตือนให้ผู้ขับขี่พึงระลึกไว้เสมอ เพราะการดื่มสุราหรือใช้ความเร็วขณะขับเพียงช่วงเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดความสูญเสียหรือบาดเจ็บไปตลอดชีวิตได้ และหากรู้สึกเมื่อยล้า ขอให้แวะพักที่จุดบริการตลอดเส้นทาง พร้อมทั้งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มงวดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งบนถนนสายหลักและสายรอง” นายพุทธิพงษ์กล่าว
    นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รองประธานคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ คนที่สอง ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 เปิดเผยว่า ศปถ.ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 570 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 56 ราย ผู้บาดเจ็บ 592 คน 
    สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 38.95, ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 28.60 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 76.68, รถปิกอัพ 7.72 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 66.67, บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 42.11,  ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.86 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 28.77 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,049 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,128 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 749,821 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 145,636 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 42,841 ราย ไม่มีใบขับขี่ 38,912 ราย 
    โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (19  ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และสมุทรปราการ (จังหวัดละ 4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (20 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 2 วัน (27-28 ธ.ค.61) เกิดอุบัติเหตุรวม 990 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 98 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 1,024 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 31 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (33 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และลพบุรี (จังหวัดละ 5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และนครราชสีมา (จังหวัดละ 35 คน)
    นายอาคมกล่าวว่า แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดวันแรกของเทศกาลปีใหม่ 2562 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ในขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง ศปถ.ได้เน้นย้ำจังหวัด ให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนทั้งถนนสายหลักและสายรอง เน้นการเฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งจุดตัดทางรถไฟ ทางลักผ่าน ทางแยก ทางร่วม รวมถึงเข้มงวดการจอดรถบนไหล่ทางที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ในเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อป้องกันการง่วงหลับใน กำชับจุดตรวจ ด่านตรวจ บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เน้นกวดขันรถจักรยานยนต์ ผู้ที่ดื่มแล้วขับและขับรถเร็ว เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุรุนแรง ตลอดจนขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถเช่าตรวจสอบใบอนุญาตขับรถของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศรับทราบ และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
     นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำชับจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน ดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์อุบัติเหตุ เน้นการดูแลจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการเรียกตรวจของด่านชุมชน เพื่อป้องปรามและสกัดกั้นผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย ทั้งนี้ ในบางพื้นที่เริ่มมีการเฉลิมฉลองแล้ว จึงได้กำชับจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการดูแลเส้นทางโดยรอบพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลอง และดูแลบริเวณสถานที่จัดงานให้มีความปลอดภัย
    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการ ศปถ. กล่าวว่า สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด เกิดจากการดื่มแล้วขับ และขับรถเร็ว ศปถ.จึงได้สั่งการให้จังหวัดเข้มข้นดำเนินมาตรการป้องกันในมิติเชิงพื้นที่ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ และกลุ่มผู้ใช้ 3 รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย และคุมเข้มการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 29 ธ.ค.2561-2 ม.ค.2562 ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางพื้นที่ ทำให้สภาพถนนเปียกลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน จึงขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ โดยไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือสายด่วน 1669 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
    พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า สถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับขี่ในวันที่ 28 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา มีดังนี้ ในส่วนรถจักรยานยนต์, รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิดรวม 27,019 ครั้ง ดำเนินคดี 21,383 ราย เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องนำรถจักรยานยนต์ไปเก็บรักษาไว้ 451 คัน รถยนต์ 213 คัน ยึดใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 942 คน และยึดใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ 732 คน
    โดยตลอด 2 วันที่ผ่านมา ( 27-28 ธ.ค.61) เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้แล้ว 752 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 514 คัน และรถยนต์ 238 คัน) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 25,826 คน แยกเป็นรถจักรยานยนต์ 14,446 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 11,380 คน
    พันเอกหญิงศิริจันทร์กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งประชาชนจำนวนมากใช้เส้นทางอย่างหนาแน่น ทั้งถนนสายหลักและสายรอง ขณะเดียวกันคสช. โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ตำรวจและฝ่ายปกครอง ยังคงร่วมกันตั้งจุดตรวจและจุดอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในทุกพื้นที่ พร้อมเข้มงวดในมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรอย่างเต็มที่  
    นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยปริมาณคดีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร จำนวนทั้งสิ้น 232 ศาล ในช่วง 7 วันอันตราย ซึ่งรวบรวมข้อมูลสถิติโดยศูนย์ข้อมูลคดี สำนักแผนงานและงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม ประจำวันศุกร์ที่ 28 ธ.ค.2561 ช่วง 2 วันที่ผ่านมา (27- 28 ธ.ค.) จำนวนข้อหาตามความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ขึ้นสู่การพิจารณา ข้อหาที่เข้าสู่การพิจารณาทั้งหมด 4,471 ข้อหา ข้อหาพิจารณาแล้วเสร็จ 4,140 ข้อหา คิดเป็นร้อยละ 92.60% โดยข้อหาที่มีการกระทำผิดสูงสุด 3 อันดับ ยังเป็นขับรถขณะเมาสุรา จำนวน  3,724 ข้อหา, ขับรถขณะเสพยาเสพติด จำนวน 466 ข้อหา เเละขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต จำนวน 205 ข้อหา 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถิติคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลในวันที่ 28 ธ.ค.นั้น ข้อหาตามความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ที่ขึ้นสู่การพิจารณาข้อหาที่เข้าสู่การพิจารณาทั้งหมด 3,250 ข้อหา ซึ่งมากกว่าวันที่ 27ธ.ค. ที่มีข้อหาที่เข้าสู่การพิจารณาทั้งหมด 1,221 ข้อหา ส่วนปริมาณจำเลยที่เข้าสู่การพิจารณาคดี วันที่ 28 ธ.ค. 3,247 คน ซึ่งก็มากกว่าวันที่ 27 ธ.ค. ที่มีจำเลยเข้าสู่การพิจารณาคดี 1,226 คน นับว่าทั้งสถิติคดีและจำเลยมากขึ้นกว่าวันแรกเท่าตัว
        สำหรับบรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตามสถานีขนส่งผู้โดยสารในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งที่สถานีรถไฟยังเนืองแน่นไปด้วยผู้โดยสาร
    สภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพช่วงจาก อ.ปากช่อง-ตัวเมืองนครราชสีมา ในช่วงบ่ายยังมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาทางภาคอีสาน มีปริมาณรถยนต์จำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรบางช่วงติดขัดและชะลอตัวทำความเร็วได้ประมาณ 30-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงที่มีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ และบริเวณบายพาสเลี่ยงตัวเมืองนครราชสีมาซึ่งมีปริมาณรถสะสมจากถนน 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา มาสมทบ ส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวประมาณ 10 กิโลเมตร.
        


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"