10 ม.ค.62 - ตัวแทนชาวบ้านจากหลายอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ กว่า 100 คน ที่ถูกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์การเกษตรสตึก เบี้ยวเงินสินไหมทดแทนหรือค่าจัดการศพให้แก่ทายาทของสมาชิกที่เสียชีวิตรายละตั้งแต่ 120,000-150,000 บาท มานานกว่า 3 ปี ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอสตึก เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีหลังได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ตั้งแต่ปี 2560 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

พ.ต.อ.สัมภาษณ์ ศรีจันทึก ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสตึก ชี้แจงกับตัวแทนชาวบ้านว่า ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่คดีดังกล่าวมีจำนวนผู้เสียหายเป็นจำนวนมากถึง 3,500 กว่าราย และมีมูลค่าความเสียหายกว่า 800 ล้านบาท จึงต้องใช้เวลาในการสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมเอกสารหลักฐานพอสมควร ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีการแต่งตั้งชุดพนักงานสอบสวนจำนวน 8 นายขึ้นมาทำคดีดังกล่าวโดยเฉพาะ และเมื่อเดือน ต.ค.2561 พนักงานสอบสวนก็ได้สรุปสำนวนคดีพร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ส่งอัยการจังหวัดไปแล้ว แต่ทางอัยการตรวจสอบแล้วพบว่า สำนวนยังไม่มีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ เช่น ยังไม่ได้มีการสรุปรวมค่าความเสียหาย ไม่ได้ระบุวันเดือนปีที่เริ่มเป็นสมาชิก การส่งเงินส่งอย่างไร เท่าไหร่ ทำให้ข้อมูลไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงได้ให้นำแบบฟอร์มกลับมาดำเนินการใหม่

"หากชาวบ้านกรอกแบบฟอร์มได้ครบเร็วก็จะสามารถสรุปสำนวนส่งได้เร็วเช่นกัน ส่วนจะพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ขึ้นอยู่กับอัยการ อย่างไรก็ตาม หากมีชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายกรณีดังกล่าวก็สามารถมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มได้"

นายบุญคง นพรัตนวงศกร อายุ 66 ปี ตัวแทนชาวบ้านและหนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่าหลังจากแจ้งความร้องทุกข์มาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงได้พากันเดินทางมาติดตามทวงถามความคืบหน้าคดีอีกครั้ง ซึ่งหลังจากได้รับฟังคำชี้แจงจากทาง ผกก. ก็พอใจ ในส่วนของชาวบ้านก็จะเร่งกรอกข้อมูลในเอกสารที่ทางอัยการนำกลับมาให้ใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อที่ทางพนักงานสอบสวนจะได้สรุปสำนวนส่งอัยการให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ก็ผ่านมานานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งชาวบ้านที่ถูกฉ้อโกงก็อยากจะได้เงินคืน แต่หากทางสมาคมไม่มีเงินคืนก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด