ผีทักษิณ vs ผีรัฐประหาร


เพิ่มเพื่อน    

        ระหว่าง ผีทักษิณ กับ ผีรัฐประหาร ที่ชักจะกลับมาเป็น ไฮไลต์ ทางการเมืองในช่วงนี้ หรือกลับมาประเด็นที่เอาไว้ใช้ด่ากันไป ด่ากันมา ถ้าลองหยิบมาเปรียบเทียบ วัดช่วงชกกันดูแล้ว ก็คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า ผีทักษิณ นั้นออกจะน่าเกลียด น่ากลัว มากกว่า ประมาณ 5 เท่า 10 เท่า เป็นอย่างน้อย...

                                  -----------------------------------------------

        คืออาจด้วยเหตุเพราะ ผีรัฐประหาร นั้น...ถือเป็นผีที่อยู่เคียงคู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด คล้ายๆ ประเภท แม่นาคพระโขนง หรือ พี่มากพระโขนง อะไรประมาณนั้น หนักไปทางผีโบราณ โดยลักษณะลีลาของการหลอก การหลอน เลยมักออกไปทางเชยซ์ซ์ซ์ๆ เช่น ยืดมือ ยืดแขน ระหว่างตำน้ำพริกอยู่นอกชาน ผ่านร่อง ผ่านกระดาน ลงไปเก็บมะนาวที่ตกอยู่ใต้ถุน ทำนองนั้น ไม่ก็ห้อยหัว ห้อยหาง ลงมาจากขื่อ จากหลังคา ซึ่งไม่ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัว มากมายซักเท่าไหร่ แถมบางครั้ง บางครา อาจได้ผ่อนคลายบรรยากาศความน่าขนลุก ขนพอง น่าสยดสยอง ด้วยการ วิ่งหนีผีลงตุ่ม อีกต่างหาก ชนิดเล่นเอา ฮา ขี้แตก ขี้แตน กันไปเป็นรายๆ...

                                    ------------------------------------------------

        อีกทั้งเมื่อไหร่ที่ต้องเจอกับ หลวงตา เจอกับ พระ ที่เคร่งครัดในศีล ในธรรม...แม่นาค ก็พร้อมที่จะ ลงหม้อ โดยไม่ได้คิดจะหือรือ คิดจะดื้อๆ ด้านๆ อะไรกันมากมาย นอกซะจากเมื่อดันมาเจอกับ หมอผี กระจอกๆ ประเภท ล้อต๊อก หรือ สีเทา เป็นต้น ก็อาจต้องแลบลิ้น ปลิ้นตา แหกอก แหกทวาร ให้ใครต่อใครได้กรี๊ดๆ กร๊าดๆ เกิดอาการขนหัวลุก ขนคอตั้ง ไปตามสภาพ ต่างไปจาก ผีทักษิณ ที่หลังๆ นี้...ไม่ใช่มีแค่ตัวเดียว แต่ปาเข้าไปถึง 3 ตัวเข้าไปแล้ว หรือชักหนักไปทาง ซอมบี้ ชนิดมากันเป็นฝูงๆ มีทั้งตัวพี่ ตัวน้อง ที่ฆ่าไม่ตาย-ขายไม่ขาด กันได้ง่ายๆ...

                                     ---------------------------------------------------

        เรียกว่า...ออกไปทางผีรุ่นใหม่ ที่มากับความก้าวล้ำ นำสมัย มาเพราะการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัส เลยเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีรุ่นเก่าๆ อย่างเช่น ผีแวมไพร์ ที่แค่คว้าไม้กางเขนติดไม้ ติดมือ หรือกินกระเทียมให้เยอะๆ เข้าไว้ ก็อาจพอคุ้มครอง ป้องกัน ได้พอประมาณ แต่สำหรับ ซอมบี้ แล้ว อาจต้องคว้าปืนกล ปืนเอ็ม 16 หรือลูกซอง มายิงกันชนิดหมดแม็กนั่นแหละ แล้วต้องยิงที่หัว ยิงให้เจาะกลางลูกตา เพราะถ้าแค่ยิงแขน ยิงขา ยังสามารถลุกขึ้นมาโซซัด โซเซ เดินทื่อๆ เข้าหา คว้าใครต่อใครไปกินเนื้อ กินสมอง ดูดสมอง ได้สบายๆ...

                                     ---------------------------------------------------

        ดังนั้น...ระหว่างที่ ผีรัฐประหาร โดนหยิบเอามาเป็นประเด็น ด่าว่า ด่าทอ สร้างความน่าเกลียด น่ากลัว ท่ามกลางบรรยากาศเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แต่จู่ๆ...ดันมี ผีซอมบี้ โผล่ขึ้นมาจากหลุมไหน ต่อหลุมไหน ก็ไม่รู้ เดินกางแขน กางขา เรียงหน้ากันมาเป็นฝูงๆ เลยส่งผลให้แทนที่ใครต่อใครจะหันไปกลัว ผีรัฐประหาร กลับต้องมาหวาดผวา ไหวหวั่น สั่นประสาทกับ ผีซอมบี้ กันแทนที่ ยิ่งเกิดการลุกขึ้นมาทั้งตัวพี่ ตัวน้อง สร้างกิจกรรม กิจการ ไม่เว้นในแต่ละวัน เดี๋ยวโพสต์โน่น โพสต์นี่ ก็เลยยิ่งส่งผลให้ ผีรัฐประหาร กลายสภาพเป็น เอ็ดดี้ ผีน่ารัก ไปโดยปริยาย...

                                  ------------------------------------------------------

        อันนี้...จะไปโทษใครก็คงมิได้ คงต้องหันไปโทษผู้สร้าง ผู้กำกับ นั่นแหละทั่น ที่ไม่สามารถกำหนดฉาก กำหนดซีน ไม่สามารถควบคุมตัวแสดง ให้เล่นไปตามบท ตามสคริปต์ ที่วางเอาไว้ได้เลย ทั้งที่ ผีรัฐประหาร กำลังออกอาการย่ำแย่มิใช่น้อย เรียกว่า แม้ไม่ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัว แต่ออกไปในทางน่าเบื่อ น่ารำคาญ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อ ผีซอมบี้ ดันผุดๆ โผล่ๆ ขึ้นมาแค่ไม่กี่ฉาก ไม่กี่ซีนเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ใคร...ที่กลัวว่าจะโดนกินเลือด กินเนื้อ ดูดสมอง เลยต้องหันไปกู่ร้อง ปองรัก หันไปเชียร์ ผีรัฐประหาร กันไปเป็นรายๆ...

                                ----------------------------------------------------------

        ก็เอาเป็นว่า...สุดท้ายแล้ว ฝ่าย ซอมบี้ จะกวาดเก้าอี้มาได้ถึง 200-300 ตามที่ สารวัตรเหลิม นินจา ท่านพ่นแมงโม้เอาไว้หรือไม่ ประการใด หรือว่าฝ่าย แม่นาคพระโขนง จะกลายเป็นฝ่าย หักปากกาเซียน ตามที่ กุมารสนธิรัตน์ ท่านได้ปลุกจิต ปลุกใจ บรรดา พี่มาก เอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าอาจคว้าเก้าอี้กันถึงระดับ 300 เก้าอี้เป็นอย่างน้อย อันนี้...ก็คงขึ้นอยู่กับ รสนิยม ของบรรดา แฟนหนังผี ทั้งหลาย ว่าจะรักใคร ชอบใคร เกลียดใคร หรือกลัวใคร ไปถึงระดับไหนกันแน่!!!

                               -----------------------------------------------------------

        แต่ก็ด้วยเหตุที่ ความกลัวผี มันดันกลายเป็น ไฮไลต์ หรือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการตัดสินใจเลือกใคร ไม่เลือกใคร สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน กี่เดือนข้างหน้า การหวนกลับไปสู่ประชาธิปไตย มันจึงชักแทบไม่ต่างอะไรไปจากการหวนกลับไปสู่บรรยากาศ ผีหลอกวิญญาณหลอน ยิ่งขึ้นทุกที เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันจะน่าขนลุก ขนพอง ไปได้ถึงเพียงนี้...

                          ----------------------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Ruth E. Renkel ... “Never fear shadows. They simply mean there is a light shining somewhere nearby. - อย่ากลัวเงา...เพราะเงานั้น หมายถึงยังมีแสงสว่างอยู่ใกล้ๆ...”

                          -------------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"