โถ!นักการเมืองแห่ดูดฝุ่น มลพิษเพราะภาวะไร้ปชต.


เพิ่มเพื่อน    

    นักการเมืองโหนฝุ่นละออง พท.ซัด "บิ๊กตู่" มัวแต่จัดอีเวนต์ทางการเมือง จี้มาปักหลักแก้ปัญหามลพิษ แนะหยุดการก่อสร้างชั่วคราว-ล้างถนนช่วงเวลาเร่งด่วน ทษช.คอนเฟิร์มเกิดจากภาวะที่ไม่เป็นประชาธิปไตย "มาร์ค" อัดรัฐบาลส่งสัญญาณตรงข้ามที่หนุนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
    เมื่อวันอังคาร นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองจิ๋ว หรือ PM 2.5 ที่ปกคลุมไปทั่วกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนว่า นักวิชาการบางส่วนมองปัญหาฝุ่นละอองเข้าขั้นวิกฤติแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กลับทำได้แค่การบอกว่ารับรู้ปัญหา แต่เลือกไปเดินสายจัดอีเวนต์ทางการเมือง ทำบุญไหว้พระ ใช้โอกาสไปวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของรัฐบาลเก่า ไม่รู้ว่าลงพื้นที่ไปติดตามงานหรือไปหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งกันแน่ จะจัด ครม.สัญจรก็ทำเท่าที่จำเป็นรีบประชุม รีบแก้ปัญหา ลด ละ อีเวนต์ทางการเมืองที่ไม่ใช่สาระการแก้ปัญหาลง ไม่ใช่เดินสายวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของรัฐบาลเก่า 
    "ขอเสนอแนะ พล.อ.ประยุทธ์ ให้แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ อย่าบ่นทุกเรื่อง ปัญหาฝุ่นละออง ท่านจะปล่อยให้เป็นเรื่องของกรุงเทพมหานครเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว แต่ท่านควรมาปักหลักแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบไปทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มากกว่าเดินสายจัดอีเวนต์ทางการเมือง" นายอนุสรณ์กล่าว
    นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส.บางกะปิ-วังทองหลาง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกฯ และรัฐบาลควรหยุดเอาเวลาที่ไปหาเสียง และเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของประชาชน ฝุ่นละอองเกิดจากหลายปัจจัย แต่สามารถแก้ไขเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองได้ง่าย เช่น การให้ผู้ที่กำลังประกอบการก่อสร้างทั้งหมดหยุดการก่อสร้างชั่วคราวในช่วงเวลาเร่งด่วน และให้รถน้ำเข้ามาล้างถนนก่อนช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อไม่ให้กระทบช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้คนต้องเดินทาง สำหรับเขตพื้นที่บางกะปิ ขณะนี้มีนักเรียนหลายคนเริ่มมีอาการป่วย และได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นพิษนี้แล้ว
     "กระทรวงสาธารณสุขควรทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม ในการแจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นพิษ PM 2.5 ในบริเวณป้ายรถเมล์ หรือบนรถเมล์ และบริเวณทางขึ้น-ลงสถานีรถไฟฟ้า และควรจะให้ทุกโรงเรียนแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นพิษ PM 2.5 ให้กับนักเรียนในเวลาเลิกเรียนด้วย ซึ่งไม่น่าจะใช้งบอะไรมาก และน่าจะสามารถทำได้ทันที คุ้มค่ากว่าที่รัฐบาลเอาเงินภาษีประชาชนไปแจกคนละ 500 บาท" นายตรีรัตน์กล่าว
    ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กพร้อมภาพประกอบ ระบุว่า เรื่องฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน เป็นเรื่องที่น่าห่วงใยต่อสุขภาพของคนกรุงเทพฯ อย่างยิ่ง เมื่อวานไปบางกอกน้อยมา ขอนำภาพตัวอย่างที่เป็นต้นตอของปัญหาฝุ่นที่ฟุ้งกระจายในกรุงเทพฯ มาแชร์ ปัญหาหลักอย่างหนึ่งของฝุ่นในกรุงเทพฯ อยู่ที่การก่อสร้าง ทั้งอาคารสูงและโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่กระจายกันสร้างอยู่ทั่วกรุงในขณะนี้ โดยไม่มีการป้องกันฝุ่นละอองตามมาตรฐานที่กำหนด ทั้งการใช้วัสดุคลุมบริเวณก่อสร้าง รวมทั้งการฉีดน้ำทำความสะอาดในบริเวณที่ก่อสร้างหลังเลิกงานทุกวัน เพื่อป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจาย ดังนั้นเมื่อมีรถวิ่งผ่านก็ยิ่งทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วกรุงเทพฯ ทั้งวันทั้งคืน
     คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า อีกปัญหาที่สำคัญคือควันพิษที่เกิดจากท่อไอเสียของรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และโดยเฉพาะรถเมล์และรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีสภาพเก่าและปล่อยควันดำออกมามากๆ ซึ่งก็มีกฎหมายการตรวจสภาพรถอยู่แล้ว แต่ปล่อยปละละเลย ให้วิ่งพ่นควันดำไปทั้งเมือง ขอเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาให้คนกรุงเทพฯ อย่างจริงจัง และควรถือเป็นวาระเร่งด่วน ด้วยการกำชับให้ กทม.ดูแลการก่อสร้างใน กทม. ทั้งอาคารสูง และโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น การฉีดน้ำทำความสะอาดไซต์งานก่อสร้างทุกวันหลังเลิกงาน หาวัสดุคลุมบริเวณก่อสร้างให้มิดชิด ที่สำคัญต้องฉีดน้ำล้างล้อรถบรรทุกที่ขนส่งวัสดุอุปกรณ์ ก่อนออกจากไซต์งานก่อสร้างทุกครั้ง เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองอย่างเร่งด่วน รัฐบาลต้องให้กระทรวงคมนาคมที่รับผิดชอบต่อการตรวจสภาพรถ และต่อทะเบียนรถยนต์ อย่าปล่อยรถที่เก่าและปล่อยควันดำจำนวนมากๆ ออกมาวิ่งทั่วเมืองอย่างทุกวันนี้ โดยเฉพาะรถเมล์และรถบรรทุกขนาดใหญ่
    ขณะเดียวกัน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรค และนายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล หรือบิ๊กเบญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คลองเตย พรรคไทยรักษาชาติ พร้อมคณะทำงานลงพื้นที่ตลาดคลองเตย รับฟังปัญหาประชาชน โดย ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า สำหรับเรื่องฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐาน หรือ PM 2.5 ที่ปกคลุมกรุงเทพฯ อยู่ ขอให้ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการและวางแผนงานช่วยเหลือบรรเทา เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชน และยังแนะนำให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่าน Application ตรวจสอบดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ Air Quality Index เพื่อจะได้ป้องกันให้ทันท่วงที
    นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงภาวะฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานว่า การดำเนินการของผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องไม่ทันท่วงที ให้ข้อมูลกับประชาชนไม่ครอบคลุม ซึ่งเกิดจากภาวะที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และทำให้มาตรการดูแลการก่อสร้างหรือควบคุม ต้นเหตุของปัญหาไม่เข้มงวด สังเกตจากการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ไม่มีการคลุมตาข่าย หรือแม้แต่การควบคุมการจราจรก็ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คงจะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงแล้ว 
    "อาจถึงเวลาที่สังคมไทยต้องทบทวนว่าโครงการขนาดใหญ่จะต้องกระจายออกไปชานเมือง ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความแออัดและภาวะมลพิษ นอกเหนือจากกระจายการพัฒนาสู่ชานเมืองอีกด้วย" นายประภัสร์กล่าว
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้หน่วยงานราชการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการให้ความรู้กับประชาชน ส่วนมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้ได้มาตรฐาน หากมีสถานการณ์ที่รุนแรงพิเศษ อาจจะกำหนดมาตรการควบคุม ไม่ว่าจะเรื่องการก่อสร้าง โรงงาน หรือการผลิตไฟฟ้า แต่ในเชิงนโยบายระยะต่อไปต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการสนับสนุนระบบขนส่งมวลชน มาตรการที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนต่างๆ ซึ่งมีส่วนสร้างปัญหา รวมถึงการลดการใช้เชื้อเพลิงและใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานทดแทน จนการกระจายความเจริญออกไปนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนมากขึ้น ในฐานะที่เป็นประเทศซึ่งมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษและสิ่งแวดล้อม แต่ประชาชนรู้ข้อมูลน้อยมาก จึงต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรม แต่หลายครั้งรัฐบาลกลับส่งสัญญาณที่สวนทาง เช่น การสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นต้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"